ASTVผู้จัดการรายวัน - เจ้าตำรับนวดวัดโพธิ์ปรับแผนธุรกิจรองรับเปิดเออีซี เล็งทำหลักสูตรระดับอาชีวศึกษา ก่อนก้าวสู่วิทยาลัยด้านสุขภาพในระดับปริญญาตรี หวังตั้งรับโรงเรียนข้ามชาติที่จะเข้ามาเปิดหลังเข้าสู่ยุคเออีซี พร้อมทยอยเปิดเชตวันรูปแบบเอาต์เลตในปั๊ม ปตท. แผนงานปีหน้าผุดศูนย์สุขภาพเชตวันอีก 2 แห่งที่กระบี่ และบางนา ขณะที่แผนงานเชิงรุกเร่งเจรจานักธุรกิจเพื่อนบ้านขยายธุรกิจคลุมอาเซียน
นายเสรัชย์ ตั้งตรงจิตร กรรมการผู้จัดการศูนย์สุขภาพเชตวัน ผู้ก่อตั้งตำนานนวดวัดโพธิ์ เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมทั้งเชิงรับและเชิงรุกกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกันยังชะลอแผนการขยายธุรกิจในยุโรป ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยูโรโซน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์เชิงรับ ทางศูนย์ฯ อยู่ระหว่างการจัดทำหลักสูตรการนวดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในรูปแบบหลักสูตร ปวช และ ปวส.เพื่อลดช่องว่างที่มีอยู่ขณะนี้ เพราะส่วนใหญ่ หลักสูตรการนวดและการดูแลสุขภาพที่มีอยู่ผู้จบหลักสูตรจะได้รับเพียงประกาศนียบัตร ขณะที่มีหลายมหาวิทยาลัยก็เริ่มเปิดวิชาการนวดและศาสตร์การนวดแผนไทย ทำให้ไม่มีบุคลากรที่จบการศึกษาระดับอาชีวะเพื่อไปประกอบอาชีพ หรือเพื่อไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย เพราะในอนาคตเชตวันก็มีแนวคิดที่จะเปิดเป็นวิทยาลัยด้านสุขภาพเป็นหลักสูตรปริญญาตรี
“เออีซีทำให้ตลาดเปิดกว้างทั้งด้านการลงทุนและแรงงาน มีผลให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย และนักลงทุนจากต่างประเทศที่มีหลักสูตรการสอนนวดและดูแลสุขภาพที่ได้รับรองมาตรฐานก็สามารถเข้ามาเปิดโรงเรียนในประเทศไทยได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมพร้อมยกระดับมาตรฐานแรงงานของไทย ขณะเดียวกันก็จัดทำหลักสูตรเพื่อแข่งขันกับธุรกิจข้ามชาติที่จะเข้ามาเปิดในประเทศไทยเช่นกัน
จุดต่างของเชตวัน จะต้องดูแลลูกค้าได้แบบองค์รวม เป็นทั้งผู้จัดการร้าน เทอราปิสต์แต่ละคนมีความเป็นครูสามารถให้คำปรึกษาในเชิงป้องกัน สอนวิธีปฏิบัติตัวเพื่อแก้ไขอาการปวดเมื่อย ทำให้ไม่ต้องมานวดบ่อยเกินไป”
นอกจากนั้นยังเตรียมเพิ่มเอาต์เลตบริการนวดแผนไทยในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เน้นเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยว จากปัจจุบันมีแล้ว 2 แห่ง ที่ ปตท. ไลฟ์พลาซ่า ถนนกาญจนาภิเษก และ ปตท. ถนนราชพฤกษ์ ส่วนสาขา 3 ที่จะเปิดเร็วๆ นี้ คือที่สถานีบริการ ปตท. ถนนเกษตรนวมินทร์ โดยตั้งเป้าหมายจะเปิดเอาต์เลตเฉลี่ย 3 เดือนต่อ 1 เอาต์เลต ลงทุนเอาต์เลตละ 2 ล้านบาท
ซึ่งการเปิดเอาต์เลตไม่สามารถเปิดได้อย่างรวดเร็วเพราะติดปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เป็นพนักงานเทอราปิสต์ แม้เชตวันจะมีโรงเรียนสอนอยู่แล้วก็ตาม แต่นักเรียนส่วนใหญ่มีงานทำอยู่แล้วและมาเรียนเพิ่มเติมหรือมาเรียนเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ในส่วนของการเปิดโรงเรียนและศูนย์สุขภาพ คาดว่าปี 2556 จะได้เห็นอีก 2 แห่ง คือที่จังหวัดกระบี่ และบางนา ใช้เงินลงทุนแห่งละ 10-20 ล้านบาท
ส่วนแผนงานเชิงรุก มีแผนจะขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านย่านอาเซียนในรูปแบบร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น เปิดเป็นโรงเรียนสอนศาสตร์การนวดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในรูปแบบเดียวกันกับศูนย์สุขภาพเชตวัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับนักธุรกิจที่ พม่า และลาว คาดว่าจะเปิดโรงเรียนในประเทศดังกล่าวนี้ได้ก่อนเปิดเออีซีแน่นอน
สำหรับตลาดยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ลงทุนเปิดศูนย์สุขภาพเพื่อสอนการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม การนวด และให้บริการนวดแผนไทยอยู่แล้วที่ออสเตรเลีย และเยอรมนี แต่เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้หลายธุรกิจถูกกีดกันการค้าในรูปแบบต่างๆ เช่น ธุรกิจนวด ในฝรั่งเศสจะห้ามใช้คำว่านวดอย่างเด็ดขาดยกเว้นเรื่องของกายภาพบำบัด ทำให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างลำบาก กำลังซื้อก็ลดลง ขณะที่ในอาเซียนและเอเชียแนวโน้มธุรกิจมีการเติบโตสูงกว่า
นายเสรัชย์ ตั้งตรงจิตร กรรมการผู้จัดการศูนย์สุขภาพเชตวัน ผู้ก่อตั้งตำนานนวดวัดโพธิ์ เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมทั้งเชิงรับและเชิงรุกกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกันยังชะลอแผนการขยายธุรกิจในยุโรป ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยูโรโซน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์เชิงรับ ทางศูนย์ฯ อยู่ระหว่างการจัดทำหลักสูตรการนวดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในรูปแบบหลักสูตร ปวช และ ปวส.เพื่อลดช่องว่างที่มีอยู่ขณะนี้ เพราะส่วนใหญ่ หลักสูตรการนวดและการดูแลสุขภาพที่มีอยู่ผู้จบหลักสูตรจะได้รับเพียงประกาศนียบัตร ขณะที่มีหลายมหาวิทยาลัยก็เริ่มเปิดวิชาการนวดและศาสตร์การนวดแผนไทย ทำให้ไม่มีบุคลากรที่จบการศึกษาระดับอาชีวะเพื่อไปประกอบอาชีพ หรือเพื่อไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย เพราะในอนาคตเชตวันก็มีแนวคิดที่จะเปิดเป็นวิทยาลัยด้านสุขภาพเป็นหลักสูตรปริญญาตรี
“เออีซีทำให้ตลาดเปิดกว้างทั้งด้านการลงทุนและแรงงาน มีผลให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย และนักลงทุนจากต่างประเทศที่มีหลักสูตรการสอนนวดและดูแลสุขภาพที่ได้รับรองมาตรฐานก็สามารถเข้ามาเปิดโรงเรียนในประเทศไทยได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมพร้อมยกระดับมาตรฐานแรงงานของไทย ขณะเดียวกันก็จัดทำหลักสูตรเพื่อแข่งขันกับธุรกิจข้ามชาติที่จะเข้ามาเปิดในประเทศไทยเช่นกัน
จุดต่างของเชตวัน จะต้องดูแลลูกค้าได้แบบองค์รวม เป็นทั้งผู้จัดการร้าน เทอราปิสต์แต่ละคนมีความเป็นครูสามารถให้คำปรึกษาในเชิงป้องกัน สอนวิธีปฏิบัติตัวเพื่อแก้ไขอาการปวดเมื่อย ทำให้ไม่ต้องมานวดบ่อยเกินไป”
นอกจากนั้นยังเตรียมเพิ่มเอาต์เลตบริการนวดแผนไทยในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เน้นเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยว จากปัจจุบันมีแล้ว 2 แห่ง ที่ ปตท. ไลฟ์พลาซ่า ถนนกาญจนาภิเษก และ ปตท. ถนนราชพฤกษ์ ส่วนสาขา 3 ที่จะเปิดเร็วๆ นี้ คือที่สถานีบริการ ปตท. ถนนเกษตรนวมินทร์ โดยตั้งเป้าหมายจะเปิดเอาต์เลตเฉลี่ย 3 เดือนต่อ 1 เอาต์เลต ลงทุนเอาต์เลตละ 2 ล้านบาท
ซึ่งการเปิดเอาต์เลตไม่สามารถเปิดได้อย่างรวดเร็วเพราะติดปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เป็นพนักงานเทอราปิสต์ แม้เชตวันจะมีโรงเรียนสอนอยู่แล้วก็ตาม แต่นักเรียนส่วนใหญ่มีงานทำอยู่แล้วและมาเรียนเพิ่มเติมหรือมาเรียนเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ในส่วนของการเปิดโรงเรียนและศูนย์สุขภาพ คาดว่าปี 2556 จะได้เห็นอีก 2 แห่ง คือที่จังหวัดกระบี่ และบางนา ใช้เงินลงทุนแห่งละ 10-20 ล้านบาท
ส่วนแผนงานเชิงรุก มีแผนจะขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านย่านอาเซียนในรูปแบบร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น เปิดเป็นโรงเรียนสอนศาสตร์การนวดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในรูปแบบเดียวกันกับศูนย์สุขภาพเชตวัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับนักธุรกิจที่ พม่า และลาว คาดว่าจะเปิดโรงเรียนในประเทศดังกล่าวนี้ได้ก่อนเปิดเออีซีแน่นอน
สำหรับตลาดยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ลงทุนเปิดศูนย์สุขภาพเพื่อสอนการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม การนวด และให้บริการนวดแผนไทยอยู่แล้วที่ออสเตรเลีย และเยอรมนี แต่เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้หลายธุรกิจถูกกีดกันการค้าในรูปแบบต่างๆ เช่น ธุรกิจนวด ในฝรั่งเศสจะห้ามใช้คำว่านวดอย่างเด็ดขาดยกเว้นเรื่องของกายภาพบำบัด ทำให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างลำบาก กำลังซื้อก็ลดลง ขณะที่ในอาเซียนและเอเชียแนวโน้มธุรกิจมีการเติบโตสูงกว่า