สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์
https://www.facebook.com/suthipong.prachayapruit
http://twitter.com/indexthai2
ระบอบประชาธิปไตย แท้จริงมี 2 แบบ คือระบอบประชาธิปไตยวิถีทุน กับระบอบประชาธิปไตยวิธีธรรม ระบอบประชาธิปไตยวิถีธรรมเป็นทางของความเจริญ ระบอบประชาธิปไตยวิธีทุนเป็นทางของความเสื่อม พุทธทำนายเคยว่าไว้ เมื่อกว่า 2,555 ปีมาแล้ว เป็นปกติโลก เป็นปกติโลกทางลบ เพราะโลกเป็นระบอบประชาธิปไตยวิถีทุน โลกจึงเป็นเช่นนี้ ความเสื่อมจึงเกิดขึ้นกับโลกตลอดเวลา
นักการเมืองของอเมริกา ของประเทศไทย หรือของประเทศไหนๆ น้ำเน่าไม่ต่างกัน อุดมกิเลสไม่ต่างกัน การเลือกตั้งเป็นเพียงรูปแบบที่ทำผ่านประชาชน ที่จะทำให้ได้อำนาจรัฐมาครอบครอง ประชาชนเป็นเพียงทางผ่าน ฝ่ายไหนโฆษณาชวนเชื่อและสร้างภาพได้เก่ง ก็ได้คะแนนเสียงมาก ประชานิยมเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชานิยมสุดโต่งจะเพิ่มปัญหาให้ประเทศมาก ประชาชนเป็นเพียงคนถูกทำให้เชื่อในสิ่งที่นักการเมืองอยากให้เชื่อ จะพาขึ้นเขาลงห้วย ได้ทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้พาขึ้นเขาและไม่ได้พาลงห้วย แต่จะพาลงเหวมากกว่า ประชาชนไม่มีทางที่จะเป็นเจ้าของรัฐบาลหรือนักการเมือง จึงยากที่รัฐบาลจะทำงานเพื่อประชาชน ได้แต่ปลุกระดมและมอมเมาประชาชนด้วยเพทุบายต่างๆ รัฐบาลหรือนักการเมืองจะทำในสิ่งที่ตนเองอยากจะทำ เพื่อผลประโยชน์แห่งตน เจ้าของรัฐบาลหรือนักการเมือง คือนายทุนและศักดินาสามานย์ รัฐบาลหรือนักการเมืองจึงรับใช้นายทุนของตนและกิเลสตนเป็นส่วนใหญ่
วันที่ 28 มิถุนายน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุว่า จะผลักดัน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินราว 1.6-2 ล้านล้านบาท เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 6-7 เดือน เพื่อรองรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของไทยใน 7 ปีข้างหน้า วงเงิน 2.27 ล้านล้านบาท ตามแผนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว จะออกให้ครอบคลุมการลงทุนที่จะเกิดขึ้นใน 7 ปีข้างหน้า แต่การกู้เงินจะทำเมื่อมีโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลแล้ว โดยจะกู้เงินภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศมีสูงเพียงพอ
ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่า แม้จะมีการกู้เงินจนครบจำนวนดังกล่าวแล้ว ก็จะไม่ทำให้ไทยเสียวินัยการคลัง โดยหนี้สาธารณะจะไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)
“ตอนนี้เราเป็นประเทศที่มีเงินออมมาก แต่ลงทุนน้อยมาโดยตลอด เห็นได้จาก เรามีทุนสำรองสูง มีสภาพคล่องเงินบาทสูง ทำให้ธปท.ต้องมีการดูดซับสภาพคล่องออกไป โดยออกพันธบัตรและจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเราสามารถทำได้ดีกว่านี้ ถ้าหากมีการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐาน” นายกิตติรัตน์ กล่าว (ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
ทุนสำรอง เคยเกี่ยวข้องกับวิกฤตของประเทศมา 2 ครั้งแล้ว ประเทศไทยต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินต่างประเทศ (IMF) มาแล้วถึง 2 ครั้ง ที่เป็นผลมาจากทุนสำรองลดลงมาก
ก่อนการเข้าโครงการไอเอ็มเอฟครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540
ปลายปี 2539 ประเทศไทยมีทุนสำรองสุทธิประมาณ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แล้วทุนสำรองก็ลดลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนกระทั่งต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เดือนกรกฎาคม 2540 ทุนสำรองสุทธิตกลงเหลือ 1,144 ล้านเหรียญสหรัฐ (ดูตามกราฟ) แสดงถึงสภาพคล่องเสียหายอย่างหนัก เป็นสาเหตุให้ต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ดังกล่าว
ช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ทุนสำรองของประเทศสูงขึ้นจาก 2 สาเหตุ สาเหตุแรก มาจากการที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลาย หลังการพังทลายของตลาดแนสแดกซ์ในปี 2000 ทำให้เงินไหลออกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ไหลออกมายังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย สาเหตุที่ 2 มาจาก ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเปิดซื้อขายตัวเลขอนุพันธ์ในปี 2549 ที่ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาเก็งกำไรอย่างรุนแรง แม้จะมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เงินทุนก็ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง กระทั่งต้องออกมาตรการต่างๆ รวมทั้งออกมาตรการกันสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ เงินทุนไหลเข้า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 แต่ล้มเหลว ออกมาใช้วันเดียว ตลาดหุ้นตกกว่า 100 จุด มูลค่าตลาดหุ้นเสียหายกว่า 8 แสนล้านบาท ต้องยุติมาตรการดังกล่าวในวันรุ่งขึ้น
สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ ก็อาจจะหายไปแบบผิดปกติได้เช่นกัน การที่สภาพคล่องสูง โดยที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุอะไร แล้วก็ตัดสินใจใช้เงินแบบสึนามิ จะทำให้มีปัญหาทางการเงิน การคลัง งบประมาณ และหนี้ในอนาคตได้
นโยบายต่างๆ ที่ออกมา ที่อ้างถึงการที่ประเทศมีทุนสำรองสูง (สภาพคล่องสูง) ได้แก่ครม.อนุมัติการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการบริหารจัดการ โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำภายในกรอบวงเงิน 350,000 ล้านบาท ครม.อนุมัติหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่มีหนี้เหลืออยู่ 1 ล้านล้านบาท จากที่ธปท.เคยใช้หนี้เงินต้นปีละ 20,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังชำระดอกเบี้ยปีละ 50,000 ล้านบาท ไปให้ธปท.บริหารจัดการทั้งหมด และล่าสุด พ.ร.บ.กู้เงิน 1.6 - 2.0 ล้านล้านบาท
ความล้มเหลวทางวิสัยทัศน์ปรัชญาในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความไม่เชื่อมั่น เงินไหลออกจากระบบ ทำให้สภาพคล่องของระบบเสียหาย ระบบเศรษฐกิจล้มละลาย คนตกงานมาก เกิดหนี้เสียท่วมระบบ นำมาซึ่งวิกฤตของประเทศ
ภาพแสดงความสัมพันธ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ..“กฎระเบียบของทางการ เข้าใจยาก ติ๊กผิด” แล้วรอดตัว หากเป็นเช่นนี้ ทำไมจึงผิดแค่เจ้าเดียว ก็น่าจะติ๊กผิดกันทั้งตลาด การติ๊กผิดกับสินทรัพย์มูลค่า 1,000 - 10,000 บาท ไม่กระไรนัก แต่การติ๊กผิดกับสินทรัพย์มูลค่า 10,000-100,000 ล้านบาท ไม่ควรจะเกิดขึ้น ถือเป็นการประมาทเลินเล่อของผู้ปฏิบัติงาน สมควรจะหาตัวผู้รับผิดชอบ
ต้นเหตุให้เกิดรัฐประหารจะมาจากตัวรัฐบาลเอง เป็นผลมาจากคอร์รัปชันและอีลุ่ยฉุยแฉกต่องบประมาณแผ่นดิน ทักษิณก็เป็นต้นเหตุให้เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ประเทศไทยเต็มไปด้วยเรื่องอำพราง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 อำพราง พ.ร.บ.ปรองดองประเทศไทยอำพราง การขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของอเมริกาอำพราง ภัยธรรมชาติทอร์นาโด น้ำท่วมอเมริกาทุกปี ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ทำไมจึงคิดจะมาแก้ปัญหาภัยธรรมชาติให้ประเทศไทย คนอเมริกันเดือดร้อนสาหัส ออกมาเดินขบวน “Occupy Wall Street” ไม่ได้ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา ทำไมจึงคิดจะมาแก้ปัญหาความเดือดร้อนของคนไทย ทำให้คนไทยที่คิดเองเป็น ไม่เชื่อน้ำยาของอเมริกา การกู้เงินของประเทศไทยคือการอำพรางมาหาประโยชน์ส่วนตนอย่างหนึ่ง
โครงสร้างพื้นฐานมาก ไม่ได้บอกถึงการอยู่ดีมีสุขของคนในชาติ อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา ยุโรป สาธารณูปโภคของระบบมีมาก กลับตกเป็นของต่างชาติก็มาก เนื่องจากสภาพคล่องของประเทศเสียหาย ต้องขายให้ต่างชาติ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ แล้วต่างชาติก็เอามาเก็บค่าบริการสูง ขูดรีดเอากับคนในชาติ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันมากขึ้น
พากันออกมาเดินขบวนกัน พากันออกมาก่อจลาจล
ประเทศไทย มีการปรับขึ้นราคาค่าใช้ทางด่วนที่เดียว 30 บาท เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ข่าวเหล่านี้ผ่านหูผ่านตาคนไทยมาแล้ว การรถไฟฯ ขอปรับค่าโดยสารขึ้นร้อยละ10 รถไฟฟ้าเตรียมขอปรับค่าโดยสาร ครม.ชะลอปรับขึ้นค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน 3 เดือน เป็นปัญหามาจากโครงสร้างพื้นฐาน
คำกล่าวอ้างว่าที่ว่า หนี้สาธารณะจะไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี หรือน่าคล้อยตาม เพราะวิสัยทัศน์เรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา ก็นำความล้มแล้ว และก่อปัญหาให้ระบบหลายเรื่อง เช่น การจำนำราคาข้าวที่สูงกว่าราคาตลาด ทำให้เกิดปัญหาในการส่งออกข้าว เป็นวิสัยทัศน์ที่เบี่ยงเบน ไม่มีร้านรับจำนำที่ไหนจะรับจำนำทองคำราคาสูงกว่าราคาตลาด เรื่องเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำ ค่าแรงขั้นต่ำ ก็สร้างปัญหาให้ระบบ
หนี้สาธารณะ ก็ชอบที่จะเอาประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงมากล่าวอ้าง ประเทศที่มีหนี้สาธารณะน้อยๆ ไม่เอามากล่าวอ้างบ้าง และทำไมไม่คิดแบบทำหนี้สาธารณะให้เท่ากับ 0 (ศูนย์) บ้าง
80 ปีประชาธิปไตยไทยเสื่อมมาโดยตลอด อ้างถึงความเจริญของประเทศ ก็แบบอำพราง มีการแย่งชิงอำนาจเข้ามาปล้นประเทศชาติต่อเนื่อง ยิ่งอ้างถึงความเจริญมากเท่าใด ประเทศก็ยิ่งเสื่อมมากเท่านั้น ยิ่งอ้างถึงความเจริญมากเท่าใด นักการเมืองและนายทุนมั่งคั่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งอ้างถึงความเจริญมากเท่าใด ประเทศชาติประชาชนยากจนลงมากเท่านั้น
การเงินของระบบที่เบี่ยงเบน จะก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจในทางลบ อาจจะทำให้ประเทศต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ ก็จะเป็นการเข้ารับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นครั้งที่ 3
หากผู้บริหารมีสัมมาทิฐิ มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง ต้องคิดลดภาษีวีเอทีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ตั้งตารอหาจังหวะที่จะขึ้นภาษีวีเอทีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์
หากผู้บริหารมีสัมมามรรค งบประมาณก็จะไม่ขาดดุล เงินคงคลังก็จะไม่ติดลบ ยุติการคอร์รัปชัน ยุติกิเลสแห่งตนของศักดินาและนักการเมือง จะทำให้ประเทศมีเงินเหลือเฟือในอันที่จะทำโครงการต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาทำโครงการก็ได้
https://www.facebook.com/suthipong.prachayapruit
http://twitter.com/indexthai2
ระบอบประชาธิปไตย แท้จริงมี 2 แบบ คือระบอบประชาธิปไตยวิถีทุน กับระบอบประชาธิปไตยวิธีธรรม ระบอบประชาธิปไตยวิถีธรรมเป็นทางของความเจริญ ระบอบประชาธิปไตยวิธีทุนเป็นทางของความเสื่อม พุทธทำนายเคยว่าไว้ เมื่อกว่า 2,555 ปีมาแล้ว เป็นปกติโลก เป็นปกติโลกทางลบ เพราะโลกเป็นระบอบประชาธิปไตยวิถีทุน โลกจึงเป็นเช่นนี้ ความเสื่อมจึงเกิดขึ้นกับโลกตลอดเวลา
นักการเมืองของอเมริกา ของประเทศไทย หรือของประเทศไหนๆ น้ำเน่าไม่ต่างกัน อุดมกิเลสไม่ต่างกัน การเลือกตั้งเป็นเพียงรูปแบบที่ทำผ่านประชาชน ที่จะทำให้ได้อำนาจรัฐมาครอบครอง ประชาชนเป็นเพียงทางผ่าน ฝ่ายไหนโฆษณาชวนเชื่อและสร้างภาพได้เก่ง ก็ได้คะแนนเสียงมาก ประชานิยมเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชานิยมสุดโต่งจะเพิ่มปัญหาให้ประเทศมาก ประชาชนเป็นเพียงคนถูกทำให้เชื่อในสิ่งที่นักการเมืองอยากให้เชื่อ จะพาขึ้นเขาลงห้วย ได้ทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้พาขึ้นเขาและไม่ได้พาลงห้วย แต่จะพาลงเหวมากกว่า ประชาชนไม่มีทางที่จะเป็นเจ้าของรัฐบาลหรือนักการเมือง จึงยากที่รัฐบาลจะทำงานเพื่อประชาชน ได้แต่ปลุกระดมและมอมเมาประชาชนด้วยเพทุบายต่างๆ รัฐบาลหรือนักการเมืองจะทำในสิ่งที่ตนเองอยากจะทำ เพื่อผลประโยชน์แห่งตน เจ้าของรัฐบาลหรือนักการเมือง คือนายทุนและศักดินาสามานย์ รัฐบาลหรือนักการเมืองจึงรับใช้นายทุนของตนและกิเลสตนเป็นส่วนใหญ่
วันที่ 28 มิถุนายน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุว่า จะผลักดัน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินราว 1.6-2 ล้านล้านบาท เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 6-7 เดือน เพื่อรองรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของไทยใน 7 ปีข้างหน้า วงเงิน 2.27 ล้านล้านบาท ตามแผนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว จะออกให้ครอบคลุมการลงทุนที่จะเกิดขึ้นใน 7 ปีข้างหน้า แต่การกู้เงินจะทำเมื่อมีโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากรัฐบาลแล้ว โดยจะกู้เงินภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศมีสูงเพียงพอ
ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่า แม้จะมีการกู้เงินจนครบจำนวนดังกล่าวแล้ว ก็จะไม่ทำให้ไทยเสียวินัยการคลัง โดยหนี้สาธารณะจะไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)
“ตอนนี้เราเป็นประเทศที่มีเงินออมมาก แต่ลงทุนน้อยมาโดยตลอด เห็นได้จาก เรามีทุนสำรองสูง มีสภาพคล่องเงินบาทสูง ทำให้ธปท.ต้องมีการดูดซับสภาพคล่องออกไป โดยออกพันธบัตรและจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเราสามารถทำได้ดีกว่านี้ ถ้าหากมีการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐาน” นายกิตติรัตน์ กล่าว (ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)
ทุนสำรอง เคยเกี่ยวข้องกับวิกฤตของประเทศมา 2 ครั้งแล้ว ประเทศไทยต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินต่างประเทศ (IMF) มาแล้วถึง 2 ครั้ง ที่เป็นผลมาจากทุนสำรองลดลงมาก
ก่อนการเข้าโครงการไอเอ็มเอฟครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540
ปลายปี 2539 ประเทศไทยมีทุนสำรองสุทธิประมาณ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แล้วทุนสำรองก็ลดลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนกระทั่งต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เดือนกรกฎาคม 2540 ทุนสำรองสุทธิตกลงเหลือ 1,144 ล้านเหรียญสหรัฐ (ดูตามกราฟ) แสดงถึงสภาพคล่องเสียหายอย่างหนัก เป็นสาเหตุให้ต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ดังกล่าว
ช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ทุนสำรองของประเทศสูงขึ้นจาก 2 สาเหตุ สาเหตุแรก มาจากการที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลาย หลังการพังทลายของตลาดแนสแดกซ์ในปี 2000 ทำให้เงินไหลออกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ไหลออกมายังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย สาเหตุที่ 2 มาจาก ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเปิดซื้อขายตัวเลขอนุพันธ์ในปี 2549 ที่ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาเก็งกำไรอย่างรุนแรง แม้จะมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เงินทุนก็ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง กระทั่งต้องออกมาตรการต่างๆ รวมทั้งออกมาตรการกันสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ เงินทุนไหลเข้า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 แต่ล้มเหลว ออกมาใช้วันเดียว ตลาดหุ้นตกกว่า 100 จุด มูลค่าตลาดหุ้นเสียหายกว่า 8 แสนล้านบาท ต้องยุติมาตรการดังกล่าวในวันรุ่งขึ้น
สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ ก็อาจจะหายไปแบบผิดปกติได้เช่นกัน การที่สภาพคล่องสูง โดยที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุอะไร แล้วก็ตัดสินใจใช้เงินแบบสึนามิ จะทำให้มีปัญหาทางการเงิน การคลัง งบประมาณ และหนี้ในอนาคตได้
นโยบายต่างๆ ที่ออกมา ที่อ้างถึงการที่ประเทศมีทุนสำรองสูง (สภาพคล่องสูง) ได้แก่ครม.อนุมัติการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการบริหารจัดการ โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำภายในกรอบวงเงิน 350,000 ล้านบาท ครม.อนุมัติหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่มีหนี้เหลืออยู่ 1 ล้านล้านบาท จากที่ธปท.เคยใช้หนี้เงินต้นปีละ 20,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังชำระดอกเบี้ยปีละ 50,000 ล้านบาท ไปให้ธปท.บริหารจัดการทั้งหมด และล่าสุด พ.ร.บ.กู้เงิน 1.6 - 2.0 ล้านล้านบาท
ความล้มเหลวทางวิสัยทัศน์ปรัชญาในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความไม่เชื่อมั่น เงินไหลออกจากระบบ ทำให้สภาพคล่องของระบบเสียหาย ระบบเศรษฐกิจล้มละลาย คนตกงานมาก เกิดหนี้เสียท่วมระบบ นำมาซึ่งวิกฤตของประเทศ
ภาพแสดงความสัมพันธ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ..“กฎระเบียบของทางการ เข้าใจยาก ติ๊กผิด” แล้วรอดตัว หากเป็นเช่นนี้ ทำไมจึงผิดแค่เจ้าเดียว ก็น่าจะติ๊กผิดกันทั้งตลาด การติ๊กผิดกับสินทรัพย์มูลค่า 1,000 - 10,000 บาท ไม่กระไรนัก แต่การติ๊กผิดกับสินทรัพย์มูลค่า 10,000-100,000 ล้านบาท ไม่ควรจะเกิดขึ้น ถือเป็นการประมาทเลินเล่อของผู้ปฏิบัติงาน สมควรจะหาตัวผู้รับผิดชอบ
ต้นเหตุให้เกิดรัฐประหารจะมาจากตัวรัฐบาลเอง เป็นผลมาจากคอร์รัปชันและอีลุ่ยฉุยแฉกต่องบประมาณแผ่นดิน ทักษิณก็เป็นต้นเหตุให้เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ประเทศไทยเต็มไปด้วยเรื่องอำพราง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 อำพราง พ.ร.บ.ปรองดองประเทศไทยอำพราง การขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของอเมริกาอำพราง ภัยธรรมชาติทอร์นาโด น้ำท่วมอเมริกาทุกปี ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ทำไมจึงคิดจะมาแก้ปัญหาภัยธรรมชาติให้ประเทศไทย คนอเมริกันเดือดร้อนสาหัส ออกมาเดินขบวน “Occupy Wall Street” ไม่ได้ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา ทำไมจึงคิดจะมาแก้ปัญหาความเดือดร้อนของคนไทย ทำให้คนไทยที่คิดเองเป็น ไม่เชื่อน้ำยาของอเมริกา การกู้เงินของประเทศไทยคือการอำพรางมาหาประโยชน์ส่วนตนอย่างหนึ่ง
โครงสร้างพื้นฐานมาก ไม่ได้บอกถึงการอยู่ดีมีสุขของคนในชาติ อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา ยุโรป สาธารณูปโภคของระบบมีมาก กลับตกเป็นของต่างชาติก็มาก เนื่องจากสภาพคล่องของประเทศเสียหาย ต้องขายให้ต่างชาติ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ แล้วต่างชาติก็เอามาเก็บค่าบริการสูง ขูดรีดเอากับคนในชาติ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันมากขึ้น
พากันออกมาเดินขบวนกัน พากันออกมาก่อจลาจล
ประเทศไทย มีการปรับขึ้นราคาค่าใช้ทางด่วนที่เดียว 30 บาท เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ข่าวเหล่านี้ผ่านหูผ่านตาคนไทยมาแล้ว การรถไฟฯ ขอปรับค่าโดยสารขึ้นร้อยละ10 รถไฟฟ้าเตรียมขอปรับค่าโดยสาร ครม.ชะลอปรับขึ้นค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน 3 เดือน เป็นปัญหามาจากโครงสร้างพื้นฐาน
คำกล่าวอ้างว่าที่ว่า หนี้สาธารณะจะไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี หรือน่าคล้อยตาม เพราะวิสัยทัศน์เรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา ก็นำความล้มแล้ว และก่อปัญหาให้ระบบหลายเรื่อง เช่น การจำนำราคาข้าวที่สูงกว่าราคาตลาด ทำให้เกิดปัญหาในการส่งออกข้าว เป็นวิสัยทัศน์ที่เบี่ยงเบน ไม่มีร้านรับจำนำที่ไหนจะรับจำนำทองคำราคาสูงกว่าราคาตลาด เรื่องเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำ ค่าแรงขั้นต่ำ ก็สร้างปัญหาให้ระบบ
หนี้สาธารณะ ก็ชอบที่จะเอาประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงมากล่าวอ้าง ประเทศที่มีหนี้สาธารณะน้อยๆ ไม่เอามากล่าวอ้างบ้าง และทำไมไม่คิดแบบทำหนี้สาธารณะให้เท่ากับ 0 (ศูนย์) บ้าง
80 ปีประชาธิปไตยไทยเสื่อมมาโดยตลอด อ้างถึงความเจริญของประเทศ ก็แบบอำพราง มีการแย่งชิงอำนาจเข้ามาปล้นประเทศชาติต่อเนื่อง ยิ่งอ้างถึงความเจริญมากเท่าใด ประเทศก็ยิ่งเสื่อมมากเท่านั้น ยิ่งอ้างถึงความเจริญมากเท่าใด นักการเมืองและนายทุนมั่งคั่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งอ้างถึงความเจริญมากเท่าใด ประเทศชาติประชาชนยากจนลงมากเท่านั้น
การเงินของระบบที่เบี่ยงเบน จะก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจในทางลบ อาจจะทำให้ประเทศต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ ก็จะเป็นการเข้ารับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นครั้งที่ 3
หากผู้บริหารมีสัมมาทิฐิ มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง ต้องคิดลดภาษีวีเอทีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ตั้งตารอหาจังหวะที่จะขึ้นภาษีวีเอทีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์
หากผู้บริหารมีสัมมามรรค งบประมาณก็จะไม่ขาดดุล เงินคงคลังก็จะไม่ติดลบ ยุติการคอร์รัปชัน ยุติกิเลสแห่งตนของศักดินาและนักการเมือง จะทำให้ประเทศมีเงินเหลือเฟือในอันที่จะทำโครงการต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาทำโครงการก็ได้