xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

9 ส.ค. เอาใจช่วยศาล ส่ง “ตู่” +23 แกนนำ เข้ากินข้าวแดงในคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- เป็นอันว่า ได้เวลาพักหายใจไปอีกเฮือก สำหรับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยว่าจะต้องกลับไปเข้าคุกอีกรอบหรือไม่ แต่ข่าวดีในข่าวร้ายก็คือ นายจตุพรจะได้ไปรอลุ้นพร้อมกับแก๊งแกนนำเสื้อแดงรวมทั้งสิ้น 24 คน อาทิ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ , ก่อแก้ว พิกุลทอง ,วีระกานต์ มุสิกพงษ์ , ยศวริศ ชูกล่อม ,อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เป็นต้น ที่ศาลได้นัดไว้ก่อนหน้านี้คือ 9 ส.ค.เพื่อจะได้มีคำสั่งพร้อมกับจำเลยคนอื่นในคราวเดียวกัน

กล่าวสำหรับประเด็นนี้คือ เมื่อนับนิ้วดูวันเวลา คือวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งถือว่าเลยวันเปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญไปแล้ว นั่นคือสภาจะเปิดประชุมตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป นั่นหมายความว่า พวกที่เป็น ส.ส.อย่าง เช่น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และก่อแก้ว พิกุลทอง รวมไปถึงคนอื่นๆที่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองชั่วคราวยื้อคดีไปได้อีกพักใหญ่ แต่ไม่รวมถึง จตุพร พรหมพันธุ์ แน่นอน เพราะได้พ้นสภาพ ส.ส.ไปแล้ว

อย่างไรก็ดี หากแยกออกมาเป็นรายบุคคล ที่ต้องจับตาก็ยังคงไม่พ้น รายของ นายจตุพร เช่นเดิม ที่ถูกศาลจับตามองและเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องมาศาลพร้อมส่ง วีซีดีบันทึกภาพและเสียงคำปราศรัยของนายจตุพร จำเลยที่ 2 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายที่ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ได้ขึ้นปราศรัยหน้าอาคารรัฐสภาโดยมีลักษณะยั่วยุปลุกระดมผู้ชุมนุมให้คุกคามการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นการก่อให้เกิดความไม่สงบ เพื่อทำลายล้างศาลรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพยำเกรงต่อสถาบันศาล

ดังนั้น ศาลจึงขอกำชับและตักเตือนจำเลยที่ 2 ให้ระมัดระวังการกล่าวปราศรัยหรือการกล่าวแถลงข่าวใดๆ มากกว่านี้ โดยหากจำเลยจะกระทำการใดๆ ขอให้ตระหนักให้มากว่าการ กระทำดังกล่าวอาจจะส่งผลที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมืองและศาลอาจมีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 2

กล่าวสำหรับ นายจตุพร ถือว่าอยู่ในสภาพขาลอย ดีๆนี่เอง เนื่องจากไม่ได้เป็น ส.ส.อีกต่อไปแล้ว มันก็ยิ่งน่าหวาดเสียวว่าจะได้เข้าไปนอนในซังเตอีกรอบหรือไม่ และสัญญาณด้านลบ ก็คือฝันหวานที่จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย แทบจะดับเป็นศูนย์ในทันที เพราะมาถึงขณะนี้ก็เรียกได้ว่าแผลเต็มตัวไปหมดเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นแล้วแว่วมาว่า ชื่อของ ไอ้ตู่ ยังถูกต่อต้านจากกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง รวมทั้งคนใน และคนนอกพรรค เห็นว่าไม่ควรให้นายจตุพรเป็นรัฐมนตรี เพราะจะเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักของฝ่ายตรงข้ามได้

นอกจากนั้น อีกรายหนึ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ก็เห็นจะเป็นนายก่อแก้ว พิกุลทอง ที่ก่อนหน้านี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ทวี ประจวบลาภ ได้เน้นย้ำว่ามีพฤติกรรมหมิ่นเหม่ต่อสัญญาประกันตัว และ “เห็นว่ากระทบต่อสถาบันศาลยุติธรรม เป็นหน้าที่ของศาลอาญาที่ต้องทำ” ในเครื่องหมายคำพูดดังกล่าว ต้องการเน้นย้ำให้เห็นเป็นพิเศษว่าท่าทีของศาลเป็นอย่างไร แต่ขณะเดียวกันหาก พิจารณาจากคำพูดของนายก่อแก้วก่อนหน้านี้ที่ปลุกระดมให้ “จับตัว”ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถือว่าได้รอดพ้นคุกไปอย่างหวุดหวิด เพราะมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มเอาไว้ได้ชั่วคราว

หากพิจารณาจากท่าทีของศาลโดยประมวลจากคำพูดของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาที่ส่งเสียงเข้มว่า “หมิ่นเหม่” ผิดสัญญาปล่อยตัวชั่วคราว กรณีของก่อแก้ว กับพวก รวมทั้งเตือนในเรื่องการแสดงความคิดเห็นไม่ให้กระทบคนอื่น มาจนถึงกรณีของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ล่าสุดหลังจากมีการไต่สวนแล้วก็ได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 ส.ค.พร้อมกับหัวโจกคนอื่นๆ แต่ที่น่าสนใจก็คือศาลได้กำชับไม่ให้แสดงความเห็นในลักษณะดังกล่าวนี้อีก

ดังนั้นแล้ว สรุปความก็คือ เหมือนจะเป็นการส่งสัญญาณจากศาลว่านับจากนี้ นายจตุพร และแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆคงระวังปากมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่น่าแปลกใจอันใด หากจะเห็นท่าทีอันอ่อนน้อม ปากกล้าแต่ขาสั่นของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฉับพลันทันทีว่า“ผมจึงคิดว่าศาลจะเข้าใจสถานการณ์ และเมื่อรับทราบข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วก็น่าจะอำนวยความยุติธรรมให้ได้หลังจากนี้คนเสื้อแดงคงต้องระมัดระวังการแสดงความเห็นมากขึ้น แต่สถานการณ์การเมืองจะเรียบร้อยได้ ไม่ใช่เพียงให้คนเสื้อแดงระมัดระวังอยู่ฝ่ายเดียว”

อย่างนี้แล้ว คงจะต้องหยิบยกสุภาษิตที่ว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตามา น่าจะเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะยิ่งไปดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของบรรดาพวกหัวโจกแดง ก็มิได้เห็นว่าจะดูสงสารแต่ประการใด และสิ่งที่ประชาชนคนไทยเห็นก็จะเป็นภาพกร่างคับเมือง ใหญ่คับประเทศ ของบรรดาแกนนำเสื้อแดงและ สมุน ทั้งสิ้น

ยิ่งหากไปไล่เรียงดูพฤติกรรมของทั้งบรรดาหัวโจกยันปลายแถว ก็จะเห็นว่าไม่ได้เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม กันเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ไม่นานก็ประกาศล่วงหน้าถ้าศาลอาญาสั่งถอนประกันก็จะ “อดอาหาร” ประท้วง ซึ่งพิจารณาจากความหมายก็ไม่ต่างจากการกดดันศาลนั่นเอง โดยมีการไล่เกณฑ์คนเสื้อแดงจากตามต่างจังหวัดนับพันคนมากดดันศาล ในวันพิจารณาคดี

ก่อนวันวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส.ส.ระดับแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่ง ประกาศว่า "หากศาลมีคำวินิจฉัยที่เลวร้ายที่สุด ฝ่ายบริหารจะไม่ยอมรับคำสั่งศาล ประชาชนที่เป็นกองเชียร์รัฐบาลจะไม่ยอมรับและตอบโต้อย่างรุนแรง คือแจ้งความดำเนินคดีศาลข้อหากบฏ และขอให้ตำรวจจับกุม ถ้าตำรวจไม่จับ ประชาชนจะจับเอง...ขอให้มวลชนเสื้อแดงรอ หากเป่านกหวีด ก็เตรียมเก็บกระเป๋า ร่ำลาครอบครัว...ต้องต่อสู้แตกหักสถานเดียว"

ขณะที่แกนนำเสื้อแดงระดับท้องถิ่นที่เป็นดีเจวิทยุ ข่มขู่ศาลว่า เขาจะเป็นผู้นำคนเสื้อแดงไปจับตัวคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอง

.. คงต้องถามว่านี่น่ะหรือเรียกว่าไม่ข่มขู่ กดดัน ชุมนุมบนหลักประชาธิปไตย อย่างที่กล่าวอ้าง

ขณะเดียวกัน เมื่อหัวโจกกร่างคับเมืองขนาดนี้ ก็อย่าได้แปลกใจกับพฤติกรรมของสาวกของพวกเขา ครั้งล่าสุดเมื่อ20 ก.ค.55 ที่เชียงใหม่ ปรากฏข่าวและภาพชัดว่าเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งไม่เกินร้อยคนไปตามราวีคณะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยไปดักตะโกนด่าที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วตามไปปิดเส้นทางรถผ่านที่บริเวณบ้านโป่ง ต.แฝก อ.สันทราย เมื่อคณะนายอภิสิทธิ์จะออกจากบ้านโป่ง มีการระดมคนเสื้อแดงมาเพิ่ม เอารถกระบะติดเครื่องเสียงไปดักทางออกทั้งสองด้าน ชาวบ้านที่นั่นช่วยกันรักษาความปลอดภัย แต่ก็ถูกเสื้อแดงทุบรถเสียหาย รถของนายอภิสิทธิ์ถูกก้อนหินปาใส่ หลังจากนั้นเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งยังตามไปตะโกนด่านายอภิสิทธิ์และคณะที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว

แต่พอปรากฏเป็นข่าวขึ้นมาจนมุมต่อความป่าเถื่อนของคนเสื้อแดง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ต้องแบกหน้ามา แถลงว่า "ถือว่าเป็นเรื่องปกติของกลุ่มมวลชนที่ยังมีอารมณ์โกรธแค้นอยู่"

นี่ยังไม่นับรวมตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งเวทีปราศรัยที่ปทุมธานีและชลบุรีก็โดนกลุ่มเสื้อแดงมาตั้งเครื่องเสียงตะโกนด่า

ยังไม่นับรวม ตั๊กบงกช คงมาลัย ดาราหนังที่เคยโพสต์ในเฟซบุ๊กไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเสื้อแดง เธอไปถ่ายหนังที่พัทยา ถูกกลุ่มเสื้อแดงรุกไล่จนต้องแตกกระเจิงยุติการถ่ายทำ วันรุ่งขึ้นคนระดับรองนายกรัฐมนตรีบอกว่า "เป็นสีสัน"ทางการเมือง

ทั้งนี้ คงต้องกล่าวว่า วันนี้คนเสื้อแดงกร่างกันเต็มที่ โตคับบ้านคับเมือง วางก้ามเป็นอันธพาลครองเมืองไปแล้วการคุมคามข่มขู่ใครต่อใครแล้วยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้แต่กระบวนการยุติธรรมยังไม่เคารพแถมคิดจะล้มล้างเสียให้รู้แล้วรู้รอดอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม คำสั่งที่จะให้ 24 แกนนำ นปช.กลับเข้ากรง หรือเดินกร่างเที่ยวคุกคามใครต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลซึ่งจะตัดสินชี้ชะตาในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ และต้องปล่อยให้มีอิสระอย่างเต็มที่ ไม่ควรมีฝ่ายใดก้าวก่ายชี้นำ แม้สังคมเอือมระอากับพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้และอยากจะชี้นำ ภาวนาขอให้ศาลส่งกลับเข้าคุกก็ตาม

แต่ถ้าถามถึงประชาชนโดยทั่วไปที่มิใช่คนเสื้อแดงด้วยแล้ว เชื่อแน่ว่า คงจะเบื่อและเอือมระอาเหลือเกิน ที่ต้องทนเห็นแกนนำเสื้อแดงและสาวก ออกมาทำตัวกร่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เอาแต่ประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้งฝ่ายเดียว และเชื่ออีกแน่ว่าประชาชนเหล่านั้น คงจะภาวนาให้ศาล สั่งถอนประกัน 24 หัวโจกเสื้อแดงกลับเข้าคุก ให้รู้สึกว่าสำนึกเสียบ้างว่าบ้านนี้เมืองนี้ยังมีขื่อมีแป ไม่ได้ตกอยู่ใต้อำนาจของพวกเขาฝ่ายเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น