ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กรณีปัญหาประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่ “บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ “บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน)” บล็อกสัญญาณการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2012 จนทำให้ไม่สามารถรับชมผ่านฟรีทีวีที่รับสัญญาณด้วยระบบจานดาวเทียมได้นั้น เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คือแผนการตลาดที่เลือดเย็น ซึ่งถูกกำหนดเอาไว้แล้วล่วงหน้า
กระทั่งสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นขบวนการปล้นฟรีทีวีอันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนคนไทยอย่างหน้าด้านๆ
ทั้งนี้ ความสำเร็จของขบวนการสูบเลือดสูบเนื้อจนทำให้แกรมมี่ถึงกับคุยโวโอ้อวดได้ว่า สามารถขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทที่มีราคาราว 1,500 บาทได้ไม่น้อยกว่า 1000,000 กล่อง รวมทั้งสามารถขายโฆษณาได้อีกจำนวนมหาศาล จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าแกรมมี่ไม่ได้สมคบคิดกับฟรีทีวี อันได้แก่ ช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9
ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของขบวนการสูบเลือดสูบเนื้อจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลอย่าง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท. )ที่มิได้เคยพิทักษ์และปกป้องสิทธิประชาชนจากการบล็อกสัญญาณของแกรมมี่เลย
เพราะถ้ามิได้มีนอกมีในหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับแกรมมี่ กสทช.-กสท.จักต้องใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับให้ฟรีทีวีอย่างช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 มิให้จำกัดสิทธิของคนไทยในการรับชมยูโร 2012 ซึ่งเชื่อว่า กสทช.-กสท.สามารถทำได้
สิ่งที่ กสทช.-กสท.บิดเบือนมาโดยตลอดก็คือ นี่มิใช่กลเกมทางธุรกิจระหว่างแกรมมี่กับบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด(มหาชน) เท่านั้น หากแต่คือสิทธิอันพื้นฐานในการรับชมฟรีทีวีของไทย ซึ่งมิใช่สิ่งที่ พ.อ.นทีตีความจำกัดวงเฉพาะการรับชมผ่านระบบอะนาล็อกหรือเสาก้างปลา เสาหนวดกุ้งเท่านั้น หากแต่เมื่อขึ้นชื่อว่าฟรีทีวีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับสัญญาณด้วยเสาก้างปลา เสาหนวดกุ้งหรือจานดาวเทียม ย่อมต้องสามารถทำได้
ทว่า ที่ผ่านมา กสทช.หรือกสท.ได้พยายามมองข้ามข้อเท็จจริงอันเป็นสาระพื้นฐานไปทั้งหมด
ด้วยเหตุดังกล่าว คงไม่เกินเลยไปนักหากจะฟันธงลงไปว่า นี่คือทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิดเพื่อสูบเลือดสูบเนื้อจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ด้วยความร่วมมือกันระหว่างแกรมมี่ กสทช. โดยมีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีอย่างช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ยินยอมพร้อมใจเพื่อให้การขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทได้ระเบิดเถิดเทิง
**ลอกคราบกลเกมอากู๋ ผนึกเฮียประวิทย์ช่อง 3-5-9
ถ้าหากพิจารณาจากรูปแบบการทำธุรกิจของค่ายแกรมมี่กับการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 นั้น จะเห็นได้ว่า แกรมมี่มิได้มีเจตนาที่จะจำกัดการถ่ายทอดครั้งนี้ผ่านทางกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ที่ประชาชนต้องควักกระเป๋าซื้อมาในราคาราว 1,500 บาทเท่านั้น หากแต่ต้องการนำลิขสิทธิ์สัญญาณการถ่ายทอดสดครั้งนี้ไปเผยแพร่ทางฟรีทีวีด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการเพิ่มตัวเลขยอดผู้ชมให้เพิ่มขึ้น และนำมาซึ่งตัวเลขยอดเงินโฆษณาที่จะเพิ่มในกระเป๋ามากขึ้นด้วย เนื่องจากสามารถนำไปเคลมกับเอเยนซี่หรือบริษัทห้างร้านที่จะมาซื้อโฆษณาได้
ดังนั้น จึงเป็นที่มาในการเจรจาธุรกิจร่วมกับฟรีทีวีอย่างช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9
ทั้งนี้ ถ้าหากพิจารณาจากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อจะเห็นได้สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีที่ถ่ายทอดสดยูโร 2012 ครั้งนี้มากที่สุดก็คือ ช่อง 3 ที่เจ้าของคือตระกูลมาลีนนท์ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนักที่การเจรจาธุรกิจระหว่างอากู๋-นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรมแห่งแกรมมี่กับนายประวิทย์ มาลีนนท์แห่งช่อง 3 จะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะทั้งสองค่ายก็จับมือเป็นพันธมิตรฯ กันอยู่มาเก่าก่อนแล้ว
และดีลดังกล่าวระหว่างอากู๋กับช่อง 3 ก็สมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า จะต้องมีการแบ่งสัดส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นจากการโฆษณาเป็นที่เรียบร้อย
ขณะเดียวกันก็ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์พันลึกขึ้นมาพร้อมๆ กัน เพราะการรับชมการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ประชาชนชาวไทยสามารถรับชมได้ผ่าน 2 ช่องทางหลักเท่านั้นคือ ผ่านการซื้อกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท และการรับชมผ่านฟรีทีวีในระบบอะนาล็อก ผ่านเสาก้างปลา และเสาหนวดกุ้ง ไม่สามารถรับชมจากจานรับสัญญาณดาวเทียมได้
กระทั่งกลายเป็นคำถามว่า ทำไมถึงมี 2 มาตรฐานเช่นนี้ทั้งๆ ที่เป็นการรับสัญญาณฟรีทีวีเหมือนกัน
เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทำไมอากู๋ถึงสามารถกำหนดการรับชมฟรีทีวีของคนไทยให้เป็นไปได้อย่างที่แกรมมี่ต้องการชนิดที่จำต้องบันทึกเอาไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติกันเลยทีเดียว
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ประชาชนชาวไทยมิเคยได้เห็นท่าทีหรือความรับผิดชอบเล็ดลอดออกมาจากเจ้าของหรือผู้รับสัมปทานฟรีทีวีของไทยที่ไม่เจรจาทำธุรกิจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมถึงไม่สามารถดูฟรีทีวีที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรผ่านจานดาวเทียมได้ ขณะที่สามารถดูได้จากเสาก้างปลาหรือเสาอากาศหนวดกุ้งซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สุดแสนจะล้าสมัยในบรรณพิภพยุคนี้สมัยนี้
นี่ไม่นับเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนการถ่ายทอดสดที่แกรมมี่ขโมยเวลาในการรับชมฟรีทีวีผ่านจานดาวเทียมไป ด้วยการนำสองพิธีกรอย่าง “พี่ป๋อง” และ “แจ็คเล็ก” มาจัดรายการฟุตบอลมาเนีย ซึ่งนอกจากจะไม่เข้าใจแนวคิดที่แกรมมี่นำสองพิธีกรมาจัดรายการที่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าต้องการอะไรหรือมีประโยชน์กับคนดูที่ตรงไหนแล้ว ยังเกิดคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบด้วยว่า เวลาครึ่งชั่วโมงก่อนก่อนถ่ายสดจะเริ่มขึ้นในเวลา 23.00 น. แกรมมี่มีสิทธิอะไรสุมหัวกับช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ขโมยเวลาในช่วงดังกล่าวไป
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า คลื่นในอากาศนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว หากแต่เป็นสิทธิของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งในรัฐธรรมนูญก็ยืนยันสิทธิข้อนี้ ดังนั้น การยอมให้แกรมมี่ปิดสัญญาณของ ฟรีทีวีช่อง 3, 5, 9, จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยประชาชนทุกคนที่สูญเสียสิทธิในการรับชมฟรีทีวีทั้ง 3 ช่อง ซึ่งก็คือผู้ที่รับชมผ่านสัญญาณดาวเทียมหรือเคเบิลนั้น สามารถรวมตัวกันยื่นฟ้องต่อศาลปกครองมิให้มีการปิดกั้นสัญญาณของฟรีทีวี 3, 5, 9, เพราะสิทธิในการรับชมฟรีทีวีนั้น ประชาชนทุกคนมีสิทธิไม่ว่าจะชมจากช่องทางใด รวมทั้งมีสิทธิที่จะรับชมฟรีทีวีผ่านสัญญาณทรูด้วยเช่นกัน
“เปรียบได้กับการที่ผมเป็นประชาชนคนหนึ่ง ถ้าบ้านผมอยู่ริมถนนเพชรเกษม ผมก็มีสิทธิ์ใช้ถนนเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งเปรียบได้กับกรณีที่ผมมีเสาก้างปลาซึ่งผมไม่เดือดร้อน ผมดูได้ แต่ถ้าคนที่ติดดาวเทียมของทรู หรือเคเบิลหรือดาวเทียมอื่นๆ แล้วเขาไม่สามารถรับชมช่อง 3, 5, 9 ได้นั้น ก็เปรียบเหมือนเขาไม่ได้อยู่ติดถนนเหมือนผม แต่เขาอยู่ในซอยส่วนตัว แต่ถามว่าเขามีสิทธิที่จะเดินออมาถนนเพชรเกษมไหม? เขามีสิทธิ์เต็มที่ แต่ กสทช.กลับปล่อยให้แกรมมี่ทำตัวเป็นนักเลงมาดักอยู่ที่ปากซอย ไม่ให้ใครใช้ถนนได้”
“ขอฝากถึงแกรมมี่ด้วยนะ ว่าให้ดำเนินธุรกิจอะไรก็ให้มีความเป็นธรรมหน่อย คุณคิดจะขายคิดจะทำเคเบิลก็บอกมาตรงๆ ให้มันแฟร์ การที่มาปิดกั้นสัญญาณแบบนี้ หมายความว่าดูยูโรต้องจ่าย 1,500 บาท แล้วถ้าเป็นฟุตบอลโลกนี่คงต้องจ่าย 2,000 บาทใช่ไหม ถึงจะดูได้ ถ้าคุณจะทำทีวีเคเบิลก็ให้ทำแฟร์ๆ อย่าใช้วิธีปิดกั้นสัญญาณแบบนี้” นายแก้วสรรอธิบาย
ด้วยประการฉะนี้ พฤติกรรมของแกรมมี่ตามคำนิยามของอาจารย์แก้วสรรจึงไม่ต่างอะไรจากจิ๊กโก๋ปากซอยหรือยากูซ่าที่คอยเรียกเก็บเงินจากผู้บริสุทธิ์อย่างหน้าด้านๆ โดยที่ตำรวจนอกจากจะไม่จับแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอีกด้วย
ทั้งนี้ การที่แกรมมี่ประกาศในแถลงการณ์ว่าเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด (all rights) ในการถ่ายทอดศึกฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านทุกระบบที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการรับชมโทรทัศน์ของคนไทยปัจจุบันนี้ คือ ฟรีทีวี ระบบภาคพื้นดิน (terrestrial TV), เคเบิลทีวี ทางสาย coaxial (Cable TV), และ โทรทัศน์ดาวเทียม (satellite TV) หมายความว่า การบริหารจัดการส่งสัญญาณคลื่นเข้าระบบต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะโทรทัศน์ดาวเทียม ที่รวมไปถึงช่องฟรีทีวีที่ดูได้ผ่านระบบดาวเทียมนั้นเป็นเป็นการบริหารจัดการของแกรมมี่โดยไม่เกี่ยวกับยูฟ่า
เนื่องเพราะแกรมมี่ได้สิทธิจากยูฟ่าเป็นที่เรียบร้อย แกรมมี่จะให้ใครไม่ให้ใครก็แค่แจ้งยูฟ่า ยูฟ่าก็จะออกหนังสือรับรองหรือปฏิเสธให้ตามที่แกรมมี่ขอ ซึ่งการนำเอาการถ่ายทอดสดมาฉายซ้ำในระบบทีวีดาวเทียมก็รวมอยู่ใน สิทธิที่แกรมมี่ได้จากยูฟ่าด้วย ดังนั้น การที่แกรมมี่อ้างว่ายูฟ่าให้สิทธิในการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีในประเทศไทยผ่านคลื่นอนาล็อกเท่านั้นไม่สามารถปลดล็อกสัญญาณได้จึงเป็นเรื่องโกหก
นอกจากนี้ การที่แกรมมี่อ้างคำว่า rebroadcass มาเป็นคาถาในการกีดกัน แพลตฟอร์มเจ้าอื่น ๆ ในการเข้าถึงฟรีทีวี โดยอธิบายว่า การดูผ่านกล่องต่าง ๆ คือการrebroadcass หรือการทวนสัญญาณไปออกอากาศซ้ำ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์คือ ยูฟ่าไม่ยินยอม เพราะไม่ใช่การออกอากาศสดในระบบ Analog ที่รับได้โดยใช้เสาอากาศหนวดกุ้งและก้างปลา ก็เป็นเรื่องยกเมฆเช่นกัน
เพราะต้องไม่ลืมว่าในการส่งสัญญาณออกไปจากแหล่ง ทั้งสองระบบก็ไปจากแหล่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน ทางหนึ่งยิงไปจากเสาส่งตรงไปยังเสาอากาศตามบ้านเรือน ทางหนึ่งยิงออกไปสู่ดาวเทียมเพื่อแปลงสัญญาณกลับมาสู่กล่องรับสัญญาณของเจ้าต่าง ๆ ในทางแรกแทบไม่มีความแตกต่างระหว่างการเดินทางของแสง (ภาพ) และเสียง จึงออกอากาศได้เร็วกว่า แต่ในทางหลังที่ถูกส่งออกไปในระยะไกลกว่า เมื่อถูกส่งกลับมา จึงเกิดความแตกต่างของการเดินทางของแสงและเสียง การที่แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง (ดูได้จากปรากฏการณ์ฟ้าแลบและฟ้าร้อง) จึงจำเป็นต้องทำให้เกิดการดีเลย์ ของภาพไว้ชั่วเสี้ยววินาทีเพื่อให้พอดีหรือซิงค์กับเสียงที่มาไม่ทัน โดยรวมจึงเกิดความล่าช้ากว่าเวลาการรับจากเสาอากาศธรรมดาที่ส่งมาโดยตรง ดังนั้น จึงไม่ใช่การ rebroadcas เพราะส่งออกไปจากแหล่งกำเนิดในเวลาเดียวกัน เพียงแต่ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน
ที่สำคัญคือ ฝ่ายการตลาดของยูฟ่า ไม่น่าจะคิดเรื่องหยุมหยิมขนาดนั้นเพราะเชื่อว่าในยุโรปไม่น่าจะเหลือระบบอะนาล็อกแล้ว
ส่วนข้ออ้างของแกรมมี่ที่นำหนังสือตอบกลับของยูฟ่ามาโชว์กรณีปฏิเสธที่จะให้ทรูวิชั่นส์ดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 เนื่องเพราะมีสถานะเป็นเพย์ทีวีนั้น ก็มิได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่ เพราะต้องไม่ลืมว่า แกรมมี่ได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการเคเบิ้ลท้องถิ่นสามารถถ่ายทอดการแข่งขันครั้งนี้ได้โดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แถมยังซื้อกล่องจีเอ็มเอ็มแซทแจกอีกต่างหาก
นี่คือความลักลั่นที่แกรมมี่มีเจตนาให้เกิดขึ้น เพราะเคเบิ้ลท้องถิ่นทั้งหลาย ผู้ที่เป็นสมาชิกก็ต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายให้เช่นกัน ดังนั้น ข้ออ้างในเรื่องความเป็นเพย์ทีวีจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
ที่สำคัญคือถ้าแกรมมี่แน่จริง จงนำสัญญาที่ทำกับยูฟ่ามาแสดงให้สาธารณชนดูว่า เป็นไปตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า แกรมมี่ไม่กล้า
ขณะเดียวกันในการแถลงข่าวในวันดังกล่าวที่แกรมมี่ขน 3 ผู้บริหารมาประกาศชัยชนะคือ นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด นายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงานแพลตฟอร์มฯ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด ก็สะท้อนภาพให้เห็นเจตนาที่ชัดเจนว่าแกรมมี่ต้องการอะไร
เพราะแกรมมี่ประกาศชัดเจนว่า “เหตุการณ์นี้เป็นกรณีตัวอย่างในการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อต้องเผยแพร่ผ่านฟรีทีวีด้วยการกำหนดระบบสัญญาณ ไม่ใช่ให้ถ่ายทอดได้ในทุกระบบ”
อย่างไรก็ตาม นอกจากอากู๋กับนายประวิทย์จะสมประโยชน์ซึ่งกันและกันแล้ว ยังพบว่า ภาคธุรกิจที่เข้ามาร่วมผสมโรงหากินกับการถ่ายทอดสดยูโร 2012 ยังมีอีกหลายกลุ่มด้วยกัน ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ล้วนแล้วแต่มีสายสัมพันธ์กับระบอบทักษิณทางใดทางหนึ่งทั้งสิ้น
เช่น
DTV - บริษัท ดีทีวี เซอร์วิส จำกัด ธุรกิจในเครือของไทยคมที่ร่วมมือกันถ่ายทอดสดผ่านระบบ HD
AIS - จับมือกันทำมาหากินด้วยการถ่ายทอดสดผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็คงไม่ต้องถามว่าใครเป็นเจ้าของ
อสมท.-เจ้าของสัมปทานช่อง 3 และช่อง 9 ที่คนของระบอบทักษิณเข้าไปยึดกุมอำนาจในการบริหารเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และยอมให้แกรมมี่เข้ามาทำมาหากินอย่างหน้าชื่นตาบาน
ช่อง 5-สถานีโทรทัศน์ที่กองทัพบกได้รับสัมปทาน ซึ่งเข้าไปร่วมขโมยเวลาของฟรีทีวี
**-กสทช+กสท.ปกป้องอากู๋ ไม่สนใจใยดีประชาชน
แต่ที่น่าเจ็บใจเสียยิ่งกว่าก็คือ ประชาชนคนไทยมิเคยเห็นมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคหลุดออกมาจากปากของหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท. )เลยแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ ถ้าหากตรวจสอบมาตรการที่ กสทช.และกสท.พ่นออกมาจากปาก ของ พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท. )ก็จะเห็นได้ว่า กสทช.และกสท.มีแต่มาตรการที่บังคับให้ทรูวิชั่นส์ทำทุกวิถีทางเพื่อให้สมาชิกที่เสียเงินเสียทองสามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 รวมถึงการสั่งปรับทรูวิชั่นส์ที่ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้วันละ 20,000 บาท
ทว่า ประชาชนคนไทยไม่เคยเห็นมาตรการเพื่อปกป้องสิทธิการรับชมการถ่ายทอดครั้งนี้ผ่านจานดาวเทียม หรือกสทช.-กสท.ต้องการให้คนไทยทั้งประเทศเข้าใจว่า การดูโทรทัศน์ฟรีจะต้องดูผ่านระบบอะนาล็อกคือเสาก้างปลาและเสาหนวดกุ้งเท่านั้น ไม่สามารถรับชมผ่านจานดาวเทียมได้
ทำไมกสทช.-กสท.ถึงอนุญาตให้แกรมมี่สามารถเข้ามาหาประโยชน์จากฟรีทีวีอันเป็นทีวีสาธารณะได้
นี่คือคำถามที่ กสทช.-กสท.จะต้องตอบ
นอกจากนี้ การที่ช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ที่ได้รับสัมปทานโทรทัศน์สาธารณะจากภาครัฐปล่อยให้แกรมมี่เข้ามากำหนดคำจำกัดความของฟรีทีวีได้ กสทช.-กสท.ก็มิเคยที่จะมีมาตรการในการแก้ไขประการใด
ถ้าจะอ้างว่า กฎหมายเอื้อมไม่ถึงหรือครอบคลุมไม่ถึง กสทช.-กสท.ก็ควรจะต้องถูกยุบทิ้งไปเสีย เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว นอกจากกรณีนี้แล้ว ที่ผ่านมาประชาชนคนไทยก็ไม่เคยที่จะได้รับประโยชน์จากการทำงานของคณะกรรมการกสทช.-กสท.เลย แถมยังต้องนำเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายเป็นเงินเดือนและค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมการกสทช.-กสท.แต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล แถมยังมีหน้าขอเพิ่มเงินเดือนให้กับตัวอีกอีกต่างหาก
แต่ที่เด็ดที่สุดก็คือ ทำไมประชาชนที่ซื้อจานดาวเทียมมาเพื่อรับชมฟรีทีวีเพื่อความคมชัดของภาพ/เสียง และมิได้ต้องการชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ถึงต้องทนดูข้อความประกาศความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของแกรมมี่ขึ้นมาที่หน้าจอ แทนที่จะได้รับชมรายการอื่นๆ ซึ่งทางสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี ทั้งช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 มิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกสทช.อันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลฟรีทีวีโดยตรง ก็ไม่มีปัญญาที่จะทวงสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนคนดูโทรทัศน์ผ่านจานดาวเทียมได้
ตรรกะง่ายๆ ก็คือ ทำไมประชาชนคนไทยที่สามารถดูฟรีทีวีผ่านจานดาวเทียมถึงต้องควักเงินในกระเป๋าไปซื้อหนวดกุ้ง เสาก้างปลาหรือต้องทนอ่านข้อความประกาศความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของแกรมมี่ตลอด 90 นาทีของการแข่งขันฟุตบอล ที่ร้ายที่สุดก็คือ ทุกวันนี้เสาก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้งที่แกรมมี่ป่าวร้องให้คนไทยไปซื้อหามาใช้กันถ้าหากต้องการชมยูโร 2012 มีคุณภาพเพียงพอที่จะรับชมกันได้อย่างมีอรรถรสจริงหรือ
นอกจาก พ.อ.ดร.นทีแล้ว กรรมการ กสทช.ที่มีพฤติกรรมที่น่าผิดหวังยิ่งก็คือ “น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์” เพราะต้องไม่ลืมว่า เธอผู้นี้ได้รับการคัดเลือกเข้ามาในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ตัวแทนจากผู้บริโภค แต่สังคมกลับไม่เห็นการทำหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับมอบหมายเลย
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ผู้จัดการและกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ออกแถลงการณ์ในนามเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ 302 องค์กรถึงความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้นเอาไว้ พร้อมข้อเสนอแนะและทางออกที่ทั้งแกรมมี่ ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 9 และกสท.มิอาจโต้เถียงได้คือ
หนึ่ง- กสท. ต้องมีคำสั่งทางปกครองกับช่อง 3, 5, และ 9 เนื่องจากการให้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลยูโรมีเงื่อนไขของยูฟ่าว่า ต้องถ่ายทอดผ่านระบบฟรีทีวี ดังนั้นถือเป็นบริการสาธารณะปกติ แต่เมื่อให้ถ่ายทอดทางช่อง 3, 5, และ 9 สถานีโทรทัศน์เหล่านี้ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้บริการสาธารณะ กลับพบว่า มีการออกอากาศสองรูปแบบในปัจจุบัน คือ มีรายการฟุตบอลและมีการขึ้นคำขออภัยซึ่งเท่ากับว่าสถานีเหล่านี้หยุดให้บริการสาธารณะ
ดังนั้น กสท. ต้องมีคำสั่งบังคับทางปกครองในฐานะผู้รับใบอนุญาตบริการสาธารณะที่หยุดให้บริการในปัจจุบันเช่นเดียวกับบริษัท TRUE หรือหากจะเข้มงวดจริงก็ต้องยกเลิกให้ใบอนุญาตบริการสาธารณะ เพราะปฏิบัติขัดต่อแผนแม่บทการเข้าถึงการกระจายเสียงและการแพร่ภาพสาธารณะ เนื่องจากแผนแม่บทเรื่องการเข้าถึงของ กสทช.ไม่ได้จำกัดเฉพาะวิธีหนวดกุ้งหรือภาคพื้นดินแต่จะเป็นวิธีการเป็นแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเคเบิ้ล หรือดาวเทียม
โดยพบว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคจำนวน 20 ล้านครัวเรือน มีเพียงร้อยละ 25 เท่านั้นที่ใช้ระบบหนวดกุ้ง เสาอากาศหรือภาคพื้นดิน และมีสูงถึงร้อยละ 75 เป็นผู้บริโภคที่ใช้เคเบิ้ลและดาวเทียมเป็นเครื่องมือในการเข้าถึง FREE TV อาจจะเนื่องจากหลายเหตุผล เช่น ไม่สามารถรับสัญญาณจากหนวดกุ้งหรือเสาอากาศได้ อาศัยในอาคารสูงหรือคอนโดมิเนียม หรือบ้านเรือนปกติแต่ถูกอาคารสูงแวดล้อมจนรับสัญญาณไม่ได้ หรือมีความชอบทางการเมืองที่แตกต่างกัน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ช่วยสถานีโทรทัศน์ 3 , 5, 9 ให้บริการสาธารณะและส่งสัญญาณออกอากาศมาเป็นเวลานาน โดยโทรทัศน์ประเภทบริการสาธารณะหรือ FREE TV แทบจะไม่มีแผนในการขยายพื้นที่ในการส่งสัญญาณภาคพื้นดินในปัจจุบัน
สอง-ดำเนินการลงโทษ และเปรียบเทียบปรับบริษัทแกรมมี่ในฐานะผู้ได้ลิขสิทธิ์ในปัจจุบันที่ได้ประโยชน์มากมาย ทั้งการประชาสัมพันธ์ช่องของตนเอง การขายกล่อง การขายโฆษณา การมีพันธมิตรธุรกิจด้านนี้ แต่ดำเนินการผูกขาดในการให้บริการ และที่สำคัญบริษัทแกรมมี่ไม่สนใจผู้บริโภคที่เผอิญไปเป็นลูกค้าของคู่แข่งทางการค้าของตนเอง และต้องบอกว่าเรื่องค่าตอบแทนลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญน้อยในทางธุรกิจครั้งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการรับรู้ถึงความมีตัวตนของช่องแกรมมี่ เป้าหมายการขายโฆษณา ซึ่งแกรมมี่ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ใช่เอาทุกอย่าง ไม่ใช่บอกว่าขณะนี้กฎหมายไม่ได้ห้าม
แต่ถึงอย่างไรก็ตามองค์กรผู้บริโภคก็มีจุดยืนว่า การคุ้มครองผลประโยชน์ลิขสิทธิ์เอกชนต้องไม่เกินเลยผลประโยชน์สาธารณะที่ไม่ได้ดูฟุตบอลในครั้งนี้ จะมาอ้างเพียงว่าใครอยากดูก็ให้ไปซื้อจานของตนเอง(แกรมมี่) หรือไม่ก็สามารถซื้อหนวดกุ้งมาติดชั่วคราว อันละประมาณ 200 บาท แต่ 200 บาทเมื่อเทียบกับจำนวนครัวเรือนที่ไม่น้อยกว่า 10 ล้านครัวเรือนก็สูงถึง 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แกรมมี่ยังออกอากาศของตนเองด้วยช่องทางผ่านดาวเทียม เพราะลูกค้าต้องใช้กล่องรับสัญญาณเช่นเดียวกันกับเจ้าอื่น ดังนั้นในทางเทคนิคไม่ควรเถียงกันว่า จะจัดการให้จานดาวเทียมต่างๆ จำกัดการแพร่ภาพและกระจายเสียงอยู่เฉพาะในเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ในทางเทคนิคเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่แกรมมี่เลือกที่จะให้ใครเข้ามาใช้บริการหรือเป็นพันธมิตรได้บ้าง นี่คือการการผูกขาดในการให้บริการของแกรมมี่
“กสท.จะอ้างว่าไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาต เลยจัดการไม่ได้คงไม่ถูกต้อง หรือคงไม่เพียงพอหากดำเนินการเพียงการขึ้นบัญชีดำ หากมาขอใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ในอนาคต แต่ต้องจัดการปัญหาการผูกขาดในการให้บริการ(เถื่อน)ครั้งนี้ด้วยเพราะให้บริการเถื่อนโดยไม่ต้องขออนุญาตแล้วยังใช้โอกาสผูกขาดอีก ขัดต่อกฎหมาย และที่สำคัญจะเป็นเยี่ยงอย่างให้กับผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ หากอีกสองปีใครได้รับอนุญาตเป็นผู้แพร่ภาพและกระจายเสียงฟุตบอลโลกเราคงต้องซื้อกล่องใหม่กันอีก โดยไม่สนใจผู้บริโภค แล้วผู้บริโภคไทยต้องมีกล่องกี่ประเภทถึงจะเข้าถึงการแพร่ภาพและการกระจายเสียง”นางสาวสารีให้ความเห็น
ขณะที่อาจารย์แก้วสรรให้มุมมองทางกฎหมายต่อ กสทช.เอาไว้ในทำนองเดียวกันว่า “กสทช.เองก็ไม่ทำหน้าที่ อย่าหลงประเด็น อย่ามาอ้างว่ายกเลิกไม่ได้ ผิดสัญญา ผิดกฎหมาย ไม่จริงเลยครับ สามารถสั่งยกเลิกการปิดกั้นสัญญาณได้ เพราะสัญญาที่ทำกับแกรมมี่นั้น ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น เพราะคลื่นโทรคมนาคมเป็นสิทธิของประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้น ประชาชนจึงต้องยื่นฟ้องศาลปกครอง ให้มีคำสั่งไปถึง กสทช.ให้ยกเงิกการระงับ ยกเลิกปิดกั้นสัญญาณ ประชาชนต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องความถูกต้องด้วยตัวเอง”
สุดท้าย สัจธรรมประการหนึ่งที่ต้องย้ำให้เห็นชัดๆ ก็คือ ไม่มีใครบังคับ ให้อากู๋ควักเงินกว่า 400 ล้านบาทไปซื้อลิขสิทธิ์ยูโร 2012 มา หากแต่อากู๋ปรารถนาที่จะซื้อมาเพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจของตนเอง ซึ่งนั่นก็คือการขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทในราคา 1,500 บาท ทั้งๆ ที่ความจริงน่าจะขายไม่เกิน 300-500 บาทเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้น อากู๋และแกรมมี่จึงไม่มีสิทธิที่จะละเมิดสิทธิในการดูฟรีทีวีของคนไทยในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นระบบอะนาล็อกหรือผ่านดาวเทียม
ส่วนการที่บรรดานักการเมืองทั้งหลายพากันแห่ออกมาตรวจสอบในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกมธ.สื่อสารและโทรคมนาคม นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ถามว่า ช้าไปหรือไม่ หรือตั้งใจให้ช้า เพราะกว่าที่ผู้มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนจะลุกขึ้นมา แกรมมี่ก็ขายกล่องไปจนสาแก่ใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เช่นเดียวกับการที่รัฐบาลมีการออกหนังสือให้ แกรมมี่ ส่งจดหมายไปเจรจากับยูฟ่า เพื่อขอให้จานดำได้ดูฟุตบอลยูโร 2012 ก็คือการสร้างภาพเพื่อหวังคะแนนเสียงทางการเมืองหรือแหกตาประชาชนไปวันๆ เท่านั้น
...ทั้งนี้ ผลพวงจากความอัปยศและความเห็นแก่ได้ในการทำธุรกิจของแกรมมี่ ฟรีทีวีอย่างช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 รวมถึงการไม่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติจาก กสทช.-กสท. ได้ทำให้ประชาชนคนไทยเสียประโยชน์ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบันทึกรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเอาไว้ว่า สุมหัวกันล่วงละเมิดสิทธิในการดูฟรีทีวีในทุกช่องทางอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของปวงชนชาวไทย
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการการบริหารกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (มหาชน)
นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด
นายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงานแพลตฟอร์มฯ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด
พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)
พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท. )
พ.อ. ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
พล.ท.ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
รศ.ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ผศ. ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
นายประวิทย์ มาลีนนท์ และช่อง 3
พลโท ฉัตรชัย สาริกัลยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย(อสมท) ผู้ให้สัมปทานช่อง 3 และช่อง 9
นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะที่ประกอบไปด้วย ศ.(พิเศษ) ธงทอง จันทรางศุ นายจักรพันธุ์ ยมจินดา นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ นายประเสริฐ เกษมโกเมศ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา นายบุญธรรมมันพัน พิกุลศรี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ญาใจ พัฒนสุขวสันต์ และสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์
พวกเขาเหล่านี้สมควรที่จะได้รับการสั่งสอนให้รู้สึกกันเสียบ้าง