ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- แม้ “นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” หรือ “อากู๋” ในฐานะประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เจ้าของ “กล่องจีเอ็มเอ็มแซท” จะอ้างเหตุผลสักเพียงใดเพื่อแก้ตัวให้กับแกรมมี่ที่จับมือกับช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ในการปล้นฟรีทีวีไปจากประชาชนคนไทยในช่วงถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป แต่นั่นก็มิได้ทำให้อากู๋และแกรมมี่หลุดพ้นจากความเป็นจริงไปได้
เฉกเช่นเดียวกับวันนี้ที่คนไทยทั้งประเทศได้ตระหนักถึงสัจธรรมข้อหนึ่งว่า การดำรงอยู่ของ “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมหรือ กสทช.” มิได้มีประโยชน์ต่อประชาชนเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับค่าตอบแทนที่ได้รับ กระทั่งเกิดคำถามตามมาว่า แล้วจะมี กสทช.เอาไว้ทำพระแสงของ้าวให้สิ้นเปลืองภาษีของประชาชนอีกต่อไปทำไม
กรณีของแกรมมี่ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า อากู๋คือนักธุรกิจที่มองเห็นแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ และไม่มีแม้แต่ชำเลืองสายตาเหลือบมองสิ่งที่จะย้อนกลับคืนสู่แผ่นดินเกิดเลย
ซ้ำร้ายแกรมมี่ยังพยายามใช้แทกติกในทุกทุกวิถีทางเพื่อกอบโกยเงินเข้า กระเป๋าตัวเอง ประหนึ่งว่าได้พยายามเจรจากับยูฟ่าอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่แกรมมี่ทรงสิทธิครบถ้วนสมบูรณ์และมีอำนาจในการตัดสินใจของตนเอง
ถามว่า การส่งนายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ กรรมการผู้จัดการสายงานกีฬาและพัฒนาธุรกิจ ไปยังกรุงวอร์ซอว์ประเทศโปแลนด์ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมาเพื่อชี้แจงรายละเอียดกับยูฟ่าเพิ่มเติม เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ใจหรือเป็นเพียงแค่แทคติกเพื่อเสียงก่นด่าจากสังคมให้พ้นไปจากตัวเท่านั้น
ถามว่า หากฟรีทุกระบบกลับมาดูได้ใหม่เหมือนเดิม ยูฟ่าในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์จะเสียอะไรบ้าง คำตอบคือไม่มี เพราะนอกจากจะทำให้ยอดคนดูยูโร 2012 จะเพิ่มขึ้นอีกถึง 11.1 ล้านครัวเรือน สินค้าที่เสียเงินเสียทองมาซื้อโฆษณาเพื่อเป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันก็ย่อมมีความสุขที่สินค้าของตนเองผ่านสายตาของผู้ชมเพิ่มมากขึ้น จะมีก็แต่แกรมมี่และอากู๋เท่านั้นที่เป็นผู้เสียหาย เพราะไม่สามารถนำเข้ากล่องจีเอ็มเอ็มแซทราคาถูกมาบีบคอคนไทยให้ซื้อในราคา 1,5000 บาทได้ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องประวิงเวลาแสวงหากำไรของตนเองออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่สำคัญคืออากู๋ได้เคยอธิบายกับทางยูฟ่าเกี่ยวกับระบบรับสัญญาณโทรทัศน์ประเทศไทยหรือไม่ว่าเป็นเช่นไร เพราะข้อเท็จจริงก็คือ กว่าร้อยละ 70 ของครัวเรือน รับชมรายการของช่องฟรีทีวีผ่านทางจานรับสัญญาณ ระบบ C-band หรือ KU-band ซึ่งมีราคาไม่ต่างจากเสาอากาศ แต่ให้ผลการรับชมที่ดีกว่ามาก ทำให้ผู้รับชมกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ได้
เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า แกรมมี่ไม่ได้อธิบาย เพราะต้องการนำช่องว่างดังกล่าวมาแสวงหากำไรจากการขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซท
อากู๋กับแกรมมี่จะมีคำอธิบายตรงนี้ว่าอย่างไร
“อาร์เอสเองเคยทำสัญญากับสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป(ยูฟ่า) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) ดังนั้น การใช้ข้ออ้างเรื่องลิขสิทธิ์เป็นเพียงเจตนารมณ์ของคนทำธุรกิจเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาที่ทำกับหน่วยงาน”นี่คือหลักฐานจากปากของ “นางพรพรรรณ เตชรุ่งชัยกุล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) ที่มัดคอแกรมมี่เอาไว้แน่หนาจนไม่อาจแก้ตัวใดๆ ได้
ขณะที่ กสทช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์หรือกสท. ก็ยังคงดำรงตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
เพราะสุดท้ายแล้ว มติของกสท.ที่ พ.อ.นทีเป็นประธานก็ยังคงเข้าข้างแกรมมี่ โดยไม่ได้มีมาตรการที่จะแก้ไขใดๆ ออกมาเพิ่มเติม ประชาชนที่ต้องการรับชมการถ่ายทอดสดยูโร 2012 ทางช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ซึ่งเป็นฟรีทีวีก็ยังชมไม่ได้เหมือนเดิม จอก็ยังดำเหมือนเดิม
“หน้าที่ของ กสท.จบไปตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว หลังจากนี้เป็นเรื่องของทางยูฟ่าว่าจะอนุญาตให้ถ่ายทอดสัญญาณหรือไม่ ซึ่งทุกฝ่ายรวมทั้งรัฐบาลกำลังพยายามช่วยในเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องสหพันธ์องค์การผู้บริโภคที่ขอให้ กสท.มีคำสั่งทางปกครองกับฟรีทีวี 3 ,5 และ 9 กรณีบล็อกสัญญาณการถ่ายทอด ให้ดำเนินคดีกับ กสท โทรคมนาคม ผู้รับและส่งสัญญาณดาวเทียมต่างประเทศที่ให้ความร่วมมือกับเอกชนในการส่งและตัดสัยญาณครั้งนี้ กสท.จะไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะเอาผิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกรณีฟรีทีวีที่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามความต้องการของเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทยคือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของ กสท.”
คำกล่าวของ พ.อ.นทียืนยันชัดเจนว่า ไม่สามารถจัดการอะไรกับแกรมมี่ได้
คำกล่าวของ พ.อ.นทีชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับ ช่อง 3 , 5 และ 9 ที่ร่วมกับแกรมมี่ปล้นฟรีทีวีไปจากประชาชนคนไทยได้ เพราะเป็นไปตามความต้องการของเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเพียงผู้เดียวคือแกรมมี่
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า นับจากนี้ต่อไปถ้าหากจะมีการดำเนินการใดๆ กับการถ่ายสอดการแข่งขันกีฬาในลักษณะนี้อีก ก็สามารถทำได้ เพราะ เจ้าของลิขสิทธิ์มีอำนาจเหนือสิทธิอันชอบธรรมของคนไทยที่จะได้รับชมจากฟรีทีวี ซึ่งต่อไปคนไทยก็คงต้องเตรียมควักกระเป๋าจ่ายเงิน “ค่ากล่อง” อีกสารพัดสารพันที่จะพาเหรดเข้ามาทำมาหากินในโมเดลเดียวกับแกรมมี่
ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่วันนี้ทำไมประเทศไทยถึงไม่ใช่โทรศัพท์ระบบ 3G กันเสียทีทั้งๆ ที่ประเทศเพื่อนบ้านมีใช้กันหมดแล้ว
ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่ทำไมคนไทยถึงไม่เคยสัมผัสหรือรับรู้ผลงานของ กสทช.เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วคนไทยจะมีกสทช.หรือกสท.เอาไว้ให้เปลืองงบประมาณแผ่นดินทำไม
พ.อ.นทีหลงลืมไปแล้วหรือว่า ฟรีทีวีเป็นทีวีที่รัฐมอบความถี่ ซึ่งเป็นทรัพยากรของประชาชน ทรัพยากรของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นประชาชนมีสิทธิ์ที่จะได้ดูฟรีจากช่อง 3, 5, 9 ไม่ว่าจะดูจากเสาอากาศบนหลังคาบ้านตัวเอง หรือจะดูผ่านจานดาวเทียมบนหลังคาบ้านตัวเอง เพราะจานดาวเทียมเป็นเครื่องมือในการรับสัญญาณจากช่อง 3, 5, 9 ที่ส่งในระบบความถี่เดิม
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า พ.อ.นทียังคงดักดานโดยแอบอิงเข้าข้างแกรมมี่อยู่ร่ำไปว่า ฟรีทีวีคือการถ่ายทอดสัญญาณผ่านระบบอะนาล็อก ทั้งที่ความจริงอุปกรณ์ออกอากาศของสถานีโทรทัศน์เมืองไทยเป็นระบบดิจิตอลหมดแล้ว
อากู๋และแกรมมี่ใหญ่เกินไปสำหรับประเทศไทยเสียแล้ว เพราะองค์กรธุรกิจอย่างแกรมมี่สามารถแสวงหากำไรจากคลื่นความถี่ของประชาชนผ่านช่อง 3, 5, 9 โดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้
ส่วนสุดท้ายแล้ว ไม่ว่ายูฟ่าจะอนุญาตให้ถ่ายทอดสดหรือไม่ ก็ใช่เรื่องสำคัญ และแกรมมี่ก็ไม่สามารถอ้างบุญคุณกับคนไทยได้ถ้าประสบความสำเร็จในการเจรจา เพราะกลเกมในครั้งนี้ได้ทำให้แกรมมี่สวาปามเม็ดเงินจากการขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซท ขายค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ทีวีผ่านดาวเทียมของตนเองให้ติดตลาดไปจนกระเพาะครากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
…ว่ากันว่า หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแกรมมี่ โดยมีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่ “ธนา เธียรอัจฉริยะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด อาจจะตัดสินใจโบกมือลาอากู๋และแกรมมี่ก็เป็นได้