ASTVผู้จัดการรายวัน- "เพื่อไทย"ไม่สนกระแสต่อต้าน หนุนร่างพ.ร.บ.ฉบับ"บัง" พร้อมเสนออีก 2 ร่าง ช่วยหนุน ด้าน 40 ส.ว.จี้ทบทวนยื่นร่างปรองดอง หวั่นจุดไฟสงครามปรองดอง ด้าน ปชป. อัดประกาศชนทั้งในสภา นอกสภา ปลุกมวลชนลุกขึ้นสู้อำนาจอธรรม พธม.ลั่นไม่ถอนปรองดองเจอชุมนุมยืดเยื้อแน่ ประกาศเลื่อนเวลา รวมพลลานพระรูป เป็นบ่ายโมง 30 พ.ค. ด้าน"บัง" อ้ำอึ้ง เจอสื่อถามดอดไปเจอ"แม้ว" รับจ๊อบก่อนกลับมาเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) กล่าวถึงท่าทีกลุ่มพันธมิตรฯถึงการยื่นคัดค้านการพิจารณาร่าง พรบ.ปรองดอง หากรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ และไม่ถอนร่าง พรบ.ดังกล่าว กลุ่มพันธมิตรฯยืนยันจะชุมนุมยืดเยื้อตามที่ พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำระบุ ส่วนจะเคลื่อนไหวในรูปแบบใดนั้นต้องมีการปรึกษาระหว่างแกนนำอีกครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่าการประชุมวิปรัฐบาลในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ต้องมีการสนับสนุนร่าง พรบ.ปรองดองแน่นอน ไม่มีคำว่าคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของแผนการชุมนุมคัดค้าน เดิมแกนนำพันธมิตรฯ ได้นัดรวบตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เวลา 09.00 น.วันที่ 30 พ.ค.ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านและเรียกร้องให้ถอนเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากวาระการประชุม อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ได้ทราบกำหนดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันดังกล่าว ว่า จะเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น.ไปจนถึง 21.00 น. ดังนั้น แกนนำจึงได้หารือกันและมีมติ ว่า ให้เลื่อนกำหนดนัดรวมตัวกันจากเดิม 09.00 น.เป็นเวลา 13.00 น.และเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสภาในเวลา 15.00 น.ซึ่งเป็นเวลาเปิดประชุมสภาฯ พอดี และในวันนี้ (29 พ.ค.) ทางกลุ่มพธม.จะแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์ ในเวลา 10.00 น.
***พท.หนุนร่างฉบับ'บัง'
วานนี้ ( 28 พ.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ของ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน และคณะ ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา และจะมีการผลักดันให้นำมาพิจารณาในวันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับทั้ง 8 มาตรา เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้มีการยื่นร่างเพิ่มเติมอีก 2 ร่าง เพื่อให้มีการพิจารณาไปพร้อมๆกัน โดยเป็นร่างของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมกันเข้าชื่อ 1 ร่าง และร่างของส.ส.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. อีก 1 ร่าง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทย เป็นห่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯและการรวมกลุ่มของคนเสื้อแดง ในวันที่ 30 พ.ค. โดยพรรคเพื่อไทยอยากฝากให้ผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคง โดยเฉพาะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี วางระบบไม่ให้มวลชนทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากัน พร้อมเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย และชุมนุมแยกกัน อย่าให้มีการเผชิญหน้ากันเกิดขึ้น
**ฉบับ"ตู่"ไม่นิรโทษ"มาร์ค-เทือก"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ แกนนำนปช. กล่าวว่า ในส่วนของตน และ ส.ส.เสื้อแดง พรรคเพื่อไทย จะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง อีกฉบับ ที่เป็นของคนเสื้อแดง มีเนื้อหาคล้ายกับ พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ พล.อ.สนธิ แต่มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาสาระเล็กน้อย โดยงดเว้น คดีก่อการร้าย และคดีที่กระทำอันตรายต่อชีวิต คดีฆาตกรรม หรือคดีบงการฆ่า ให้ยังคงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับร่างดังกล่าวนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำนปช. จะเป็นผู้ยื่นต่อประธานสภา ในวันนี้ ( 29 พ.ค. )
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า คณะกรรมการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะให้พ่วงแก้ไขไปด้วยนั้น นายจตุพร ยืนยันว่า ในร่างดังกล่าวไม่มี เรื่อง ม.112 มีคนดำเนินการชัดเจน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
**"เต้น"ยื่นร่างปรองดองฉบับเสื้อแดง
วานนี้ ( 28 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ฐานะแกนนำคนเสื้อแดง พร้อมด้วย ส.ส.เสื้อแดง พรรคเพื่อไทย ร่วมยื่น ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ... ต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวม 74 คน ได้ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ.... โดยมีชื่อเหมือนกับร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เสนอ และมี 7 มาตรา ทั้งนี้ มีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ พล.อ.สนธิ แต่จะแตกต่างกัน ในประเด็นของการนิรโทษกรรม ที่ระบุไว้ว่าจะเว้นบุคคลที่ต้องคดีก่อการร้าย และคดีความผิดต่อชีวิต ที่เกิดขึ้นในการชุมนุมทางการเมือง ระหว่างวันที่ 15 ก.ย.48 ถึง 10 พ.ค.53
ด้านนายเจริญ กล่าวว่า ขณะนี้ได้บรรจุร่าง พ.ร.บ.ปรองดองไปแล้ว 1 ฉบับ คือของพล.อ.สนธิ และยังมีร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง อีก 3 ฉบับ คือ ของนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย , นายนิยม วรปัญญา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ นายณัฐวุฒิ ซึ่งจะมีการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระประชุมในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เพิ่มเติม
** ปชป.พร้อมชนทั้งในสภา-นอกสภา
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย มีมติพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ พล.อ.สนธิ พร้อมกับเสนอร่างของพรรคเพื่อไทย ขึ้นประกบว่า เป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการที่จะผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ยืมมือพล.อ.สนธิ มาเป็นฉบับเปิดทาง และยื่นฉบับของพรรคเพื่อไทย และของกลุ่มนปช. เข้าไปประกบ แสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะแตกหักกับกลุ่มมวลชนที่ต่อต้านระบบทักษิณ
เมื่อพรรคเพื่อไทย แสดงจุดยืน และธาตุแท้ ออกมาเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อมที่จะคัดค้าน และต่อสู้ทุกรูปแบบทั้งในและนอกสภา ภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งการนำพ.ร.บ.ปรองดอง ครั้งนี้เป็นการนิรโทษกรรมล้างผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก จึงอยากจะเชิญชวนกลุ่มพลังมวลชนทุกกลุ่ม ทุกสีเสื้อ ทุกสาขาอาชีพ มาแสดงเจตนารมณ์ที่หน้ารัฐสภา ในวันที่ 30 พ.ค. โดยประกาศตัวให้ชัดเจนว่า คนไทยทั้งประเทศ ไม่ต้องการระบอบทักษิณ ที่เป็นกลุ่มทุนสามานย์กลับฟื้นคืนชีพในประเทศนี้อีกครั้ง
** ออกกฎหมายเพื่อทักษิณคนเดียว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ. ปรองดองว่า ได้รับร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว ซึ่งบรรจุวาระอยู่ในลำดับที่ 27 ของเรื่อง
"พรรคเพื่อไทย ที่อยากจะเข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะอยากมาล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยากได้เงิน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ถูกยึดไปคืนมา ความจริงแล้วคำว่า ปรองดอง ถูกนำมาบังหน้าการล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะว่า เรื่องของการปรองดองมีขั้นตอนอีกมากที่ยังไม่ได้ทำ ถ้ากฎหมายนี้ออกมาจริง คงยุ่งวุ่นวายแน่ เพราะว่าไม่รู้ว่าอะไรแปลว่าอะไร โดยสรุปมี 3 เรื่องคือ
1. อยากจะคืนสิทธิ์ให้กับนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ไปอีก 109 คนซึ่งจะครบ 5 ปีใน 1 ปีข้างหน้า ส่วน 111 คนก็จะพ้นกำหนด 5 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว ซึ่งมีหลักที่ว่า ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิ์ของคนที่ถูกยุบพรรคไป เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะคืนสิทธิ์ให้ ซึ่งยอมรับกันได้ในเชิงหลักกฎหมาย เพียงแต่ในเหตุผลนั้น ตนไม่แน่ใจว่า เวลาจะเขียนกฎหมายบอกว่า จะคืนสิทธิ์ให้นั้น จะต้องคืนให้ทุกคนหรือไม่ อย่างไร ทั้งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และคนที่ไม่เกี่ยวข้องได้คืนสิทธิ์ด้วยหรือไม่ นี่แค่ปัญหาน้อยที่สุด
2. การนิรโทษกรรม ความผิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองจะนิรโทษกรรมเสมือนว่าไม่เคยมีการกระทำผิดเลย ใครที่ถูกตัดสินคดีไปแล้ว ก็ให้พ้นจากความผิดในคดีนั้นๆ เรียกว่า ล้างให้หมด ทั้งที่ในอดีต การนิรโทษกรรมเหตุการณ์ต่างๆ ทั้ง 14 ตุลาฯ 6 ตุลา หรือ พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์นั้น ก็จำกัดไว้แค่เรื่องการเมืองจริงๆ แต่ครั้งนี้จะล้างให้หมดทุกความผิด ทั้งเอา M.79 ไปยิง การฆ่าคน การหมิ่นประมาท การเผา การขโมย โดยอ้างว่า เป็นมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
3. สิ่งที่เป็นปัญหามาก คือ ที่เขียนว่า ใครก็ตามที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการ หรือการปฏิบัติของ คณะปฏิวัติ หรือว่าคำสั่งของคณะปฏิวัติ ให้ถือว่าคนเหล่านี้ ไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหา หรือเป็นผู้กระทำความผิด ก็ให้ระงับ ถูกฟ้องก็ให้ถอนฟ้อง ศาลตัดสินไปแล้ว ก็ถือว่าไม่เคยถูกคำพิพากษาตัดสินว่าผิด แล้วจะเอาเรื่องคดีทุจริตเข้าไปพ่วง ในเรื่องการปรองดองอย่างไร ทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคดีทุจริตเลย อย่างคดีของ คตส. เป็นคดีที่ตัดสินแล้ว โดยต่อสู้ตามกระบวนการของศาลภายใต้กฎหมายทุกประการ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ทางพรรคเพื่อไทย อ้างว่า ไม่ได้ล้างผิด ถ้าผิดให้มาเริ่มต้นกันใหม่ แต่ถ้าเริ่มต้นใหม่ ก็ต้องหาความจริงกันก่อนเช่นกัน แล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร เพราะ
1. การสอบสวน การดำเนินคดี ทำได้อีกหรือไม่ เพราะอาจมีการเล่นเทคนิค บอกว่า เป็นการฟ้องซ้ำในเรื่องซึ่งเคยดำเนินคดีไปแล้ว กรณีนี้จะปฏิบัติกันอย่างไร
2. ใครจะเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้ ถ้าบอกว่า ตำรวจเป็นต้นทางสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง ก็เกิดคำถามว่า ขณะนี้กลุ่มของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครองอำนาจรัฐอยู่ มีสักกี่คดีซึ่งถูกเพิกเฉย ละเลย แล้วก็ใครก็เข้าไปทำอะไรไม่ได้ และจะเป็นการซ้ำรอยเดิมหรือไม่ และถ้าบอกว่า ไม่ใช่เรื่องของตำรวจ แต่เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. ก็มีปัญหาอ้างกันอีกว่า เป็นป.ป.ช.ชุดที่แต่งตั้ง เป็นผลสืบเนื่องจากคณะปฏิวัติอีกหรือไม่ สุดท้ายจะทำกันอย่างไร และองค์กรอิสระจำนวนมาก ที่ตั้งมาจากคณะปฏิวัติ ทั้ง กกต. ถ้าเป็น กกต. ก็แปลว่า คนที่เคยถูกตัดสิทธิ์ ก็ได้สิทธิ์คืนมา แล้วใบเหลือง ใบแดง จะเพิกถอนอีกหรือไม่ จะรวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยหรือไม่
" กฎหมายนี้เขียนมาโดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงของการปกครอง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มุ่งหวังอย่างเดียวว่า ทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ล้างผิดให้กับนายใหญ่ของตัวเอง มันไม่มีอะไรที่จะมารองรับ ไม่มีอะไรที่บ่งบอกเลยว่า ตัวนี้ออกมาแล้วจะทำให้คนในชาติเกิดความปรองดอง สามัคคีกัน แล้วงบประมาณที่ ครม.ตั้งไว้ 400 กว่าล้านบาท จะทำโครงการสานเสวนา โดยบอกให้กรมพัฒนาชุมชนไปดำเนินการ สรุปแล้วก็เป็นเรื่องหลอกลวง ใช่หรือไม่ สุดท้ายก็กลายเป็นว่า กฎหมายฉบับนี้คือ ความปรองดอง ในความหมายของรัฐบาล ก็คือล้างความผิด " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "ปรองดอง" เรื่องโกหกทั้งเพ
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลเพื่อไทยให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานกมธ.วิสามัญปรองดอง เป็นผู้เสนอเรื่องนี้ เพื่อดูกระแสสังคม หากถูกต่อต้าน ก็ค่อยแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เดาได้ยาก แต่ตนรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้ว และก็ไม่ใช่คนใจเย็นอีกด้วย
" มันน่าแปลก ถ้าบอกว่านี่คือวิธีการปรองดอง เพราะผมยังไม่เคยได้ยินที่ไหนที่บอกว่าจะปรองดองกัน แล้วมาท้าทายให้คนบอกเลือกข้าง แล้วบอกสู้กัน ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า คำว่า ปรองดอง ของรัฐบาลชุดนี้ มันเรื่องโกหกทั้งนั้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**ลั่นคัดค้านถึงที่สุด
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคในกรณีนี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะทำงาน 2 ลักษณะ คือ
1. เราต้องคัดค้านไม่ให้มีการนำเสนอกฎหมายฉบับนี้ และน่าสนใจตรงที่ได้ข่าวว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งลงนามในกฎหมายฉบับนี้ด้วย บอกว่า ถูกหลอก ก็ต้องตรวจสอบกับท่าน แต่ว่าถ้าถูกหลอกจริง ก็ถือว่าการเสนอกฎหมายนี้ ก็คงไม่ชอบ แสดงว่ามีการเอารายชื่อของคนไปเสนอในสิ่งที่เขาไม่ทราบ หรือว่า ถ้าหากว่ามันผิดพลาดไป ก็ต้องเรียกร้องว่า ถ้าอย่างนั้น พล.ต.สนั่น และอีกหลายๆ คน ที่ลงชื่อไป ก็ต้องถอนชื่อ เพราะว่าถ้าชื่อไม่ครบ มันก็ตกไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
2. ถ้ามีความพยายามที่จะเลื่อนเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาในสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า ในสมัยประชุมที่ขยายกันไปไม่จบไม่สิ้น เราก็ไม่เห็นด้วย ถ้าทำตรงนั้นขึ้นมาสำเร็จ ก็ต้องคัดค้านกันไปตามกระบวนการของรัฐสภา
** จี้นายกฯแสดงจุดยืนให้ชัด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงจุดยืนให้ชัด ว่าจะเอาอย่างไร เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่า พล.อ.สนธิ ที่เป็นผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว กลัวอะไรบางอย่างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เป็นเรื่องผิดปกติของคนที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการปรองดอง ที่บอกว่า ต้องไปรับฟังความคิดเห็น แต่ยังไม่ทันไร ก็เป็นผู้เสนอกฎหมายเข้ามาเสียเอง แต่ทั้งหมดไม่น่าแปลกใจ เพราะอันนี้คือภารกิจหลักของพรรคเพื่อไทย ที่เขาอยากเข้ามาทำ
** ยื่นปธ.สภา ค้านบรรจุร่างพ.ร.บ.
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายสาทิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบ และคัดค้านการบรรจุ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณา ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีความไม่สมบูรณ์ในกระบวนการลงชื่อของสมาชิก เพราะมีสมาชิกบางส่วน มีรายชื่อปรากฏในการเข้าชื่อ เสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบเรื่อง เช่น พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา จึงขอให้ประธาน ถอนร่างเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง พร้อมเรียกร้องให้ประธานสภานำร่าง พ.ร.บ. ที่มีการเข้าชื่อ มาเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อความโปร่งใส และตรวจสอบได้
** กลุ่ม40 ส.ว.รุมอัดรัฐบาล
ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ ( 28 พ.ค.) ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ได้หารือ โดยขอฝากไปยัง ประมุขของอำนาจประชาธิปไตย ทั้งสาม คือ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และ ประธานศาลฎีกาว่า ขณะนี้จะมีการนำ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเนื้อหา จะทำให้เสียดุลอำนาจ โดยเฉพาะฝ่ายศาลอย่างมาก หากมีการกระทำที่ทำให้ศาลเสียความน่าเชื่อถือ จะทำให้คดีที่ค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรมเป็นอันยกเลิกทั้งหมด จะทำให้เสียกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากทั้ง 8 มาตรา ในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นปัญหาทำให้เกิดการละเมิดศาลมากขึ้น และทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทย ไร้ความน่าเชื่อถือ อาจเกิดสงครามปรองดอง และเกิดการต่อต้าน ขอความกรุณา อย่ารีบบรรจุระเบียบวาระ หากไม่เชื่อ แล้วต้องการทดสอบกำลังประชาชน ก็จะเกิดความเสียหาย ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิม
**"คำนูณ"เสนอเปลี่ยนชื่อ ร่างพ.ร.บ.
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอให้เลื่อนระเบียบวาระนี้ ขึ้นมาพิจารณาใน วันที่ 30 พ.ค.นี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นร่างประวัติศาสตร์ ที่ผูกรวม 3 เรื่องไว้ด้วยกัน คือ 1. นิรโทษกรรมการชุมนุมทางการเมืองทุกกรณี 2. การคืนสิทธิทางการเมืองแก่นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปี และ 3. การยกเลิกผลดำเนินคดีขององค์กรที่ตั้งโดยประกาศของคณะรัฐประหาร
ทั้ง 3 ประเด็น เป็นประเด็นปัญหาทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะการยกเลิกผลการดำเนินคดีฯ หากนำเรื่องนี้มาพิจารณา เท่ากับเป็นครั้งแรกของสถาบันนิติบัญญัติ ที่จะพิจารณายกเลิกคำพิพากษา และคำวินิจฉัยของศาลที่ตัดสินถึงที่สุดแล้ว
** "บัง" อ้ำอึ้งเรื่องดอดไปเจอ"แม้ว"
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กล่าวถึงเหตุผลในการเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ว่า การเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ได้กระทำโดยลำพัง แต่ทำโดยคณะ เมื่อถามว่า หลักการของกฎหมายฉบับนี้ เหมือนกับการนิรโทษกรรม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การปรองดองต้องเกิดได้ด้วยหลักการ ซึ่งในอดีตเคยมีมาแล้ว ผ่านคำสั่งคณะรัฐมนตรี ที่ 66/23 เพื่อให้อภัยกัน มาถึงตอนนี้ต้องให้อภัยกันด้วยการคิดว่า ทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการปรองดองได้ ตรงนี้เป็นเพียงหลักคิดก่อนในชั้นต้น ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องอยู่ที่สภา คนคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อถามว่า มีการระบุว่าได้ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.นี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เราต้องหาข้อมูลก่อนว่าความเป็นจริงคืออะไร ถ้าอยู่ดีๆ ทำอะไรโดยไม่มีข้อมูลข่าวสาร คงทำไม่ได้ เช่นเดียวกัน การทำอะไรก็ตาม การข่าวต้องมีความชัดเจน เป้าหมายเจตนารมณ์ต้องชัดเจน ทั้งนี้ ขอชี้แจงในเบื้องต้นก่อน แล้วจะชี้แจงอีกครั้ง
เมื่อถามว่า จริงหรือไม่ที่ไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อรับจ็อบ พล.อ.สนธิ หัวเราะกลบสีหน้าเจื่อน ก่อนกล่าวว่า "ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผม"
** "บัง"ยกตัวเองเป็นผู้กล้า
เมื่อถามว่า มองอย่างในเมื่อเป็นถึงอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แต่กลับดำเนินการแบบ เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า " อย่าไปพูดอย่างนั้น เราเจตนาดีครับ "
** สภาจัดที่เหลือง-แดงชุมนุมคนละฝั่ง
จากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 09.00น. เพื่อยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร คัดค้าน การพิจารณาพ.ร.บ.ปรองดอง และขอให้ถอนการพิจารณาวาระดังกล่าวนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 พ.ค.เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 หน้าอาคารรัฐสภา 1
ด้านนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา กล่าวว่า เนื่องจากวันดังกล่าวมีงานรัฐพิธี จึงได้มีการประสานไปยัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ โดยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุม เดินทางมายังที่หน้ารัฐสภา หลังจากงานรัฐพิธีเสร็จสิ้นแล้ว คือช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ซึ่งนายปานเทพ ได้แจ้งให้ทราบว่า ไม่ทราบถึงงานรัฐพิธีดังกล่าวมาก่อน จึงขอนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งในกลุ่มพันธมิตรฯ และจะแจ้งรายละเอียด ถึงท่าที ในวันอังคารที่ 29 พ.ค.นี้
นายเจริญ กล่าวด้วยว่า ทางด้านกลุ่มคนเสื้อแดง ก็ได้มีการประสานมา เพื่อที่จะนำมวลชนเดินทางมาที่หน้ารัฐสภาในวันดังกล่าวด้วยเช่นกัน ตนจึงได้แจ้งให้ทราบเช่นเดียวกันว่ามีงานรัฐพิธีอยู่ แต่ถ้าจะมาตนไม่ได้ห้าม แต่ขอให้มาหลังจากเสร็จสิ้นงานรัฐพิธี และพร้อมที่จะจัดพื้นที่ให้อยู่คนละส่วนกับกลุ่มพันธมิตรฯ
** ตร.จัด 4 กองร้อยดูแลผู้ชุมนุม
พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)เตรียมเคลื่อนขบวนชุมนุมขัดค้านการยื่น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ บริเวณรัฐสภาว่า ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนรับมือ ดูแลความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต บก.น.1 และชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมกำลังเตรียมกำลังดูแลความเรียบร้อยไว้ 4 กองร้อย โดยมาจาก บก.อคฝ.บก.น.1 บก.น.9 และ บก.น.4 รวมถึงมีตำรวจจราจรอีก 1 หมวดมาอำนวยความสะดวก
พล.ต.ต.เมธี กล่าวอีกว่า จากการข่าวประเมินว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีกลุ่มผู้ชุมนุม 3,000 คน และยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงอีก ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด แต่ตำรวจต้องป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าหรือกระทบกระทั่งกัน โดยกลุ่มคนเสื้อแดง จะชุมนุมอยู่ที่ประตู 1 รัฐสภา ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ จะให้ชุมนุมอยู่ที่ประตู 2 หรือ ประตูเทวฤทธิ์