ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- เป็นที่แน่นอนว่า วันที่ 1 ตุลาคม 2555 สนามบินดอนเมืองจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้ทำข้อตกลงร่วมกับ “แอร์เอเชีย” สายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) รายใหญ่โดยแอร์เอเชียตกลงที่จะย้ายฐานการบินและหอบหิ้วผู้โดยสารกว่า 8 ล้านคนต่อปีจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินดอนเมืองทั้งหมด
ขณะที่ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ระบุว่า ทอท.กำลังเจรจากับสายการบินรวมทั้งหมด 14 สายที่สนใจจะย้ายมาที่ให้บริการที่สนามบินดอนเมือง โดยขณะนี้มีตอบตกลงแล้ว 3-4 สายการบิน จากปัจจุบันที่สายการบินนกแอร์ให้บริการอยู่แล้วมีผู้โดยสารประมาณ 4 ล้านคนซึ่งจะทำให้การใช้ประโยชน์สนามบินดอนเมืองได้เต็มที่ และนำไปสู่การเพิ่มรายได้ ลดขาดทุนสะสมและแก้ปัญหาการด้อยค่าทรัพย์สินประมาณ 500 ล้านบาท นอกจากช่วยลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิลงได้ในช่วงที่การดำเนินโครงการพัฒนาระยะที่ 2 ยังต้องใช้เวลาอีก 6 ปี
ถ้ายังพอจำกันได้ สนามบินดอนเมืองปิดการให้บริการลงเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2549 เพื่อย้ายฐานการบินทั้งหมดไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว ภายใต้นโยบาย Single Airport สนามบินดอนเมืองใช้ต่อไม่ได้เพราะอยู่กับกับสนามบินสุวรรณภูมิเกินไปอาจกระทบต่อความปลอดภัยทางการบินได้โดยเฉพาะเรื่องจุดตัดในอากาศสารพัดเหตุผลของกลุ่มอำนาจในขณะนั้น...ที่ทำให้”ดอนเมือง...ตกอยู่ในสภาพสนามบินร้าง”
ผ่านไปไม่กี่เดือน สนามบินสุวรรณภูมิที่คิดว่าจะเป็นฮับกลับมีปัญหามากมาย จนกลายเป็นที่มาของการย้ายเที่ยวบินกลับมาที่สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) รองประธานคมช.เป็นประธานบอร์ดบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการคมช.เป็นประธานบอร์ด ทอท.
มี 6 สายการบินในขณะนั้นที่เข้าข่ายในการย้ายกลับดอนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการบินไทย แอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส นกแอร์ วัน-ทู-โก และพีบีแอร์ ภายใต้เงื่อนไขความสมัครใจ แต่การบินไทยต้องเป็นหัวหอกย้ายเที่ยวบินในประเทศกลับมาดอนเมือง แบกภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องให้บริการ 2 สนามบินพร้อมกัน...การบินไทยบาดเจ็บ... ส่วนแอร์เอเชียยืนยันอยู่สุวรรณภูมิ รอบนี้กลุ่มอำนาจเก่า อย่าง ทอ.ขอฟื้นคืนชีพ ดึงผลประโยชน์กลับมาอยู่ในกำมืออีกครั้งหลังจากที่ต้องเสียอำนาจไป
ไม่ถึง 2 ปี 29 มีนาคม 2552 การบินไทยต้องย้ายเที่ยวบินในประเทศกลับไปให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง โดย..โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อ้างการบินไทยมีปัญหาสภาพคล่อง ค่าใช้จ่ายสูง ต้องย้ายเที่ยวบินกลับไปที่สุวรรณภูมิ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้หลายร้อยล้านบาท แล้วยังทำให้การบินไทยแข่งขันกับสายการบินอื่นได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ สายการบินนกแอร์และสายการบินวัน ทู โก โอเรียนท์ไทย ยังอยู่ที่ดอนเมืองต่อไป
ครั้งนี้ มีการชูนโยบาย Single Airport อีกครั้งแต่เป็นนโยบายแฝงเพื่อโยกย้ายผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ จากดอนเมืองซึ่งทอท.จะได้รับรายได้เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 100% กลับมาที่สุวรรณภูมิ ที่มีกลุ่มคิงเพาเวอร์ รับสัมปทานการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์แต่เพียงผู้เดียวหรือไม่ เป็นแรงผลักดันจากกลุ่มอำนาจใหม่ ที่มีชื่อ เนวิน ชิดชอบ...โสภณ ซารัมย์...ศรีสุข จันทรางศุ...และคิงเพาเวอร์ เกี่ยวโยงกัน ขณะที่ โสภณ ซารัมย์ ยืนยัน ผู้โดยสารภายในประเทศของการบินไทยไม่ใช่ลูกค้าร้านค้าดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์ แต่ที่แน่ๆ รอบนี้ ทอท.จึงบาดเจ็บ...เต็มๆ
และการโยกย้ายเที่ยวบินที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ แอร์เอเชีย ที่ก่อนหน้ายืนกรานยังไงก็ไม่...รีเทิร์นดอนเมือง จึงน่าสนใจว่าอะไรที่ทำให้แอร์เอเชียเปลี่ยนใจ ...สุวรรณภูมิแออัดมาก ก็ใช่...เพราะแอร์เอเชียเจ้าตลาดโลว์คอสต์จะมีปัญหาในการให้บริการแน่นอนต้องหาทางออก การย้ายมาดอนเมืองจะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากกว่า ที่ฮือฮาก็คือ ทอท.คงประเคนส่วนลดให้แอร์เอเชียแบบจุใจ ยอมสูญรายได้ 246 ล้านบาท อ้างเพื่อดึงแอร์เอเชียกลับทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่า ยังไง แอร์เอเชียก็ต้องมา
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ยอมรับว่า ความแออัดของสุวรรณภูมิ จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเติบโตของบริษัทอย่างแน่นอน โดยปัจจุบันมีเครื่องบินรวม 24 ลำ และจะทยอยรับมอบในปลายปีนี้อีก 3 ลำ เป้าหมายผู้โดยสารปี 2555 อยู่ที่ 8 ล้านคน และอีก 4 ปี หรือในปี 2559 จะมีเครื่องบินเพิ่มเป็น 48 ลำ ผู้โดยสารเพิ่มเป็น 16 ล้านคน
“ถ้าไม่ย้ายมาดอนเมือง ขณะที่สุวรรณภูมิเฟส2 ยังไม่เสร็จ จะมีปัญหาความแออัดและกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมากและการย้ายครั้งนี้เป็นการย้ายครั้งสุดท้าย ขออยู่ดอนเมืองถาวร”
“ทอท.ยืนยันว่า แม้ต้องใช้งบประมาณ 1,600 ล้านบาท ปรับปรุงผิวรันเวย์ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก พื้นที่อาคารหลังที่ 1 และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ และก่อสร้างแนวกันน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กสูงจากระดับน้ำทะเล 3.85 เมตรตลอด ด้านเหนือและใต้ ประมาณ 130 ล้านบาท แต่ดอนเมืองจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนสุวรรณภูมิจะมีพื้นที่หายใจหลัง 14 สายการบินย้ายออกสามารถเปิดให้สายการบินใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่ม” มองมุมนี้ วิน วิน ทุกฝ่าย
ทอท.ปูพรมแดงต้อนรับ แอร์เอเชีย กลับมาดอนเมือง เอื้อประโยช์กันเต็มเหนี่ยว เมิน นกแอร์ โอเรียนท์และอีกหลายสายการบินที่ไม่เข้าข่ายได้รับส่วนลด ครั้งนี้ กลุ่มไหนได้ประโยชน์ คงหาคำตอบกันได้ไม่ยาก และยังมีผลประโยชน์จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ รถเช่า รปภ. คิวแท็กซี่ ฯลฯ ซึ่งเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จของบอร์ดทอท. ที่มีพลอากาศเอกสุเมธ โพธิ์มณี เป็นประธานซึ่งคาดว่าร้านค้าปลอดภาษี(ดิวตี้ฟรี) จะมีการเปิดประมูลหาผู้ประกอบการใหม่ เพราะกลุ่มอำนาจนี้ ไม่พอใจ พฤติกรรมคิงเพาเวอร์ สักเท่า