จาก“ดอนวู”ถึง“แก้ว” ข้อเสนอที่คุณปฏิเสธไม่ได้

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ความวุ่นวายด้านหลังเวทีมวยสากลสมัครเล่นในสนามเอ็กเซล เซ็นเตอร์ หนึ่งในสนามจัดการแข่งขันลอนดอนเกมส์ เกิดขึ้นทันทีที่ กรรมการบนเวทีชูมือให้กับ ซู ชิงหมิง นักชกชาวจีนมีชัยเหนือ แก้ว พงษ์ประยูร ชนิดค้านสายตาคนดูเป็นชัยชนะท่ามการเสียงโห่ไล่ เป็นชัยชนะที่ทำให้เกิดคำถามกับกรรมการให้คะแนนข้างเวทีภายใต้สังกัดชิง โกะ วู และเป็นชัยชนะที่ทำให้มวยสากลสมัครเล่นยังคงเป็นหนึ่งในกีฬาไม่กี่ประเภทสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกที่จะใช้คำว่ายุติธรรมได้ไม่เต็มปากนัก

ในฐานะประธานไอบา และ มีความสนิทสนมกับ “เสธ.อ้าย” พล.อ บุญเลิศ แก้วประสิทธิ มาในระดับหนึ่งทันทีที่เกิดความกังขาในการตัดสิน ชิง โกะ วู ลุกจากที่นั่งและเดินมาด้านหลังเวทีเพื่อสังเกตการณ์การ เมื่อเห็นว่านักมวยไทยไม่สามารถประท้วงได้แล้ว พร้อมกับที่แก้วตัดสินใจขึ้นรับเหรียญรางวัลทำให้นายใหญ่แห่งสหพันธ์มวยฯ ผู้โค่นจอมอิทธิพลอย่าง “อันวา ชอร์ดี้” เดินออกมาจากความวุ่นวายด้วยใบหน้าไร้ความกังวล และ เป็นผู้มอบเหรียญให้กับแก้ว และ ซู ชิงหมิง รวมไปถึงสองนักชกที่ได้เหรียญทองแดงด้วยตนเอง เหมือนจะย้ำให้คนทั้งโลกรู้ว่า “วงการนี้ใครคุม”

- ลูกนอกไส้ ชื่อ ซู ชิง หมิง?

แน่นอนว่าชัยชนะที่เต็มไปด้วยข้อกังขา นักมวยที่ชกเข้าเป้าคะแนนกลับไม่ขึ้น นักมวยที่ใช้แทคติกทั้งชน ทั้งกด ทั้งดัน กลับไม่ถูกตัดคะแนน จึงไม่น่าแปลกที่ทั้งกองเชียร์ สื่อมวลชน รวมไปถึง แฟนกีฬาชาวไทยจะพุ่งเป้าไปที่กรรมการผู้ตัดสิน เหมือนดังที่สื่อจากจีน พูดกับสื่อไทย ด้วยประโยคสุดเจ็บว่า “นักข่าวไทยคงไม่แฮปปี้กับผลการแข่งขัน แต่จะโทษซู ชิงหมิง คงไม่ได้ถ้าจะเกิดความผิดพลาดอะไรคงต้องไปโทษกรรมการ”

ส่วนหนึ่งอาจเป็นกรรมการ แต่มีอีกบางส่วนที่มองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝงระหว่าง ไอบา ชิง โกะ วู และ สมาคมมวยสากลสมัครเล่นของจีนหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกระแสข่าวว่า ชิง โกะ วู นั้นรับ ซู ชิง หมิง เป็นลูกบุญธรรมถึงกับระบุเอาไว้ใน สารนุกรมออนไลน์อย่าง “วิกิพีเดีย” ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าใครที่ล็อกอิน ได้ก็สามารถ ‘edit’ เรื่องได้ แล้วข้อมูลล่าสุดข้อความที่เคยถูกล่าวอ้างได้หายไป ถ้าคิดแบบวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวอาจมีที่มาที่ไปที่ไม่ถูกต้องทาง admin ของ Wikipedia จึงได้เอาออกเสีย

เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไปอีกว่า ซู ชิงหมิง”นั้นเป็นจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ “ชิง โกะ วู” เป็นจีนไต้หวัน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีการชิงไหวชิงพริบในการเมืองระหว่างประเทศอยู่ตลอด และถ้าพิจารณาไปในเรื่องความสัมพันธ์ตามกระแสข่าวแล้วอาจจะอิหลักอิเหลื่อ มิใช่น้อย นอกจากนี้ หาก ซู ชิงหมิง เป็นลูกบุญธรรมของ ชิง โกะ วู จริงคนที่จะมีปัญหามากที่สุดเห็นจะเป็น ประธานไอบา เองที่จะโดนข้อหา “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เพราะของแบบนี้ตรวจสอบได้ไม่ยากเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นแค่กระแสข่าวลือมากกว่า

แต่ที่ไม่ลือและมีความเป็นไปได้คือความพยายามในการสร้างมวยจากจีนของไอบา เพราะถ้าตามรอย ซู ชิง หมิง จะเห็นว่านักชกอายุมากที่สุดในรุ่นรายนี้ ลงสนามโอลิมปิกมาแล้วถึง สามสมัย แถมเป็นนักมวยรายแรกที่ป้องกันแชมป์รุ่นได้อีกด้วย แน่นอนว่าสถานะดังกล่าวในสายตาของ คนจีน “ซู ชิงหมิง” คือตำนานที่ยังมีลมหายใจ และทำให้เยาวชนอีกเรือนล้านที่อยากเป็นอย่าง “พี่ซู” และมวยสากลสมัครเล่น ก็จะได้รับความนิยมมากขึ้นในจีน เมื่อถึงเวลานั้นเรียกได้เลยว่าเป็นการเปิดประตูไปสู่ ผลประโยชน์อันมหาศาล

- “ดอน วู” มาเฟียมืออาชีพ

บทบาทของ ชิง โกะ วู ในฐานะประธานไอบา นั้นแตกต่างจากสมัยของ อันวา ชอร์ดี้อย่างสิ้นเชิง ในช่วงที่รับตำแหน่งใหม่ๆประธานผู้ควบคุมและกำกับดูแล มวยสากลสมัครเล่นจากทั่วโลกอย่าง ชิง โกะ วู เคยถูกปรามาสจากขั้วอำนาจเก่าเอาไว้ว่าวงการมวยโลกได้เลือกคนที่ไม่เหมาะกับสถาบัน เพราะ ชิง โกะ วูนั้นไม่รุ้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับมวย แล้วแบ็คกราวน์ของ “ด๊อกเตอร์ วู” นั้นเป็นอดีตนักบาสเกตบอลแถมยังมีแบ็คกราวน์ทำงานเป็นนักออกแบบตกแต่งมาก่อน

หากการเข้ามาโค่นขั้วอำนาจเก่าอย่าง “ชอร์ดี้” ที่ฝังรากลึกจนทำให้วงการมวยสากลสมัครเล่นกลายเป็นดินแดนสีเทา ของ ชิง โกะ วู นั้นเปรียบเสมือนการเข้ามาแทนที่ “เจ้าพ่อ” ที่อยู่ในวัยร่วงโรยและหมดบารมี โดยมาเฟีย รุ่นใหม่ใช้วิธีการทางการตลาด สื่อประชาสัมพันธ์ เข้ามาล้างภาพลักษณ์ในอดีตแนวคิดที่ประธานชาวไต้หวันระบุว่า “reforming AIBA into a transparent, trustable and professionally operated governing body” (สร้างรูปแบบองค์กรใหม่ให้กับไอบา ที่จะต้องมีความเป็นมืออาชีพ และ เชื่อถือได้)

แนวคิดดังกล่าวทำให้ วู ได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการล้างบางขั้วอำนาจเก่า อันหมายรวมถึง อดีตนายกสมาคมมวยในหลายประเทศรวมไปถึงของไทย ที่มีปัญหาระหว่างกันจนทำให้ “วู” ใช้ไม้แข็งถึงขนาดไม่รับรอง นักมวยจากเมืองไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติมาแล้ว จนกระทั่งได้นายกสมาคมฯคนใหม่ที่อยู่คนละฟากกับเจ้าเดิม แถมพร้อมให้ความสนับสนุนในการทำงานเต็มที่ ท้ายที่สุดมวยไทยเลยได้ไปโอลิมปิก 3 รุ่น แต่ก็เป็น 3 รุ่นที่ต้องลุ้นเหรียญกันหืดจับเลยทีเดียว

หากมองย้อนกลับไปในการประสานงานกันระหว่าง ไอบา-ประธานชิง โกะ วู-พล.อ บุญเลิศ แก้วประสิทธิ และสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยนั้น ต้องบอกว่าแนบชิดกันที่สุดในระยะสองสามปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาพที่ ชิง โกะ วู เดินทางมาเมืองไทยนัยว่าเพื่อมาคุยเรื่องความพร้อมของประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มวยเยาวชนโลก หรือ World Youth Championship น่าสนใจว่า “ชิง โกะ วู” เลือกเดินทางมาในช่วงก่อนการแข่งขันโอลิมปิกไม่กี่สัปดาห์ เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้ “เสธ.อ้าย” มั่นใจถึงขนาดประกาศว่า “ถ้าแก้วไม่ได้เหรียญทองยินดีลาออกจากตำแหน่ง”

แต่ข้อตกลงที่ไม่ได้มีลายลักษณ์อักษร เป็นการแสดงสัญลักษณ์ กึ่งพูดจาให้ความหวังนั้นสุดท้ายแล้วสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์หน้างาน ในลักษณะของผลประโยชน์ต่างตอบแทน ใครให้มากกว่าก็ได้สิ่งที่ต้องการไป และ “ผลประโยชน์” ที่ว่าสำหรับมาเฟียมืออาชีพในปัจจุบัน หาใช่เรื่องเงินทองแต่อาจหมายถึงการต่อยอดความสำเร็จให้กับองค์กร และ ตนเองไปสู่การขยายอิทธิพลให้มีพื้นที่มากกว่าเดิม และ เรื่องดังกล่าว “เสธ.อ้าย” อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ “ดอนวู" ต้องการ

- อลป.2016. ล้างสินบนด้วยคอมพิวเตอร์

Dr Ching-Kuo Wu: “Overall we can be satisfied by the judging at the London 2012 Olympic Games. Only two results out of more than 270 bouts had to be overturned. And the fact that we did so proves how transparent AIBA is now. Of course we can always improve things. And be sure that after these Games, we will review the scoring system and make any adjustment that needs to be done to get to the perfection.”

(ดร.ชิง โกะ วู - “สำหรับภาพรวมของการตัดสินการชกในโอลิมปิก 2012 นั้นทางไอบา พอใจเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงการตัดสินเพียงแค่ 2 นัดจาก 270 ไฟท์ที่ต้องมีการกลับคำตัดสิน และด้วยการพิจารณาดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ในเวลานี้ ไอบา มีความโปร่งใสเพียงใด และแน่นอนว่าเราจะปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขณะที่ภายหลังจบการแข่งขันในเกมนี้ เราจะทำการ รีวิวระบบการให้คะแนนเพื่อพัฒนาให้การตัดสินบริสุทธิ์ยุติธรรมกว่านี้”)

ข้างต้นคือข้อความที่ ชิง โกะ วู ตอบกลับผู้สื่อข่าวผู้จัดการรายวันเกี่ยวกับการให้คะแนนของกรรมการในโอลิมปิก 2012 ซึ่งไอบา และ ชิง โกะ วู ยังคงเน้นไปที่คำว่า “ความโปร่งใสและบริสุทธิยุติธรรม และภายหลังพิธีปิด โอลิมปิกนายใหญ่แห่งวงการกำปั้นเสื้อกล้ามโลก ยังได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวเอพี โดยเผยถึงแผนการในอนาคตที่จะทำให้การตัดสินมวยสากลสมัครเล่นมีความบริสุทธิยุติธรรมมากที่สุดโดยใช้ ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการให้คะแนน โดยมีใจความสำคัญว่า

“สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ นั้นเตรียมจะจัดระบบการให้คะแนนใหม่ โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการให้คะแนนแทนคณะกรรมการซึ่งระบบนี้จะทำให้การแข่งขันมีความบริสุทธิยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น ถึงเวลานี้ทางทีมงานกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อจัดการกับระบบการให้คะแนนใหม่ และในอนาคตอันใกล้นี้การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นนั้นจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นเกมกีฬาที่มีมาตรฐนมากยิ่งขึ้นและนักมวยก็จะเป็นมวยก็จะได้รับการพัฒนามากกว่าเดิม”

ทั้งนี้ในเนื้อหาของการสัมภาษณ์จากเอพีนั้นระบุว่า “ระบบการให้คะแนนโดยคอมพิวเตอร์นั้นจะเริ่มทดสอบระบบในสหรัฐอเมริกา และ ประเทศอื่นที่มีการแข่งขันมวยสากลทั้งอาชีพและสมัครเล่น บรรดานักชกที่จะต้องเข้าแข่งขันในอีกสี่ปีข้างหน้าไม่ต้องรอนานที่จะฝึกซ้อมเพื่อให้รู้จักกับระบบการให้คะแนนแบบใหม่ ซึ่งจะบริสุทธิยุติธรรมกว่าเดิมที่ผู้ให้คะแนนเป็นกรรมการข้างเวที และจะคอยกดแต้มให้กับนักมวยด้วยสายตา

โดยรูปแบบของการให้คะแนนจากคอมพิวเตอร์ที่ "ไอบา" คิดจะใช้งานนั้นมีการขยายฐานข้อมูลมาจากกีฬาฟันดาบที่ปัจจุบันใช้ระบบให้คะแนนจากคอมพิวเตอร์ และ โดยติดเซ็นเซอร์ไว้ภายในถุงมือของนักกีฬา ซึ่งมวยสากลสมัครเล่นก็จะเป็นในลักษณะเดียวกัน แน่นอนว่าความผิดพลาดในแต่ละแต้มนั้นจะน้อยลง และน่าจะควบคุมเกมให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ ชิง โกะ วู ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงกรรมการให้คะแนนในปัจจุบันด้วยว่า "กรรมการผู้ตัดสินในปัจจุบันนั้น บางส่วนมาทำหน้าที่ก่อนที่ผมจะเข้ามารบผิดชอบ และแต่ละคนก็มาจากต่างถิ่น ต่างการทดสอบกัน ซึ่งทำให้เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หมด แต่สำหรับระบบการให้คะแนนใหม่นั้นจะเป็นมาตรฐานใหม่ และน่าจะทำให้ข้อกังขานั้นลดลง”

- โซเนียลเน็ตเวิร์คเครื่องมือถล่ม "ไอบา"

ทันทีที่ แก้ว สามารถฝ่าด่านรอบรองชนะเลิศที่มี เดวิด อายราเพ็ตยาน กำปั้นรัสเซียขวางหน้าด้วยสกอร์บีบหัวใจ 13-12 หมัด กระแสโซเนียลเน็ตเวิร์คอย่าง "เฟซบุ๊ค" เต็มไปด้วยข้อความและภาพโพสต์ให้กำลังใจก่อนขึ้นชกรอบชิงดำ เพราะเวลานั้นถือเป็นความหวังสุดท้ายเพื่อคว้าเหรียญทองให้กับทัพนักกีฬาไทย แต่เมื่อต้องพบกับความอยุติธรรมบนสังเวียนผืนผ้าใบสีเทาช่องทางนี้จึงย่อมเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบายออกและเพื่อป่าวประกาศให้โลกรับรู้

"เฟซบุ๊ค" ของ ไอบา โพสต์ภาพ ซู ชิง หมิง นักชกสาธารณรัฐประชาชนจีน ชูสองกำปั้นด้วยความสะใจหลังสามารถป้องกันเหรียญทองเอาไว้ได้สำเร็จก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นสูงถึง 63,896 ข้อความมากที่สุดของหน้าเพจเลยก็ว่าได้ โดยตัวอย่าง 50 ความคิดเห็นส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ระบายออกด้วยคำหยาบคายแสดงความไม่พอใจการตัดสินอันค้านสายตาชาวโลก

"AIBA ไม่ยุติธรรมเลยเห็นแก่เงินไปรึป่าวคั๊บ สงสัยว่าน่าจะปิด AIBA เอาเงินไปซ่อนตัวเองดีกว่ามั้งคั๊บ จริงไหมคั๊บทุกท่าน ???" ส่วนหนึ่งของข้อความโจมตี ไอบา ที่สามารถเผยแพร่ได้เนื่องจากไม่มีคำหยาบคาย โดยไปในทิศทางเดียวกันคือการปล้นเหรียญทองจาก แก้ว "ถ้าจะโกงกันขนาดนี้ ... ไม่ต้องขึ้นไปต่อยบนเวทีหรอก ... เอาเหรียญไปเลยดีกว่า เสียความรู้สึกว่ะ ...." รวมถึงต้องการให้ ชิง กั๊วะ วู ลงจากตำแหน่งประธานสมาคมมวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ

แต่ที่ทำเอา ไอบา เต้นเป็นเจ้าเข้าก็คือ "บีบีซี" สำนักข่าวระดับโลกของประเทศอังกฤษที่มีระดับความเชื่อถือค่อนข้างสูง ออกอากาศสารคดีอื้อฉาวซ้ำกล่าวหาว่ารับเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 300 ล้านบาท) ของ อาเซอร์ไบจาน ที่ขอซื้อเหรียญทองการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก ทำให้ตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายฟ้องเรียกค่าเสียหาย

สำหรับรายการดังกล่าวของ "บีบีซี" ออกอากาศซ้ำอีกรอบสำหรับเนื้อหาไม่มีอะไรใหม่ หลังจากกระแสแฟนมวยต่างชาติที่สนาม เอ็กเซิล เซ็นเตอร์ รุมโห่ เพราะมองว่า แก้ว ที่อยู่ฝ่ายสีน้ำเงินน่าจะชนะมากกว่า โดยครั้งแรกเผยแพร่ไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2011 ทางรายการ "นิวส์ไนท์" ซึ่ง 2 นักชก อาเซอร์ไบจาน ก็คือ มาโกเมดราซุล เมดซีดอฟ และ เทย์เมอร์ มัมมาดอฟ ได้เพียงแค่เหรียญทองแดงเท่านั้น ทำให้ ไอบา และ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี เร่งตรวจสอบหลักฐานเป็นการด่วน ก่อนที่จะฟ้องกลับ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ล้อมกรอบ

‘โค้ชธง’ ลมใต้ปีกของ ‘ฮีโร่แก้ว’

แม้จะไปไม่ถึงเหรียญทองตามที่ตั้งใจไว้ แต่ "แก้ว พงษ์ประยูร" ก็ชนะใจคนดูทั้งในและนอกสนาม และนับเป็นความสำเร็จที่ทำให้คำสบประมาทก่อนหน้านี้ที่ลอยตามลมจากเมืองไทยมาถึงลอนดอนก่อนแก้วจะได้ขึ้นชกในรอบชิงชนะเลิศว่า "สมาคมมวยสากลสมัครเล่นควรจะหาโค้ชให้เหมาะสมกว่านี้" แต่ท้ายที่สุดโค้ชที่มีผู้ใหญ่บางท่านเห็นว่าไม่เหมาะสม กลับกลายเป็นลมใต้ปีกให้นักชกที่เคยถูกกีดกันจากทีมชาติให้กลายเป็น "ฮีโร่โอลิมปิก" ได้สำเร็จนับเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของ พ.ต. ธง ทวีคูณ หรือ "โค้ชธง" ที่ทำงานกับ นายกฯกำปั้นไทยมาแล้วถึง 6 คน

ในวันที่น้ำตาลูกผู้ชายของ "แก้ว พงษ์ประยูร" ไหลอาบหน้าอย่างไม่อายใครบนสังเวียนลอนดอนเกมส์ "โค้ชธง" ที่ยืนอยู่เบื้องล่างนั้นได้แต่มองภาพดังกล่าวด้วยความเจ็บปวด หากชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าทำให้ "ครูธง" ของแก้ว นิ่งพอที่จะขึ้นไปโอบลูกศิษย์ก้นกุฎิ มาจากความพ่ายแพ้ที่ถูกยัดเยียดพาเดินเข้าหลังเวที ก่อนที่จะให้กำลังใจและบอกให้ "แก้ว" เตรียมตัวเพื่อรับเหรียญรางวัลที่แม้จะเป็นเหรียญเงิน แต่ก็มีคุณค่าเพราะเป็นชัยชนะที่ได้มาอย่างขาวสะอาด

"โค้ชธง" พ.ต. ธง ทวีคูณ อาจไม่ใช่ชื่อผู้ฝึกสอนทีมมวยสากลสมัครเล่นไทยที่คุ้นเคยกันนัก เพราะในยุคที่ "เสธ.วีป" เป็นใหญ่อยู่ในวงการกำปั้นเสื้อกล้าม "โค้ชธง" ที่ทำงานมาแล้วกับนายกสมาคมฯถึง 6 คน ได้พักครึ่งตนเองเข้าไปหาความก้าวหน้าในอาชีพการงานทางทหาร ในห้วงเวลาดังกล่าว "โค้ชธง" ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ได้เล่าให้ฟังว่า "ผมทำงานกับนายกสมาคมมาถึง 6 ท่านยกเว้นในสมัยของท่านพล.อ. ทวีป จันทรโรจน์ เนื่องจากติดราชการทหาร แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวผมก็ได้ติดตามงานของทางสมาคมฯ กับนักมวยมาโดยตลอดเมื่อถึงเวลาที่ผู้ใหญ่ในสมาคมให้กลับมาทำงานอีกครั้งร่วมกับ เทรนเนอร์ จากคิวบา "โอมา มารากอน" ผมจึงรับปากโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ และให้สัญญากับ "นาย" (เสธ.อ้าย.พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์) ว่าจะทำทีมให้ไปถึงเหรียญรางวัลให้ได้"

เมื่ออำนาจเปลี่ยนขั้ว และ ขั้วอำนาจเก่ายังพอมีอิทธิฤทธิหลงเหลืออยู่บ้าง ผู้สื่อข่าวได้ถาม "โค้ชธง" ถึงปัญหาและอุปสรรคในระหว่างทำทีมที่ตลอดเวลาก่อนมาถึงฉากสุดท้ายที่เหรียญเงิน ในลอนดอนเกมส์นั้นต้องผ่านอะไรมากบ้าง "ข่าวตามสื่อก็จะออกมาตลอดว่านักมวยคนไหนไม่ยอมเข้าค่ายฝึกซ้อ คนไหนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสมาคม เวลานั้นไม่ต้องการตอบโต้อะไร อยากให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ซึ่งก็จะเห็นว่านักมวยที่อยู่ในระเบียบวินัย และ รักษามาตรฐานการชกของตนเองนั้นประสบความสำเร็จได้จริง แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องมากับโชคดวงด้วย เพราะอย่าง สายลม หรือ ฉัตรชัย นั้นต้องยอมรับว่าเขาอยู่ในสายแข็ง ทำให้ผ่านเข้ารอบลึกได้ลำบาก"

"ความสำเร็จของแก้วนั้น ผมอยากให้นักมวยรุ่นหลังดูเป็นตัวอย่าง เพราะมาถึงวันนี้ได้ด้วยคำว่ารระเบียบวินัย และ ขยันซ้อม อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วว่าเราเคยประสบความสำเร็จมาแล้วจะไม่เข้าค่ายฝึกซ้อม หรือ ถูกดุ ก็ไม่พอใจเพราะด้วยนิสัยผมแล้วนอกเวลาซ้อมผมก็เป็นกันเองกับนักมวยเหมือนเป็นน้อง เป็นลูกเป็นหลาน แต่เวลาซ้อมต้องจริงจังไม่ขี้เกียจ"

"อย่างแก้วนั้นเมื่อก่อนชกในรุ่น 45 กก. พอมาชกในรุ่น 48 กก. เราต้องคอยควบคุมไม่ให้เขาแบกน้ำหนักมากเกินไป เคลื่อนไหวไม่เชื่องช้าเพราะเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาชก วันนี้เห็นเขาประสบความสำเร็จผมก็ดีใจ เพราะก่อนหน้านี้หลายคนวิจารณ์ว่าแก้ว นั้นตัวเล็กเกินไปจะเสียเปรียบเรื่องช่วงชกซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้จะตัวเล็กแต่เป็นมวยที่เคลื่อนไหวว่องไวจะเห็นชัดเจนในการชกกับรัสเซีย แก้วไม่เสียเปรียบเลยและชกได้ดีกว่า"

มาถึงวันนี้ช่างปั้น ที่สร้างผลงานชิ้นเอกประดับวงการกำปั้นไทย กล่าวถึงอนาคตของตนเองบนเส้นทาง "มวยเสื้อกล้าม" เอาไว้ว่า "แม้ว่าแก้ว จะไม่ถึงเหรียญทองแต่เขาได้ทองจากใจคนทั้งสนาม และ คนไทยทั้งประเทศถึงตรงนี้ผมก็ยินดีมากแล้ว ปัญหาของวงการมวยไทยในวันนี้ผมยังเชื่อว่าถ้านักมวยของเรามีวินัย และ ขยันฝึกซ้อมเรามาถึงโอลิมปิกได้อีกหลายรุ่น ส่วนผมนั้นเมื่อจบโอลิมปิก อนาคตขึ้นอยู่กับ "นาย" (เสธ.อ้าย.พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์) ถ้าท่านไม่อยู่ผมก็คงต้องไปกับท่านด้วย เนื่องจากนายกฯคนใหม่ท่านก็คงมีโค้ชที่ท่านอยากใช้ ซึ่งอาจไม่ใช่ผม แต่ถ้าทางสมาคมฯอยากใช้งานเราก็ยินดี"

ก่อนจบบทสนทนา ผู้สื่อข่าวได้ถาม "โค้ชธง" ถึงโอกาสในอีกสี่ปีข้างหน้าที่ "ริโอ เดอ จาเนโร" ว่าทีมเสื้อกล้ามไทยมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน "พ.ต. ธง ทวีคูณ" ทิ้งท้ายแบบให้คิดว่า "นักมวยไทยนั้นมีพื้นฐานที่ดี มีใจที่สู้หากขยันฝึกซ้อม มีวินัยไม่ขี้เกียจ รับรองว่าสู้ได้หมดทุกชาติแต่จะแพ้อยู่อย่างเดียวคือแพ้กรรมการ มันเป็นเรื่องจริงที่เจ็บปวดแต่เราก็จะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกครั้งอย่างแน่นอน”