xs
xsm
sm
md
lg

“ชาตรี” เฮ! ศาล ปค.กลางสั่งคืนเก้าอี้รองปลัด กห. แต่ “เสถียร” แห้ว! ชี้ส่อเผยความลับชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เผยคำสั่งศาลปกครองกลาง “ชาตรี” เฮ! ศาลระงับคำสั่ง “สุกำพล” โยกเข้ากรุ คืนเก้าอี้รองปลัดฯ ให้ แต่เมินเบรกการประชุมชั้นนายพล ด้าน “เสถียร” แห้ว! ศาลเมินคำฟ้อง ชี้จ้อ นสพ.บ้านเมืองปูดเอาโผทหารให้ “สุรยุทธ์” ชง “ป๋าเปรม” แถมทำหนังสือถึงนายกฯ ส่อนำความลับราชการเปิดเผยตามคำสู้คดี ด้านทนายจ่ออุทธรณ์ต่อ

วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง มีรายงานว่า จากกรณีที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ยื่นฟ้อง รมว.กลาโหมต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 383/55 ลงวันที่ 27 ส.ค. 2555 ที่ให้ พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรี ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และขอต่อศาลว่าระหว่างที่ยังไม่มีคำพิพากษาขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครอง คือให้ระงับคำสั่งที่ให้ พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรีไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษานั้น ขณะนี้ศาลได้แจ้งผลการพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งไปยังคู่กรณีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีรายงานว่า ในส่วนของ พล.อ.เสถียรนั้น ศาลไม่มีคำสั่งระงับคำสั่งของ รมว.กลาโหมที่ให้ พล.อ.เสถียรไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม แต่ในส่วนของ พล.อ.ชาตรี ศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งของ รมว.กลาโหมที่ให้ พล.อ.ชาตรีไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม และสั่งให้ พล.อ.ชาตรี กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิม

โดยในส่วนของ พล.อ.เสถียรนั้น คำสั่งศาลให้เหตุผลว่า เนื่องจาก พล.อ.เสถียรเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และเป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม จึงมีหน้าที่จัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และส่วนราชการของกระทรวงกลาโหม แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าวยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงถือว่าเป็นความลับของราชการ ไม่สามารถนำไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอกได้

การที่หนังสือพิมพ์บ้านเมืองฉบับวันที่ 26 ส.ค. 2555 ได้ลงบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.เสถียร ว่า “ได้เดินทางไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและนำสำเนาบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งทหารชั้นนายพลไปมอบให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งหากต่อมามีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเสนอไปแสดงความีการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม” ถ้าข่าวดังกล่าวไม่จริง พล.อ.เสถียรต้องรีบดำเนินการแก้ข่าว แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ประกอบกับ พล.อ.เสถียรได้ยอมรับว่าได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเข้าพบและชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ พล.อ.เสถียรเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม 2551 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล 2551 พล.อ.เสถียรจึงทราบดีว่าการพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ การได้ไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ ทั้งที่ไม่ใช่ขั้นตอนการปฏิบัติตามปกติของราชการ ข้ออ้างของ รมว.กลาโหมที่เห็นว่า พล.อ.เสถียรนำความลับของทางราชการไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกจึงน่าเชื่อถือ ดังนั้น เพื่อยับยั้งไม่ให้ พล.อ.เสถียรเผยแพร่ความลับของราชการต่อไป และป้องกันไม่ให้เกิดการแตกความสามัคคีในทหาร การที่ รมว.กลาโหมได้ออกคำสั่งให้ พล.อ.เสถียรไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองตามที่ พล.อ.เสถียรร้องขอ

ขณะที่คำสั่งศาลที่ให้ระงับคำสั่งของ รมว.กลาโหม ที่ให้ พล.อ.ชาตรีไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาระบุว่าข้อเท็จจริงเบื้องต้นไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ ที่ฟังได้ว่า พล.อ.ชาตรีมีส่วนรู้เห็นในการนำความลับของราชการในการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหมไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก มีเพียงคำกล่าวอ้างของ รมว.กลาโหมที่อ้างว่า พล.อ.ชาตรีไม่ได้ยับยั้งกรณีที่ พล.อ.เสถียร และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และเข้าพบองคมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งทหารชั้นนายพล ซึ่ง พล.อ.ชาตรี ที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ตามที่ปลัดกระทรวงกลาโหมกำหนดหรือมอบหมายเท่านั้น ประกอบกับการสั่งให้ข้าราชการไปช่วยปฏิบัติราชการในตำแหน่งอื่นซึ่งมิใช่หน้าที่ตามปกติ และให้พ้นจากตำแหน่งเดิมจะต้องมีเหตุผลเป็นพิเศษเพื่อประโยชน์ของทางราชการ หรือหากให้ข้าราชการผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไปอาจเกิดความเสียหายกับทางราชการได้ ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงดังกล่าว อีกทั้งคำสั่งที่ให้ พล.อ.ชาตรีไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมไม่ได้ระบุเวลาสิ้นสุดการไปช่วยปฏิบัติราชการว่าจะให้กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมเมื่อใด จึงกระทบต่อความมั่นคงในการปฏิบัติราชการของ พล.อ.ชาตรีเป็นอย่างยิ่ง ขัดต่อความมั่นคงในอาชีพตามระบบคุณธรรมที่ทางราชการยึดเป็นหลักในการบริหารงานบุคคลภาครัฐมาตลอด คำสั่งดังกล่าวจึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“การให้คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป ย่อมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังการให้ พล.อ.ชาตรี กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมก็ไม่ทำให้เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม หรือสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด”

ส่วนคำขอที่ พล.อ.ชาตรี ขอให้ศาลมีคำสั่งไม่ให้ รมว.กลาโหมกระทำการใดๆ เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลนั้น ศาลเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ รมว.กลาโหม ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งห้ามไม่ให้ รมว.กลาโหมกระทำการดังกล่าว ศาลจึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองโดยสั่งระงับคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ให้ พล.อ.ชาตรีไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ด้าน นายธนพนธ์ ชูชยานนท์ ผู้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังศาลปกครองไม่มีคำสั่งระงับคำสั่งของ รมว.กลาโหม ที่ให้ พล.อ.เสถียรไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม แต่มีคำสั่งระงับคำสั่งของ รมว.กลาโหมที่ให้ พล.อ.ชาตรีไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม และสั่งให้ พล.อ.ชาตรี กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิมว่า ได้รายงานคำสั่งของศาลปกครองให้กับ พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรีทราบแล้ว ซึ่งในส่วนของ พล.อ.เสถียรก็จะสู้คดีในกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป และทางทีมทนายซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจก็จะมีการปรึกษาหารือกันว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่ไม่สั่งระงับคำสั่งของ รมว.กลาโหมที่ให้ พล.อ.เสถียรไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น