ย้าย"เสถียร เพิ่มทองอินทร์" ไม่มีอะไรในกอไผ่

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุดศาลปกครองกลางก็มีคำสั่งให้ ระงับคำสั่งของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ให้ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม โดยให้ยังอยู่ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิม แต่ไม่ ระงับคำสั่งที่ให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ไปช่วยราชการในที่เดียวกัน

ด้วยเหตุผลที่ว่า พล.อ.เสถียร เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่จัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าว ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงถือว่าเป็นความลับของราชการ ไม่สามารถนำไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอกได้ แต่พล.อ.เสถียร กลับนำความลับนี้ไปเปิดเผย

โดยศาลฯอ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของพล.อ.เสถียร ที่ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้เดินทางไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และนำสำเนาบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งทหารชั้นนายพลไปมอบให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งหากต่อมามีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเสนอไป แสดงว่า มีการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อ การแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

หากเรื่องนี้ไม่จริง พล.อ.เสถียร ต้องรีบออกมาแก้ข่าว แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ แสดงว่า พล.อ.เสถียร ได้ยอมรับว่าได้มีการเปิดเผยความลับในเรื่องดังกล่าวจริง ทั้งๆที่การพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ

ดังนั้นเพื่อยับยั้งไม่ให้พล.อ.เสถียร เผยแพร่ความลับของราชการต่อไป และป้องกันไม่ให้เกิดการแตกความสามัคคีในทหาร การที่ รมว.กลาโหม ออกคำสั่งให้พล.อ.เสถียร ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองตามที่พล.อ.เสถียรร้องขอ

ขณะที่คำสั่งศาลในกรณีของ พล.อ.ชาตรีนั้น ศาลฯระบุว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้น ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ ที่ฟังได้ว่าพล.อ.ชาตรี มีส่วนรู้เห็นในการนำความลับของราชการในการแต่งตั้งนายทหารครั้งนี้ไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก มีเพียงคำกล่าวอ้างของรมว.กลาโหม ที่อ้างว่า พล.อ.ชาตรี ไม่ได้ยับยั้งกรณีที่ พล.อ.เสถียร และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และเข้าพบองคมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งทหาร ซึ่งพล.อ.ชาตรี ที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ตามที่ปลัดกระทรวงกลาโหมกำหนด หรือมอบหมายเท่านั้น ประกอบกับการสั่งให้ข้าราชการไปช่วยปฏิบัติราชการในตำแหน่งอื่น ซึ่งมิใช่หน้าที่ตามปกติ และให้พ้นจากตำแหน่งเดิม จะต้องมีเหตุผลเป็นพิเศษเพื่อประโยชน์ของทางราชการ หรือหากให้ข้าราชการผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไปอาจเกิดความเสียหายกับทางราชการได้ ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว

อีกทั้งคำสั่งที่ให้ พล.อ.ชาตรีไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม ไม่ได้ระบุเวลาสิ้นสุดการไปช่วยปฏิบัติราชการ ว่าจะให้กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมเมื่อใด จึงกระทบต่อความมั่นคงในการปฏิบัติราชการของพล.อ.ชาตรี เป็นอย่างยิ่ง ขัดต่อความมั่นคงในอาชีพตามระบบคุณธรรมที่ทางราชการยึดเป็นหลักในการบริหารงานบุคคลภาครัฐมาตลอด คำสั่งดังกล่าวจึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ที่มาของเรื่องนี้เกิดจาก พล.อ.เสถียร ไปขวางความต้องการของ พล.อ.สุกำพล ที่จะโยก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วย ผบ.ทบ. มาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเปิดตำแหน่ง 5 เสือทบ.ให้ว่างลง เพื่อการจัดวางตัวบุคคลที่เหมาะสมเป็นทายาทในอนาคต พล.อ.เสถียร จึงถูกย้ายออกจากตำแหน่ง ทั้งๆที่เหลืออีกเดือนเดียวก็จะเกษียณอายุราชการ จึงเป็นที่มาของการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ระงับคำสั่งย้ายดังกล่าว

แต่ในที่สุดพล.อ.เสถียร ก็ขวางเอาไว้ไม่ไหว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็เห็นดี เห็นงามกับ พล.อ.สุกำพล และก่อนที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งเพียง 1 วัน ก็มีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนาม เพื่อนำรายชื่อโยกย้ายนายทหารครั้งนี้ขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว

เป็นอันว่าโผทหาร ตามที่"รัฐบาลนอมินี" ต้องการรุกคืบเข้าคุมกองทัพก็ผ่านฉลุย ไปอีกตามเคย