“วีรพงษ์” แนะไทยเร่งลงทุน หวังผลักดัน ศก. เติบโตได้ตามเป้าหมาย พร้อมหนุนท่าเรือน้ำลึก “ทวาย” เชื่อมโยงอาเซียน “ศุภชัย” เตือนการค้าโลกเปลี่ยน แต่ละประเทศเริ่มกีดกันการค้ามากขึ้น
นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนการค้าโลก : ไทยจะเดินอย่างไร” ในวันครบรอบ 92 ปีสถาปนากระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า ขณะนี้ที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง รวมทั้งกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งยังอยู่ในช่วงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยังมีประเทศที่ยังคงมีเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีอยู่ คือ จีน ที่คาดว่าจะมีการนำเอาเงินทุนสำรองออกมาลงทุน และคาดว่าไทยก็ต้องอาศัยโอกาสจากการลงทุนของจีน ซึ่งเรามีโอกาสสูงจากการที่เรารวมกลุ่มเป็นอาเซียน และไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน
สำหรับจุดเปลี่ยนของไทย ได้แก่ การลงทุนในด้านคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายที่จะเป็นโครงการที่ทำให้ไทยเป็นประตูเชื่อมโยงอาเซียน และเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าของไทยไปยังทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก โดยโครงการแรกที่จะต้องทำคือการเชื่อมโยงท่าเรือมาบตาพุด แหลมฉบัง และทวาย
ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญของไทย คือ เรายังคิดว่าประเทศขาดดุลอยู่ ทั้งๆ ที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาตั้งแต่ต้มยำกุ้ง หรือนานเกือบ 15 ปีมาแล้ว เพราะไทยไม่ลงทุนเลย ถ้ารัฐบาลตัดสินใจลงทุนเดี๋ยวนี้กว่าจะเสร็จอีก 6-7 ปี ซึ่งจำเป็นที่รัฐจะต้องประกาศให้เอกชนรู้ด้วยว่ารัฐจะทำอะไรเพื่อให้เอกชนเดินตามไปได้
ด้านนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) กล่าวว่า จุดเปลี่ยนการค้าโลกที่น่าจับตาจากนี้ไปคือ การค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าในการประชุมรอบโดฮา แต่ในอนาคต การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในระดับพหุภาคีจะเป็นการป้องกันผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกได้ อย่างไรก็ตาม ในความร่วมมือคาดว่าจะมีการนำมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีมาใช้เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน