xs
xsm
sm
md
lg

การเลือกตั้งประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาเจอทางตันไม่ต่างจากประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การเลือกตั้งประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกามีทุกๆ 4 ปี ประเทศสหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีมาทั้งหมด 44 ท่านแล้ว การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้เป็นครั้งที่ 57 จะมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2012 พรรคที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเปลี่ยนกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่คือ พรรคเดโมแครตกับพรรคพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดี 3 ท่านที่ผ่านมา คือ ประธานาธิบดีบิล คลินตัน (Bill Clinton) จากพรรคเดโมแครต ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ระหว่าง 20 มกราคม 1993-20 มกราคม 2001 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช (George W. Bush) จากพรรครีพับลิกันดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ระหว่าง 20 มกราคม 2001-20 มกราคม 2009 และประธานาธิบดีบารัก โอบามา (Barack Obama) จากพรรคเดโมแครต ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 1 สมัย ระหว่าง 20 มกราคม 2009 และยังอยู่ในวาระ

เกิดอะไรขึ้นกับสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองประเทศสหรัฐอเมริกา

ในช่วงปลายวาระที่ 2 ของประธานาธิบดีบิล คลินตัน (1999-2000) ปี 1999 ได้มีการปรับปรุงดัชนีตลาดหุ้นแนสแดค (Index reformed) ทำให้ดัชนีอ่อนแอลง และถูกโจมตีได้ง่าย ได้เกิดการโจมตีตลาดหุ้นแนสแดค โดยบรรดา Hedge Fund ต่างๆ ทั้งที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง และจากนอกประเทศสหรัฐฯ โดยลากดัชนีแนสแดคให้สูงขึ้นในช่วงแรก โดยสูงขึ้น 245 เปอร์เซ็นต์ในต้นปี 2000 ในช่วงท้ายรัฐบาลประธานาธิบดีคลินตัน แล้วถล่มทุบลงไปต่ำสุดในปี 2002 ตกลงไป 78 เปอร์เซ็นต์ ในสมัยช่วงต้นประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช

กราฟ เปรียบเทียบระหว่างดัชนี NASDAQ กับดัชนี DJIA ในช่วงเวลาเดียวกัน (1998-2003) โดยปรับฐานในวันที่ 2 มกราคม 1998 ให้เท่ากับ 100 เท่ากัน เพื่อให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบให้เห็นง่ายด้วยสายตา แสดงให้เห็นว่าดัชนีแนสแดคได้ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจริง จะเห็นว่าดัชนีขึ้นและลงแรง

กราฟ แสดงให้เห็นช่วงเวลาของการโจมตีประเทศสหรัฐอเมริกา 2 รูปแบบ การโจมตีแบบแรกคือการโจมตีตลาดหุ้นแนสแดคเกิดขึ้นในปี 1999 และจบลงในปี 2002 และการโจมตีตึก WTC ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 แล้วสหรัฐฯ ก็ยกกองทัพเรือและกองทหารออกไปโจมตีอิรักเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2003 และเข้าไปในอีกหลายประเทศ

ช่วงต้นวาระที่ 1 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช (2001) วันที่ 11 พฤศจิกายน 2001 ได้เกิดมีผู้ก่อการร้ายการจี้เครื่องบิน บินเข้าชนตึก World Trade Center (WTC) ในกรุงนิวยอร์ก และอาคารเพนตากอน ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่อาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ตึก WTC เป็นประหนึ่งเครื่องหมายแสดงการเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการโจมตี WCT ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการโจมตีเชิงสัญลักษณ์ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในบทความนี้จึงแยกการโจมตีประเทศสหรัฐอเมริกาออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1) การโจมตีตลาดหุ้นแนสแดคระหว่างปี 1999-2002 ใช้เวลาโจมตีโดยต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 4 ปี แต่ไม่ได้มีการป้องกันแก้ไข หรือเอาเรื่องอะไรกับผู้โจมตีแม้แต่น้อย

2) การโจมตีตึก World Trade Center เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมงช่วงเช้าของวันดังกล่าว ได้มีการตีโต้เอาคืน โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ของสหรัฐฯ ได้มีการเคลื่อนทัพเรือไปโจมตีประเทศอิรักเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2003 โดยสวมรอยกล่าวหาว่าอิรักว่าอยู่เบื้องหลังผู้ก่อการร้ายที่จี้เครื่องบินอเมริกันแอร์ไลน์บินเข้าไปขนตึก WTC และว่าอิรักมีโรงงานสร้างอาวุธนิวเคลียร์

มีผู้ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจเบื้องต้นของประเทศสหรัฐอเมริกาหลังการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดคมูลค่า 7.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ความเสียหายกระจายไปทั่วโลก ตายทั้งเป็นกันทั่วโลก ความเสียหายจากการโจมตีตึกคู่แฝด WTC มีมูลค่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คนตาย 3,000 คน

การสงครามทุกวันนี้เปลี่ยนไป มันไม่ใช่สงครามทางทหาร แม้จะยังมีการก่อสงครามทางทหาร แต่เป็นสงครามที่เชยกว่า การสงครามทุกวันนี้ก้าวหน้าไปไกลแล้ว มันคือสงครามเศรษฐกิจ

Real trade war ผลประโยชน์มีเพียงน้อยนิด บ่อน้ำมันที่มีอยู่ตามภูมิภาคของโลก ก็เป็นเรื่องโบราณ อนาคตจะมีการพัฒนาพลังงานทางเลือกมาแทนน้ำมันและถ่านหิน การเดินทางไปดาวอังคารก็ใช้นำมันและถ่านหินน้อยมาก ใช้กันที่พื้นโลกเท่านั้น

Paper trade war ให้ผลประโยชน์มหาศาล Apple และ Facebook มีกำไรจาก Real trade ก็จริง แต่คนที่ทำสงครามกับใบหุ้นหรือ Paper trade war ของ Apple และ Facebook มีกำไรมหาศาลกว่า

นักการเมืองของประเทศไทยก็มั่งคั่งมหาศาลจากการทำสงคราม Paper trade war เขาขายทิ้งภาคการผลิตจริง มุ่งหน้ามาเล่นภาคกระดาษมากขึ้น อีกประมาณ 3-5 ปี ประเทศไทยอาจจะกลายเป็นสมบัติของเขาได้ ความแคล่วคล่องเชี่ยวชาญของเขาเหนือกว่าผู้นำของทุกประเทศ เหนือกว่าผู้นำของประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป เขาอาจจะมีพละกำลังการเกเรเหนือประเทศไทยและคนไทย แต่พละกำลังความเกเรของเขาเป็นรองซีไอเอ

ตลาดหุ้นนอกจากจะขึ้นลงตามปกติแล้ว ยังถูกสวมรอยปั่นให้ขึ้นลงแบบผิดปกติได้ เมื่อตลาดหุ้นตกหนัก ส่งผลให้ค่าเงินเสียหายเป็นอันดับแรก เป็นต้นเหตุให้เงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อค่าเงินเสียหาย คนและกองทุนโลกต่างๆ ก็ไม่ถือเงินสกุลนั้น ทิ้งเงินสกุลนั้น ทำให้สภาพคล่องระบบของประเทศเสียหาย ต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากไอเอ็มเอฟ หรืออีซีบี บางประเทศก็พิมพ์เงินออกมาแทน สภาพคล่องของระบบเสียหายทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมล้มลง ทำให้คนตกงาน ทำให้เกิดหนี้เสีย หรือเพดานหนี้สูงขึ้น หรือหนี้สาธารณะสูงขึ้น

สกุลเงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใหญ่ในโลก การพังทลายของตลาดแนสแดคระหว่างปี 1999-2002 เทียบได้กับการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 3 โลกทั้งโลกพ่ายแพ้ต่อ Hedge Funds การพังทลายของตลาดแนสแดคดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลายตามลงมาด้วย ทำให้ Hedge Fund และผู้คนที่ชาญฉลาด ไม่ถือเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินเหรียญสหรัฐไหลออกมาท่วมประเทศต่างๆ ทั่วโลก ท่วมยูโรโซน ท่วมญี่ปุ่น ท่วมไทย

กราฟ แสดงให้เห็นถึงความเสียหาย (พังทลาย) ของค่าเงินเหรียญสหรัฐตามการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดคระหว่างปี 2000-2008 เช่น เมื่อเทียบกับเงินยูโร (EUR) เงินเยน (YEN) และเงินบาท (BAHT)

กราฟ แสดงตลาดหุ้นทั่วโลกสูงขึ้นจากปี 2000 - 2007 ที่เป็นผลจากการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดคและค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000

กราฟ แสดงตลาดหุ้นยุโรปสูงขึ้นจากการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดคและค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 แล้วตลาดยุโรปเองก็พังทลายลงรุนแรงในปี 2008 ส่งผลให้กลุ่มยูโรโซนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

กราฟ แสดงให้เห็นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าราคาทองคำ รวมทั้งราคาน้ำมันสูงขึ้นแรง หลังการพังทลายลงของตลาดแนสแดคและค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000

ความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ความเสียหายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินไหลออกจากระบบ ทำให้สภาพคล่องของระบบเสียหาย ทำให้เอกชนทั้งภาคการผลิตจริงและภาคการเงินล้มลงทั้งระบบ (Systemic run) แทนที่สหรัฐอเมริกาจะเข้ารับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เหมือนประเทศที่ประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอื่นๆ แต่ก็ใช้วิธีพิมพ์เงินออกมาใช้ในการแก้ปัญหา (Quantitative Easing QE) ปี 2008 QE 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2010 QE อีก 0.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้นยังไม่พอ ยังทำการเพิ่มเพดานหนี้สูงขึ้นอีก

กราฟ แสดงเพดานหนี้ของประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังการพังทลายของตลาดหุ้นแนสแดคและค่าเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 จากเพดานหนี้ในปี 2000 ที่อยู่ที่ระดับประมาณ 5.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2012 เพิ่มขึ้นมาสูงกว่า 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

เอกชนล้มลง ประชาชนคนอเมริกันตกงานมากเป็นประวัติการณ์ ราคาสินค้าสูงขึ้น เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ออกมาเดินขบวนกันทั่วประเทศ (Occupy Wall Street)

ทุกวันนี้ประเทศสหรัฐอเมริกากลายเป็นสมาชิกประเทศยากจนใหม่แล้ว เงินเหรียญสหรัฐเป็นเงินสกุลใหญ่ที่สุดของโลก เรียกว่าเป็นสกุลเงินของโลกได้ ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงไปทั่วทั้งโลก เดือดร้อนกันทั้งโลก มีการเดินขบวนกันทั้งโลก ไม่ว่าคนประเทศยุโรป ที่แอฟริกา ที่ตะวันออกกลาง และเอเชียหลายประเทศเกิดจลาจล

เกียรติของผู้นำประเทศ ต้องทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ดีมีสุข ไม่ใช่อยู่ข้างทุนนิยมสามานย์และศักดินาสามานย์เป็นหลัก ซึ่งเป็นคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ประเทศสหรัฐอเมริกาดูไปแล้วไม่ต่างอะไรกับประเทศไทยและประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย ที่กลุ่มคนเพียงไม่กี่หยิบมือเข้าตักตวงผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ แต่ประชาชนคนทั้งประเทศเดือดร้อน ประเทศไทยไม่มีตัวเลือก ไม่ว่าใครหรือฝ่ายใดขึ้นมาเป็นผู้นำก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะมาโดยการเลือกตั้ง หรือมาโดยรัฐประหาร ไม่แตกต่างกัน แตกต่างก็เฉพาะการโฆษณาชวนเชื่อ

เช่นเดียวกัน ประเทศสหรัฐฯ ก็ไม่มีตัวเลือก พรรคใดหรือใครขึ้นมาเป็นผู้นำก็ไม่ต่างจากประเทศไทย ประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาต่างพบกับทางตันแบบเดียวกัน แต่ความใหญ่ของอเมริกานำพาความเสื่อมและความเดือดร้อนมาสู่คนอเมริกันและชาวโลกโดยตรง

การหาเสียงเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีแต่ให้ความหวัง เช่นว่าจะให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แล้วกลับไม่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น กลับมีการซ้ำเติมประเทศสหรัฐอเมริกาและโลกให้เสื่อมหนักลงกว่าเดิม มีการปฏิบัติการทางทหารต่อประเทศต่างๆ มากกว่าเดิม มีการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศตนเองมากกว่าเดิม

บทความนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศของภูมิภาคและของโลก ประเทศสหรัฐอเมริกาแก้ปัญหาแบบผิดทิศทางร้ายแรง ได้มีการกรีธาทัพเรือไปแก้แค้นเอาคืนกับคนเชื่อที่ว่าเข้ามาก่อการร้ายโจมตีตึก WTC ของอเมริกา แต่ไม่มีการแก้แค้นเอาคืนคนที่โจมตีตลาดหุ้นแนสแดคและเงินเหรียญสหรัฐในปี 2000 แต่อย่างใด การคิดที่จะตัดหนี้หรือลดหนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้องไปดูว่าต้นเหตุอะไรที่ทำให้เกิดหนี้ การจะแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ ต้องแก้ที่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา ต้องคืนสู่สามัญ ต้องยุติบทบาทตลาดหุ้น แล้วโลกจะคืนสู่ปกติได้มาก

*********
https://www.facebook.com/suthipong.prachayapruit

http://twitter.com/indexthai2

indexthai2@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น