ดันทุรังเยียวยาม็อบ “แม้ว”ล้วงเงินรัฐจ่ายค่า“พายเรือ”ให้เสื้อแดง

ในที่สุด รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2548-2553 ตามที่เคยประกาศไว้ เป็นล็อตแรก เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา

การจ่ายเงินล็อตนี้ มีทั้งหมด 522 ราย ประกอบด้วยกรณีเสียชีวิต 44 ราย และผู้ทุพพลภาพ 6 ราย ได้รับการชดเชยเป็นมูลค่า 7.75 ล้านบาทต่อราย แบ่งเป็นเช็คเงินสด 3 ล้านบาท ค่าทำศพ 250,000 บาท และสลากออมสินอีก 4.5 ล้านบาท ยกเว้นผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติซึ่งญาติได้รับเช็คเงินสดเต็มจำนวน 7.75 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 58 ราย ผู้บาดเจ็บ 177 ราย ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 239 ราย รวมเป็นเงินที่จ่ายเยียวยาล็อตแรกทั้งสิ้น 577,663,079 บาท โดยผู้ได้รับเงินเยียวยาได้รับเป็นเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และสั่งจ่ายจำนวนเงินที่เหลือในรูปแบบสลากออมสิน

ทั้งนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เปิดรับลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา ระหว่างวันที่ 8 มีนาคม - 12 เมษายน 2555 มีผู้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาทั้งสิ้น 5,885 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบรับเงินเยียวยางวดแรก จำนวน 522 ราย
ขณะที่วงเงินทั้งหมดที่รัฐบาลเตรียมไว้จ่ายค่าเยียวยามีจำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาท จากจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวน 102 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 2,000 คน

การจ่ายเงินกว่า 500 ล้านบาทเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเสียงทักท้วงออกมาจากหลายฝ่ายที่เห็นว่า เป็นการจ่ายเงินที่ไม่มีกฎหมายใดมารองรับ นอกจากมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น

รวมทั้งยังไม่เป็นไปตามหลักการจ่ายเงินชดเชยที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ที่เสนอว่า ควรจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นผู้กระทำผิดเท่านั้น และ คอป.ไม่ได้เสนอจำนวนเงินที่จ่ายสูงถึง 7.75 ล้านบาท

ความคลุมเครือในเรื่องข้อกฎหมายในการจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้ แม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ดูจะไม่มั่นใจ จึงยกเลิกกำหนดการที่จะเป็นประธานมอบเงินเยียวยาในเวลา 15.30 น. อย่างกระทันหัน และให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการมอบเงินแทน โดยตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์เองได้เดินทางไปปลูกป่าที่ จ.เชียงใหม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งกำหนดการไว้อย่างชัดเจนแล้ว โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ด้วย

นายยงยุทธให้เหตุผลที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เป็นประธานมอบเงินด้วยตนเองว่า เป็นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาจากเชียงใหม่ไม่ทัน หากรอให้เข้ามาที่ทำเนียบจะช้า ผู้ที่เสียหายก็จะคอยนาน ตนจึงทำหน้าที่แทน

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จงใจยกเลิกกำหนดการกระทันหัน โดยให้สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีส่งข้อความแจ้งสื่อมวลชนในเช้าวันนั้นเอง และมอบหมายให้นายยงยุทธเป็นประธานมอบเงินแทน

การมอบเงินเยียวยาครั้งนี้ ยังมีข้อพิรุธว่าเป็นไปตามใบสั่งของใครบางคนหรือไม่ เพราะหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีได้ปราศรัยกับคนเสื้อแดงผ่านวิดีโอลิงก์มายังสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.แล้ว ก็มีการเร่งรัดขั้นตอนการจ่ายเงินให้เร็วขึ้น

ในวันที่ 22 พ.ค.ที่ประชุมคณะอนุกรรมการเยียวยาทางแพ่งและฟื้นฟูด้วยวิธีอื่นๆ ของคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ที่มีนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติที่จะจ่ายเงินอย่างเร่งรีบในวันที่ 24 พ.ค.โดยจะมี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธาน และมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

ในวันเดียวกันนั้น นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามหลังการสลายการชุมนุมวันที่ 19 พ.ค.2553 ได้ออกมาขู่ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินในวันที่ 24 พ.ค.พวกตนจะปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับตัดพ้อว่ารัฐบาลไม่ยอมให้รายละเอียดการจ่ายเงิน ทำยังกับพวกตนเป็นสุนัขขอเศษอาหาร

จนกระทั่งเย็นวันที่ 23 พ.ค.ก่อนการจ่ายเงินเพียงวันเดียว กรมการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาล็อตแรก 522 คน และแจ้งทางโทรศัพท์ให้ผู้มีสิทธิไปแสดงตัวเพื่อรับเงินในเช้าวันรุ่งขึ้น

นายยงยุทธ กล่าวหลังการมอบเงินเยียวยาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ขัดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ประกอบไปด้วยผู้แทนหน่วยงานต่างๆ คณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ร่วมเป็นกรรมการ สำหรับผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาในรอบต่อๆ ไป ก็ต้องให้รวดเร็วที่สุด เพราะการเยียวยาถือว่าล่าช้ามานานมากแล้ว จากการเริ่มต้นในวันนี้ก็เชื่อว่าจะเร็วขึ้น

ขณะที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 22 พ.ค.นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้ปาฐกถาในงานสัมมนาของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เรื่อง “ความห่วงใย นโยบายประชานิยม”ว่า ประเด็นเงินเยียวยานั้น รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ว่านำเงินส่วนใด หากเป็นเงินแผ่นดินต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะเกิดผลกระทบหรือไม่ หากเกิดผลกระทบจะหาเงินมาเติมเต็มอย่างไร เช่น ขึ้นภาษีหรือไม่ หรือใช้วิธีการกู้เงินหรือไม่ การใช้เงินมีกฎหมายรองรับหรือไม่ หากจ่ายไปแล้วไม่ถูกกฎหมายจะเรียกคืนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคดีหวยบนดินที่เกิดขั้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ

ซึ่งในคดีหวยบนดินนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเมื่อ 30 ก.ย. 2552 ให้นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลังในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีต ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีความผิด ให้จำคุกคนละ 2 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน

ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวว่าการจ่ายเงินเยียวยาในวันที่ 24 พ.ค.นั้น ผิดกฎหมาย หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล อาจมีใครมาคิดบัญชีเรื่องนี้ นั่นเพราะการจ่ายเงินของรัฐบาลต้องมีกฎหมายรองรับ แต่นี่ไม่อาจอ้างกฎหมายอะไรได้เลย อ้างแต่เพียงมติ ครม.เท่านั้น ซึ่งถ้ามีการตัดสินว่าการจ่ายเงินครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่นายกฯ ถึงรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว ส่วนประชาชนที่รับไปแล้วถือว่ารับโดยสุจริต ไม่ต้องคืนเงินและไม่มีความผิด แต่รัฐมนตรีทุกคนต้องคืนเงินให้กับรัฐ

กรณีนี้ แม้แต่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เองก็ยอมรับว่าไม่มีกฎหมายมารองรับการจ่ายเงิน แต่รัฐบาลต้องการจ่ายเพื่อมนุษยธรรมและความปรองดอง โดยใช้งบกลางเทียบเคียงกับการจ่ายเงินชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

นั่นแสดงว่า รัฐบาลจ่ายเงินไปแล้ว 500 กว่าล้านบาททั้งที่ไม่มั่นใจว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ ที่อ้างว่าให้ฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการฯ พิจารณารอบคอบแล้ว ก็เป็นแค่คำปลอบใจเท่านั้น

แต่ก็ต้องกัดฟันเดินหน้าจ่ายเงินเยียวยาโดยเร็ว เพราะนี่คือความต้องการของผู้นำรัฐบาลตัวจริงที่สั่งการมาจากต่างประเทศ ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่จะตามมา ก็ค่อยไปหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันเอาเอง และที่แน่ๆ คือ ฝ่ายค้านได้เตรียมยื่น ป.ป.ช.ให้สอบสวนเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แล้ว

จะเห็นว่า คำปราศรัยผ่านระบบวิดีโอลิงก์มายังที่ชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พ.ค.มีนัยที่ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับประเทศโดยเร็ว ซึ่งช่องทางที่เป็นไปได้ก็คือการเร่งปรองดองกับ “ฝ่ายอำมาตย์”เท่านั้น

คำปราศรัยวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณบอกชัดเจนว่าเขาขอให้คนเสื้อแดงชุมนุมรำลึกเหตุการณ์ “19 พ.ค.”เป็นครั้งสุดท้าย เพราะคนเสื้อแดงได้พายเรือมาส่งเขาถึงฝั่งแล้ว ต่อไปนี้ ไม่ต้องพายต่อแล้ว เขาจะขับรถขึ้นภูเขาเอง

ส่อนัยว่า ถึงเวลาแล้วที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเลิกพึ่งพาคนเสื้อแดง ในเมื่อเขาสามารถปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ได้แล้ว และเงิน 7.75 ล้านนี่เอง คือเงินที่ พ.ต.ท.ทักษิณจ่ายให้คนเสื้อแดงเป็นค่าพายเรือ ก่อนที่จะแยกทางกัน เพื่อไปนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันหรูขึ้นเขาอย่างสบายอารมณ์ต่อไป

-ผู้ได้รับผลกระทบจาการชุมนุมทางการเมืองรับเงินเยียวยาที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา