xs
xsm
sm
md
lg

สั่งคืนเก้าอี้“ชาตรี” กฤษฎีกาอุ้มรัฐทำโผทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ศาลปกครอง สั่งคืนตำแหน่งให้ “ชาตรี” ส่วน “เสถียร”วืด ชี้เหตุเอาความลับราชการเปิดเผยบุคคลภายนอก คำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการจึงยังฟังไม่ได้ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผยกฤษฎีกามีหนังสือถึงสำนักนายกฯ เดินหน้าโผทหารได้ ส่วน “บิ๊กโอ๋” ให้กรมพระธรรมนูญดูคดี ด้านทนายเผย “เสถียร” เตรียมสู้คดีต่อ

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ดูแลคดีที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ยื่นฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล กรณีย้ายด่วนให้ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งทราบว่า ศาลปกครอง ได้ส่งคำสั่งมาทางไปรษณีย์แล้ว แต่ยังไม่ถึง พล.อ.อ.สุกำพล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหมว่า หลังจากที่ศาลปกครองได้จัดส่งคำสั่งแจ้งให้คู่ความระหว่าง พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีที่ พล.อ.เสถียร ได้ยื่นคำร้องขอให้ทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงโหม (เฉพาะ) ที่ 383/55 ที่ให้ พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ฉบับลงวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดทางศาลปกครองได้จัดส่งคำสั่งดังกล่าวไปถึง พล.อ.เสถียร และพล.อ.อ.สุกำพล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 1-2 วันคงจะทราบผล

ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ ในช่วงเช้าของวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อรมว.กลาโหมเพื่อสอบถามถึงกรณีดังกล่าว โดย พล.อ.อ.สุกำพล ได้ยืนยันว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในคำสั่งศาลปกครอง ส่วนจะออกมาอย่างไร ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีรายงานว่า พล.อ.อ.สุกำพล ได้สั่งให้กรมพระธรรมนูญ (ธน.) กระทรวงกลาโหม เตรียมศึกษารายละเอียดของคำสั่งศาลปกครองว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เมื่อคำสั่งศาลปกครองมาถึง พร้อมทั้งสั่งการให้กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม ดูข้อบังคับ กฎ ระเบียบของกระทรวงกลาโหม ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะรู้รายละเอียดว่าต้องดำเนินการอย่างไร

**กฤษฎีกา ชี้คำสั่งศาลไม่กระทบโผ

นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ รองเลขาธิการกฤษฎีกา กล่าวว่า จากกรณีที่ พล.อ.เสถียร ได้ยื่นเรื่องขอทุเลาคำสั่งโยกย้ายกับศาลปกครองนั้น เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้หารือกับกฤษฎีกาแต่อย่างใด แต่ในทางกฎหมายในระหว่างที่ยังไม่มีคำสั่งออกมา บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารยังสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และหากศาลสั่งให้ทุเลา บัญชีแต่งตั้งคงไม่ถูกระงับ โดยต้องรอดูคำสั่งของศาลว่าจะทุเลาการโยกย้ายแค่ไหน ซึ่งเมื่อดำเนินการไปแล้วศาลจะสั่งย้อนหลังไม่ได้ กล่าวคือไม่สามารถเปลี่ยนบัญชีแต่งตั้งได้ ถึงแม้ว่าศาลจะสั่งว่าการกระทำไม่ชอบ ศาลก็จะไม่ก้าวล่วง โดยศาลจะสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ หากสั่งย้อนหลังให้ไปทำใหม่จะกลายเป็นการก้าวล่วงได้

**สั่งคืนตำแหน่งให้ “พล.อ.ชาตรี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ศาลได้แจ้งผลการพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งไปยังคู่กรณีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีรายงานว่าในส่วนของพล.อ.เสถียร ศาลไม่มีคำสั่งระงับคำสั่งของรมว.กลาโหม ที่ให้พล.อ.เสถียรไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม แต่ในส่วนของพล.อ.ชาตรี ศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งของรมว.กลาโหม ที่ให้พล.อ.ชาตรีไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม และสั่งให้พล.อ.ชาตรี กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิม

โดยในส่วนของพล.อ.เสถียร คำสั่งศาลให้เหตุผลว่า เนื่องจากพล.อ.เสถียร เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และเป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม จึงมีหน้าที่จัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และส่วนราชการของกระทรวงกลาโหม แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าวยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงถือว่าเป็นความลับของราชการ ไม่สามารถนำไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอกได้

การที่หนังสือพิมพ์บ้านเมืองฉบับวันที่ 26 ส.ค.2555 ได้ลงบทสัมภาษณ์ ของพล.อ.เสถียร ว่า ได้เดินทางไปพบพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและนำสำเนาบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งทหารชั้นนายพลไปมอบให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งหากต่อมามีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเสนอไปแสดงความีการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถ้าข่าวดังกล่าวไม่จริง พล.อ.เสถียร ต้องรีบดำเนินการแก้ข่าว แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ประกอบกับพล.อ.เสถียร ได้ยอมรับว่าได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเข้าพบและชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่พล.อ.เสถียรเห็นว่า ไม่ถูกต้องตามพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม 2551 และข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล 2551

พล.อ.เสถียร จึงทราบดีว่า การพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ การได้ไปพบพล.อ.สุรยุทธ์ ทั้งที่ไม่ใช่ขั้นตอนการปฏิบัติตามปกติของราชการ ข้ออ้างของรมว.กลาโหม ที่เห็นว่าพล.อ.เสถียรนำความลับของทางราชการไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกจึงน่าเชื่อถือ ดังนั้น เพื่อยับยั้งไม่ให้พล.อ.เสถียร เผยแพร่ความลับของราชการต่อไปและป้องกันไม่ให้เกิดการแตกความสามัคคีในทหาร การที่รมว.กลาโหม ได้ออกคำสั่งให้พล.อ.เสถียรไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม จึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองตามที่พล.อ.เสถียรร้องขอ

ขณะที่คำสั่งศาลที่ให้ระงับคำสั่งของรมว.กลาโหม ที่ให้พล.อ.ชาตรีไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาระบุว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นไม่ปรากฎพยานหลักฐานใดๆ ที่ฟังได้ว่าพล.อ.ชาตรี มีส่วนรู้เห็นในการนำความลับของราชการในการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหมไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก มีเพียงคำกล่าวอ้างของรมว.กลาโหมที่อ้างว่า พล.อ.ชาตรี ไม่ได้ยับยั้งกรณีที่พล.อ.เสถียร และพล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และเข้าพบองคมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งทหารชั้นนายพล

ซึ่งพล.อ.ชาตรีที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ตามที่ปลัดกระทรวงกลาโหมกำหนดหรือมอบหมายเท่านั้น ประกอบกับการสั่งให้ข้าราชการไปช่วยปฏิบัติราชการในตำแหน่งอื่น ซึ่งมิใช่หน้าที่ตามปกติ และให้พ้นจากตำแหน่งเดิมจะต้องมีเหตุผลเป็นพิเศษเพื่อประโยชน์ของทางราชการ หรือหากให้ข้าราชการผู้นั้นอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไปอาจเกิดความเสียหายกับทางราชการได้ ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงดังกล่าว อีกทั้งคำสั่งที่ให้พล.อ.ชาตรีไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมไม่ได้ระบุเวลาสิ้นสุดการไปช่วยปฏิบัติราชการว่าจะให้กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมเมื่อใด จึงกระทบต่อความมั่นคงในการปฏิบัติราชการของพล.อ.ชาตรีเป็นอย่างยิ่ง ขัดต่อความมั่นคงในอาชีพตามระบบคุณธรรมที่ทางราชการยึดเป็นหลักในการบริหารงานบุคคลภาครัฐมาตลอด คำสั่งดังกล่าวจึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“การให้คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป ย่อมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังการให้พล.อ.ชาตรี กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมก็ไม่ทำให้เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม หรือสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด”

ส่วนคำขอที่พล.อ.ชาตรี ขอให้ศาลมีคำสั่งไม่ให้รมว.กลาโหม กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลนั้น ศาลเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นหน้าที่ของรมว.กลาโหม ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งห้ามไม่ให้รมว.กลาโหมกระทำการดังกล่าว ศาลจึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองโดยสั่งระงับคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ให้พล.อ.ชาตรี ไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

**ทนาย เผย “เสถียร” เตรียมสู้ต่อ

นายธนพนธ์ ชูชยานนท์ ผู้รับมอบอำนาจจากพล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรี กล่าวภายหลังศาลปกครองไม่มีคำสั่งระงับคำสั่งของรมว.กลาโหมที่ให้พล.อ.เสถียรไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม แต่มีคำสั่งระงับคำสั่งของรมว.กลาโหมที่ให้พล.อ.ชาตรีไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม และสั่งให้พล.อ.ชาตรี กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิมว่า ได้รายงานคำสั่งของศาลปกครองให้กับพล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรีทราบแล้ว ซึ่งในส่วนของพล.อ.เสถียร ท่านก็จะสู้คดีในกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป และทางทีมทนายซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจก็จะมีการปรึกษาหารือกันว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่ไม่สั่งระงับคำสั่งของรมว.กลาโหมที่ให้พล.อ.เสถียรไปปฏิบัติราชการที่สนังานรัฐมนตรีกลาโหมต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น