ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลปกครองสูงสุด ออกบัลลังก์นัดแรก “หญิงเป็ด” " ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปค.กลาง ยกคำวินิจฉัยศาลรธน.สู้ ลั่นมีอำนาจตามประกาศคปค. แย้งปฏิบัติหน้าที่ได้ถึงอายุ70ปี ไม่ใช่ 65 ปี
วานนี้ (12 มิ.ย.55) เมื่อเวลา 09.30น. ที่ศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสูงสุดได้ออกนั่งบังลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑากา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางว่า ให้เพิกถอนสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 184/2553 เรื่องให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ 18 ส.ค.2553 ต่อศาลปกครองสูงสุด โดยคุณหญิงจารุวรรณได้เดินทางมาด้วยตัวเอง พร้อมขอต่อศาล แถลงข้อเท็จจรองด้วยวาจา ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณได้ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาประกอบการแถลง ข้อเท็จจริงที่ตนยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปพลางก่อนจะกว่าจะมีคำใหม่มารับตำแหน่งแทน อีกทั้งยังได้ยกพ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน มาตรา 13(1) และมาตรา 14 ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยการไต่สวนครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 40นาที
สำหรับการพิจารณาครั้งนี้ ศาลได้แจ้งว่าจะให้ตุลาการผู้แถลงคดี อ่านแถลงการณ์ส่วนตน แต่ไม่มีผลผูกพันต่อองค์คณะ เนื่องจากเป็นหนึ่งในกระบวนการของศาลปกครอง โดยตุลาการผู้แถลงคดีเห็นว่า การออกคำสั่งของคุณหญิงจารุวรรณ ที่ได้ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายพิศิษฐ์ ไม่ชอบ เพราะคุณหญิงจารุวรรณได้พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปก่อน เนื่องจากมีอายุครบ 65ปี จึงถือว่าเป็นหารออกคำสั่งภายหลังออกจากตำแหน่งไปแล้ว ทั้งนี้ตุลาการเจ้าของคดีชี้แจงว่าเมื่อการพิจาณราของศาลปกครองสูงสุดเสร็จสิ้น จะมีการนัดคู่กรณีมาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
คุณหญิงจารุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนนัดแรกว่า การไต่สวนครั้งนี้ตนได้ชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจในการฟ้องคดีนี้ ซึ่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจเสนอเรื่องต่อสาลปกครองเฉพาะการกระทำของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น แต่ตามพ.ร.บ.สำนักงานตรงเงินแผ่นดิน มาตรา 32 ระบุว่า ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องไม่เป็นข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ และไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ดังนั้นตนจึงไมได้เป็นข้าราชการ ไม่ได้อยู่ในอำนาจเสนอเรื่องของผู้ตรวจการแผ่นดิน และตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 29 ระบุว่าให้กรรมการตรวจเงินแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่ได้ถึงอายุ 70ปี ไม่ใช่พ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุ 65 ปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าประกาศคปค.เป็นบทเฉพาะกาลที่ยังมีผลบังคับใช้ ดังนั้นจึงยืนยันว่าตนได้ดำเนินการถูกต้อง อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร แต่อยากให้เกิดความถูกต้อง ตอนนี้ตนต้องการเพียงสอนหนังสือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนครั้งนี้ได้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดินได้เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน และภายหลังการไต่สวนเสร็จกลุ่มคนดังกล่าวได้นำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจกับคุณหญิงในครั้งนี้ด้วย
วานนี้ (12 มิ.ย.55) เมื่อเวลา 09.30น. ที่ศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสูงสุดได้ออกนั่งบังลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑากา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางว่า ให้เพิกถอนสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 184/2553 เรื่องให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ 18 ส.ค.2553 ต่อศาลปกครองสูงสุด โดยคุณหญิงจารุวรรณได้เดินทางมาด้วยตัวเอง พร้อมขอต่อศาล แถลงข้อเท็จจรองด้วยวาจา ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณได้ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาประกอบการแถลง ข้อเท็จจริงที่ตนยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปพลางก่อนจะกว่าจะมีคำใหม่มารับตำแหน่งแทน อีกทั้งยังได้ยกพ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน มาตรา 13(1) และมาตรา 14 ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยการไต่สวนครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 40นาที
สำหรับการพิจารณาครั้งนี้ ศาลได้แจ้งว่าจะให้ตุลาการผู้แถลงคดี อ่านแถลงการณ์ส่วนตน แต่ไม่มีผลผูกพันต่อองค์คณะ เนื่องจากเป็นหนึ่งในกระบวนการของศาลปกครอง โดยตุลาการผู้แถลงคดีเห็นว่า การออกคำสั่งของคุณหญิงจารุวรรณ ที่ได้ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายพิศิษฐ์ ไม่ชอบ เพราะคุณหญิงจารุวรรณได้พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปก่อน เนื่องจากมีอายุครบ 65ปี จึงถือว่าเป็นหารออกคำสั่งภายหลังออกจากตำแหน่งไปแล้ว ทั้งนี้ตุลาการเจ้าของคดีชี้แจงว่าเมื่อการพิจาณราของศาลปกครองสูงสุดเสร็จสิ้น จะมีการนัดคู่กรณีมาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
คุณหญิงจารุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนนัดแรกว่า การไต่สวนครั้งนี้ตนได้ชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจในการฟ้องคดีนี้ ซึ่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจเสนอเรื่องต่อสาลปกครองเฉพาะการกระทำของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐรัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น แต่ตามพ.ร.บ.สำนักงานตรงเงินแผ่นดิน มาตรา 32 ระบุว่า ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องไม่เป็นข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ และไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ดังนั้นตนจึงไมได้เป็นข้าราชการ ไม่ได้อยู่ในอำนาจเสนอเรื่องของผู้ตรวจการแผ่นดิน และตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 29 ระบุว่าให้กรรมการตรวจเงินแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่ได้ถึงอายุ 70ปี ไม่ใช่พ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุ 65 ปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าประกาศคปค.เป็นบทเฉพาะกาลที่ยังมีผลบังคับใช้ ดังนั้นจึงยืนยันว่าตนได้ดำเนินการถูกต้อง อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร แต่อยากให้เกิดความถูกต้อง ตอนนี้ตนต้องการเพียงสอนหนังสือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนครั้งนี้ได้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดินได้เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน และภายหลังการไต่สวนเสร็จกลุ่มคนดังกล่าวได้นำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจกับคุณหญิงในครั้งนี้ด้วย