การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตจะมีอุปสรรคมากขึ้น นั่นคือจะไม่เป็นผลบวกเฉพาะ ทักษิณ เมื่อโอกาสริบหรี่ มันก็เป็นไปได้ว่าจะหันหัวเรือมาที่การเสนอร่าง พ.ร.บ.ลบล้างความผิด อีกรอบ ซึ่งสาระสำคัญก็ไม่ต่างจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 นั่นแหละ แต่การเสนอพ.ร.บ.มันง่ายกว่า ใช้แค่เสียงข้างมากก็ทำได้แล้ว ที่สำคัญรวบรัดได้ทันใจ และที่น่าจับตาก็คือ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังคาอยู่ในวาระด่วน อันดับแรก เมื่อสภาเปิดประชุม จะหยิบขึ้นมาพิจารณาทันทีก็ได้
**ต้องบอกว่าคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมาถือว่าลึกล้ำ และเป็นการหาทางออกให้กับบ้านเมือง
เป็นการลดความตึงเครียดลงได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้แต่ละฝ่ายได้ถอยกลับที่ตั้งชั่วคราวก่อน แต่หากพิจารณาจากความเสียหายเฉพาะบุคคล ถือว่าแตกต่างกันลิบลับเทียบกันไม่ได้
สำหรับความหมายของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สามารถจับประเด็นได้ 4 อย่าง คือ ต่อไปนี้หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือพบว่ามีใคร คณะใดคิดจะล้มล้างการปกครองฯ คิดจะฉีกรัฐธรรมนูญอีก คนไทยทุกคนก็สามารถยื่นตรงต่อศาลได้เลย เพราะหากมัวแต่ยื่นไปทางอัยการสูงสุด ก็ไม่ทันการณ์ อีกทั้งอัยการ ก็แค่พิจารณาวินิจฉัยได้ในเบื้องต้นเท่านั้น
** ดังนั้นการยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลมันก็ไม่ใช่ประเภท “ขี้หมูราขี้หมาแห้ง” รกศาล ตรงกันข้าม เป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญเป็นการวินิจฉัย ตั้ง “องค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” โดยประชาชนขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว
ประเด็นต่อมาคือ หากจะแก้ไขทั้งฉบับก็ต้องมีการลงประชามติ ถามประชาชนก่อนว่าเขาอนุญาตหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เขาลงมติกันมา ถือว่าเป็นเจ้าของร่วม จะมาอ้างว่าทีฉบับปัจจุบันก็ร่างขึ้นมาก่อนแล้วลงประชามติทีหลัง มันก็ใช่ แต่ทีนี้ถ้าจะแก้ก็ต้องมาถามสักคำก่อนสิ ตามมารยาทต้องมาถาม “เจ้าของ” เขาก่อน ถ้าเขาอนุญาตให้ร่างใหม่ทั้งฉบับก็เอาเลย แต่ปัญหาก็คือ ทักษิณ ชินวัตร คนที่อยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง จะกล้าเสียเวลาหรือไม่ อีกทั้งหลังจากนั้นมันก็คุมเกมไม่ได้เสียด้วยสิ นี่แหละเรื่องใหญ่
อย่างไรก็ดี ศาลได้แนะให้แก้ไขรายมาตรา เพื่อเป็นการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์ตรงตามเจตนารมณ์ของ มาตรา 291 แต่ปัญหาก็คือ การจะแก้ไขรายมาตราดังกล่าวนอกจากต้องการมีการเปิดเผยถึงความจำเป็น และเหตุผลในการแก้ไข ซึ่งถ้าพิจารณากันตามเหตุผลแล้วมันก็ไม่มี มันมีแต่ความต้องการด้วยเหตุผลส่วนตัว เฉพาะบุคคลล้วนๆ อย่างเช่น เป้าหมายต้องการแก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เท่านั้น
หากจำไม่ได้หรือไม่รู้สาระสำคัญ ก็จะนำมาทบทวนอีกที มาตราดังกล่าวระบุว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อน หรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้น และการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
เข้าใจหรือยังว่า ทำไมถึงต้องเลิก แต่จะทำโดยเปิดเผย ก็กลัวว่าชาวบ้านเขาจะโมโห ก็เลยคิดที่จะใช้พวก ส.ส.ร.เข้ามาเขียนใหม่ เหตุผลก็เดากันล่วงหน้าไม่ยาก นั่นคือบูชาประชาธิปไตย อ้างว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราว ร่างโดยเผด็จการ
ดังนั้นหากพิจารณากันเฉพาะหน้าตรงนี้ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตจะมีอุปสรรคมากขึ้น นั่นคือ จะไม่เป็นผลบวกเฉพาะ ทักษิณ เมื่อโอกาสริบหรี่ มันก็เป็นไปได้ว่าจะหันหัวเรือมาที่การเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ลบล้างความผิด (ชื่อปรองดองตบตา) อีกรอบ ซึ่งสาระสำคัญก็ไม่ต่างจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 นั่นแหละ แต่การเสนอพ.ร.บ. มันง่ายกว่า ใช้แค่เสียงข้างมากก็ทำได้แล้ว ที่สำคัญรวบรัดได้ทันใจ และที่น่าจับตาก็คือร่างกฎหมายดังกล่าวยังคาอยู่ในวาระด่วนอันดับแรก เมื่อสภาเปิดประชุม ก็สามารถหยิบขึ้นมาพิจารณาทันทีได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในทางหลักการและขั้นตอนทางกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ แต่ปัญหาก็คือ เวลานี้ชาวบ้านแทบทุกกลุ่มไม่เอาด้วย แม้แต่คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย ก็กระอักกระอ่วน เท่าที่เห็นก็มีกลุ่มพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าสภายังดึงดันพิจารณาอีก ก็จะกลับมา และคราวนี้จะยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทันที เพราะถือว่ารู้เห็นเป็นใจ มันจะยุ่งตรงนี้แหละว่าจะหน้ามืดกล้าเสี่ยงแบบนี้หรือไม่
ที่สำคัญนับวันกระแสสังคมเริ่มพลิกผัน รับรู้มากขึ้นว่าทั้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ล้างผิด มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาวบ้าน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง “ปากท้อง” ที่กำลังชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่อย่างใด กลางเดือนหน้าเห็นว่าราคาก๊าซหุงต้มจะขึ้นราคาอีกแล้ว ขืนดันทุรัง ดีไม่ดี คนเขารำคาญจะอยู่ลำบาก เพราะจะถูกมองว่าเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่นร่ำไป ความอดทนมีจำกัดเหมือนกัน
ดังนั้นแม้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นต่อมาว่า การแก้ไข มาตรา 291 ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯ เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่เกิด ไปคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย ยกคำร้อง รวมไปถึงคดียุบพรรค ก็ไม่ต้องไปกล่าวถึงด้วย เพราะไกลไปอีก
**แต่ก็นั่นแหละแม้ว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวสามารถลดความตึงเครียดลงได้ชั่วคราว ย้ำว่าแค่ชั่วคราว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายทักษิณ จะกำหนดท่าทีต่อไปอย่างไร ถ้าฉลาดก็น่าจะรับฟังศาล เพราะยิ่งเดินหน้ามันก็ยิ่งติดหล่ม เสียหายหนัก พังกันทั้งครอบครัวแน่ !!
**ต้องบอกว่าคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมาถือว่าลึกล้ำ และเป็นการหาทางออกให้กับบ้านเมือง
เป็นการลดความตึงเครียดลงได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้แต่ละฝ่ายได้ถอยกลับที่ตั้งชั่วคราวก่อน แต่หากพิจารณาจากความเสียหายเฉพาะบุคคล ถือว่าแตกต่างกันลิบลับเทียบกันไม่ได้
สำหรับความหมายของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สามารถจับประเด็นได้ 4 อย่าง คือ ต่อไปนี้หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือพบว่ามีใคร คณะใดคิดจะล้มล้างการปกครองฯ คิดจะฉีกรัฐธรรมนูญอีก คนไทยทุกคนก็สามารถยื่นตรงต่อศาลได้เลย เพราะหากมัวแต่ยื่นไปทางอัยการสูงสุด ก็ไม่ทันการณ์ อีกทั้งอัยการ ก็แค่พิจารณาวินิจฉัยได้ในเบื้องต้นเท่านั้น
** ดังนั้นการยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลมันก็ไม่ใช่ประเภท “ขี้หมูราขี้หมาแห้ง” รกศาล ตรงกันข้าม เป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญเป็นการวินิจฉัย ตั้ง “องค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” โดยประชาชนขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว
ประเด็นต่อมาคือ หากจะแก้ไขทั้งฉบับก็ต้องมีการลงประชามติ ถามประชาชนก่อนว่าเขาอนุญาตหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เขาลงมติกันมา ถือว่าเป็นเจ้าของร่วม จะมาอ้างว่าทีฉบับปัจจุบันก็ร่างขึ้นมาก่อนแล้วลงประชามติทีหลัง มันก็ใช่ แต่ทีนี้ถ้าจะแก้ก็ต้องมาถามสักคำก่อนสิ ตามมารยาทต้องมาถาม “เจ้าของ” เขาก่อน ถ้าเขาอนุญาตให้ร่างใหม่ทั้งฉบับก็เอาเลย แต่ปัญหาก็คือ ทักษิณ ชินวัตร คนที่อยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง จะกล้าเสียเวลาหรือไม่ อีกทั้งหลังจากนั้นมันก็คุมเกมไม่ได้เสียด้วยสิ นี่แหละเรื่องใหญ่
อย่างไรก็ดี ศาลได้แนะให้แก้ไขรายมาตรา เพื่อเป็นการปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์ตรงตามเจตนารมณ์ของ มาตรา 291 แต่ปัญหาก็คือ การจะแก้ไขรายมาตราดังกล่าวนอกจากต้องการมีการเปิดเผยถึงความจำเป็น และเหตุผลในการแก้ไข ซึ่งถ้าพิจารณากันตามเหตุผลแล้วมันก็ไม่มี มันมีแต่ความต้องการด้วยเหตุผลส่วนตัว เฉพาะบุคคลล้วนๆ อย่างเช่น เป้าหมายต้องการแก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เท่านั้น
หากจำไม่ได้หรือไม่รู้สาระสำคัญ ก็จะนำมาทบทวนอีกที มาตราดังกล่าวระบุว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อน หรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้น และการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
เข้าใจหรือยังว่า ทำไมถึงต้องเลิก แต่จะทำโดยเปิดเผย ก็กลัวว่าชาวบ้านเขาจะโมโห ก็เลยคิดที่จะใช้พวก ส.ส.ร.เข้ามาเขียนใหม่ เหตุผลก็เดากันล่วงหน้าไม่ยาก นั่นคือบูชาประชาธิปไตย อ้างว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราว ร่างโดยเผด็จการ
ดังนั้นหากพิจารณากันเฉพาะหน้าตรงนี้ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตจะมีอุปสรรคมากขึ้น นั่นคือ จะไม่เป็นผลบวกเฉพาะ ทักษิณ เมื่อโอกาสริบหรี่ มันก็เป็นไปได้ว่าจะหันหัวเรือมาที่การเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ลบล้างความผิด (ชื่อปรองดองตบตา) อีกรอบ ซึ่งสาระสำคัญก็ไม่ต่างจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 นั่นแหละ แต่การเสนอพ.ร.บ. มันง่ายกว่า ใช้แค่เสียงข้างมากก็ทำได้แล้ว ที่สำคัญรวบรัดได้ทันใจ และที่น่าจับตาก็คือร่างกฎหมายดังกล่าวยังคาอยู่ในวาระด่วนอันดับแรก เมื่อสภาเปิดประชุม ก็สามารถหยิบขึ้นมาพิจารณาทันทีได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในทางหลักการและขั้นตอนทางกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ แต่ปัญหาก็คือ เวลานี้ชาวบ้านแทบทุกกลุ่มไม่เอาด้วย แม้แต่คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย ก็กระอักกระอ่วน เท่าที่เห็นก็มีกลุ่มพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าสภายังดึงดันพิจารณาอีก ก็จะกลับมา และคราวนี้จะยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทันที เพราะถือว่ารู้เห็นเป็นใจ มันจะยุ่งตรงนี้แหละว่าจะหน้ามืดกล้าเสี่ยงแบบนี้หรือไม่
ที่สำคัญนับวันกระแสสังคมเริ่มพลิกผัน รับรู้มากขึ้นว่าทั้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ล้างผิด มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาวบ้าน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง “ปากท้อง” ที่กำลังชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่อย่างใด กลางเดือนหน้าเห็นว่าราคาก๊าซหุงต้มจะขึ้นราคาอีกแล้ว ขืนดันทุรัง ดีไม่ดี คนเขารำคาญจะอยู่ลำบาก เพราะจะถูกมองว่าเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่นร่ำไป ความอดทนมีจำกัดเหมือนกัน
ดังนั้นแม้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นต่อมาว่า การแก้ไข มาตรา 291 ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯ เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่เกิด ไปคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย ยกคำร้อง รวมไปถึงคดียุบพรรค ก็ไม่ต้องไปกล่าวถึงด้วย เพราะไกลไปอีก
**แต่ก็นั่นแหละแม้ว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวสามารถลดความตึงเครียดลงได้ชั่วคราว ย้ำว่าแค่ชั่วคราว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายทักษิณ จะกำหนดท่าทีต่อไปอย่างไร ถ้าฉลาดก็น่าจะรับฟังศาล เพราะยิ่งเดินหน้ามันก็ยิ่งติดหล่ม เสียหายหนัก พังกันทั้งครอบครัวแน่ !!