ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดทอท.เห็นชอบปรับปรุงกายภาพสิ่งอำนวยความสะดวกดอนเมือง เตรียมพร้อมรับโลว์คอสต์กลับก.ค.นี้ คาดลงทุนอีก75ล้านบาท ส่วนผลสอบคิงเพาเวอร์ใข้พื้นที่สุดอืด เตรียมจ้างมืออาชีพช่วยวัดส่วนเกิน เล็งเรียกคืนพื้นที่สโตร์ที่ได้แค่ค่าเช่า
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (17พ.ค.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการพัฒนาและใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ตามที่คณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาท่าอากาศยาน ซึ่งมีนายธานินทร์ อังสุวรังษี เป็นประธานกรรมการ เสนอให้ใช้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศอาคาร 1 เพื่อรองรับการย้ายสายการบินที่ไม่มีการเชื่อมต่อ (Point to Point) และสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Carriers ; LCCs) ทั้งภายในและระหว่างประเทศมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บนหลักของความสมัครใจ โดยใช้พื้นที่ตั้งแต่ North Corridor อาคารเทียบเครื่องบินที่ 2 ถึง 4 และให้ใช้อาคารคลังสินค้าที่ 1 เพื่อรองรับปริมาณสินค้าของสายการบินที่ย้ายมาจาก ทสภ.
รวมทั้งให้สำรองอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศอาคาร 2 อาคารเทียบเครื่องบิน 5 ถึง 6 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และคลังสินค้าที่ 2 เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณการจราจรทางอากาศ และการขยายตัวของปริมาณสินค้าในระยะต่อไป และเห็นชอบแนวทางในการปรับปรุงด้านกายภาพของ ทดม. สำหรับรองรับสายการบินที่จะมาร่วมใช้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ การปรับปรุง ทดม. การจัดหาอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการเตรียมรองรับปริมาณการจราจรบางส่วนจาก ทสภ.มา ทดม.
รายงานข่าวแจ้งว่า ทอท.จะต้องมีการลงทุนประมาณ 70-75 ล้านบาท โดยใช้งบลงทุนฉุกเฉินในการปรับปรุงพื้นที่ดอนเมืองรองรับการย้ายเที่ยวบินกลับ ซึ่งบอร์ดได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ส่วนการเจรจากับสายการบินต้นทุนต่ำที่จะย้ายกลับมาและมาตรการจูงใจนั้นจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ และจะย้ายกลับในเดือนก.ค.2555
ส่วนการตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาสัมปทานกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่มีนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ กรรมการทอท. เป็นประธานนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าข้อมูลจากการตรวจสอบการใช้พื้นที่ของคิงเพาเวอร์ ยังมีความผิดพลาด เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่น้อย อาจใช้เวลานานในการตรวจวัดพื้นที่ตามสัญญา ซึ่งมีกว่า500 ร้านค้า จึงเสนอที่จะว่าจ้างบริษัทมืออาชีพในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาตรวจวัดการใช้พื้นที่ของคิงเพาเวอร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้สรุปได้เร็วและถูกต้องมากขึ้น
นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นว่าต้องตรวจสอบการใช้พื้นที่ในส่วนสโตร์เก็บสินค้าว่ามีเท่าไรด้วย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทอท.จะได้รับเป็นค่าเช่า ไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้ เพราะคิงเพาเวอร์ระบุว่าเป็นพื้นที่เก็บของ ไม่มีรายได้ โดยเห็นว่า ควรใช้พื้นที่ภายนอกในการเก็บสินค้า และทอท.ควรเรียกคืนพื้นที่ดังกล่าวมาใล้สำหรับการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ ทอท.ว่าจ้างกลุ่มบริษัท EPM Consortium เป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ปีงบประมาณ 2554 - 2560 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี โดยกลุ่มที่ปรึกษาจะใช้เวลาในการปฏิบัติงานประมาณ 70 เดือน นับตั้งแต่วันที่ ทอท.มีหนังสือแจ้งให้ดำเนินงาน
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (17พ.ค.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการพัฒนาและใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ตามที่คณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาท่าอากาศยาน ซึ่งมีนายธานินทร์ อังสุวรังษี เป็นประธานกรรมการ เสนอให้ใช้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศอาคาร 1 เพื่อรองรับการย้ายสายการบินที่ไม่มีการเชื่อมต่อ (Point to Point) และสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Carriers ; LCCs) ทั้งภายในและระหว่างประเทศมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บนหลักของความสมัครใจ โดยใช้พื้นที่ตั้งแต่ North Corridor อาคารเทียบเครื่องบินที่ 2 ถึง 4 และให้ใช้อาคารคลังสินค้าที่ 1 เพื่อรองรับปริมาณสินค้าของสายการบินที่ย้ายมาจาก ทสภ.
รวมทั้งให้สำรองอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศอาคาร 2 อาคารเทียบเครื่องบิน 5 ถึง 6 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และคลังสินค้าที่ 2 เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณการจราจรทางอากาศ และการขยายตัวของปริมาณสินค้าในระยะต่อไป และเห็นชอบแนวทางในการปรับปรุงด้านกายภาพของ ทดม. สำหรับรองรับสายการบินที่จะมาร่วมใช้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ การปรับปรุง ทดม. การจัดหาอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการเตรียมรองรับปริมาณการจราจรบางส่วนจาก ทสภ.มา ทดม.
รายงานข่าวแจ้งว่า ทอท.จะต้องมีการลงทุนประมาณ 70-75 ล้านบาท โดยใช้งบลงทุนฉุกเฉินในการปรับปรุงพื้นที่ดอนเมืองรองรับการย้ายเที่ยวบินกลับ ซึ่งบอร์ดได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ส่วนการเจรจากับสายการบินต้นทุนต่ำที่จะย้ายกลับมาและมาตรการจูงใจนั้นจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ และจะย้ายกลับในเดือนก.ค.2555
ส่วนการตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาสัมปทานกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่มีนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ กรรมการทอท. เป็นประธานนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าข้อมูลจากการตรวจสอบการใช้พื้นที่ของคิงเพาเวอร์ ยังมีความผิดพลาด เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่น้อย อาจใช้เวลานานในการตรวจวัดพื้นที่ตามสัญญา ซึ่งมีกว่า500 ร้านค้า จึงเสนอที่จะว่าจ้างบริษัทมืออาชีพในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาตรวจวัดการใช้พื้นที่ของคิงเพาเวอร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้สรุปได้เร็วและถูกต้องมากขึ้น
นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นว่าต้องตรวจสอบการใช้พื้นที่ในส่วนสโตร์เก็บสินค้าว่ามีเท่าไรด้วย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทอท.จะได้รับเป็นค่าเช่า ไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้ เพราะคิงเพาเวอร์ระบุว่าเป็นพื้นที่เก็บของ ไม่มีรายได้ โดยเห็นว่า ควรใช้พื้นที่ภายนอกในการเก็บสินค้า และทอท.ควรเรียกคืนพื้นที่ดังกล่าวมาใล้สำหรับการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ ทอท.ว่าจ้างกลุ่มบริษัท EPM Consortium เป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ปีงบประมาณ 2554 - 2560 ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี โดยกลุ่มที่ปรึกษาจะใช้เวลาในการปฏิบัติงานประมาณ 70 เดือน นับตั้งแต่วันที่ ทอท.มีหนังสือแจ้งให้ดำเนินงาน