xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

การเมืองปลด”ปิยสวัสดิ์” ทำงานดี...มีคะแนน...ไม่ใช่พวกยังไงก็อยู่ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ดีดีการบินไทย
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-มติเลิกจ้าง นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ของคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2555 ซึ่งเป็นการบอกเลิกจ้างก่อนสัญญาจ้างครบ 4 ปี ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการแต่งตั้งโยกย้าย ปรับเปลี่ยนผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ หลังจากมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เหล่าทายาทจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องถูกเขี่ยออกไป

นายอำพน กิตติอำพน ประธานบอร์ดการบินไทย ประดิษฐ์คำที่แสนจะฟังเข้าใจยาก ว่าเหตุผลที่นำไปสู่การบอกเลิกจ้างครั้งนี้ เพราะ...ระหว่างบอร์ดและนายปิยสวัสดิ์ การสื่อสารไม่เป็นเอกภาพ...

นายอำพนนั้นเป็นประธานบอร์ดที่อนุมัติให้ทำสัญญาจ้างนายปิยสวัสดิ์ โดยให้เริ่มทำงาน 19 ตุลาคม 2552 อายุสัญญาจ้าง 4 ปี และนายอำพน นี่แหละที่เป็นประธานบอร์ดชุดที่บอกเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์หลังจากทำงานมาได้ 2 ปี 7 เดือน และนายอำพนอีกนั่นแหละที่ว่ากันว่าเป็นคนประคับประคองนายปิยสวัสดิ์มาตลอดหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลและคำสั่งเด็ดขาดมาว่าดีดีการบินไทยจะต้องเปลี่ยน

“แต่สุดท้ายก็แบกกันไปไม่ไหว ขอเอาตัวรอดก่อนที่จะโดดเชือดไปด้วยอีกคน”

โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 บริษัท ทริสเรตติ้ง ได้ประเมินผลการทำงานของนายปิยสวัสดิ์ในปี 2554 มาแล้วโดยได้คะแนน 2.9 จากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ระดับพอใจที่กำหนดว่าจะต้องได้มากกว่า 3 ซึ่งครั้งนั้น นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนและประเมินผลงาน ให้ทริสกลับไปประเมินใหม่ เพราะเห็นว่าคะแนนสูงเกินไปและไม่ควรนำปัญหาน้ำท่วมมาเป็นตัวช่วยในการให้ประเมินการทำงาน

ในช่วงนั้น ข่าวการปลดปิยสวัสดิ์ดูจะซาไปพักหนึ่ง แว่วว่า มีการประสานฝ่ายการเมืองต่อรองว่า นายปิยสวัสดิ์จะลาออกเอง แบบจากกันด้วยดี ...แต่สุดท้ายนายปิยสวัสดิ์ไม่ยอม ทำให้มีการเร่งให้ทริสส่งผลประเมินในวันที่ 30 เมษายนทันที และคณะกรรมการประเมินผลงานฯชุดนายอารีพงศ์ก็ได้สรุปคะแนนที่ 4.3 ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์แม้จะต่ำกว่าปีก่อนที่ได้คะแนน 4.6ได้คะแนนเกือบเต็ม แม้จะต่ำกว่าปีก่อน ก็ต้องถือว่า...กรรมการประเมินไว้หน้า ปิยสวัสดิ์อยู่บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูเป็นคนไม่มีความสามารถ

ย้อนกลับไปตั้งแต่ที่นายปิยสวัสดิ์เข้ารับตำแหน่งดีดี การบินไทยดูมีภาพพจน์ที่ดีระดับหนึ่ง ทั้งสายตานักลงทุน นักวิเคราะห์ จะมีกระทบบ้างช่วงน้ำท่วมที่ควบคุมอะไรได้ไม่มากนัก ส่งผลให้ปี 2554 ต้องประสบกับการขาทดทุน ถึงขาดทุน 10,197 ล้านบาท ซึ่งจะว่าเป็นความผิดของนายปิยสวัสดิ์คนเดียวก็คงไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารเบอร์ 1ไม่ได้เช่นกัน ประกอบกับการจัดทำแผนกลยุทธ์ต่างๆ ในการขับเคลื่อนบริษัท การประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายของบริษัทได้มาก ก็ล้วนเกิดขึ้น ในยุคปิยสวัสดิ์ทั้งสิ้น

แต่อีกมุมหนึ่ง นายปิยสวัสดิ์กลับมีปัญหาในการทำงานร่วมกับคนในองค์กร เช่น การสอบสวนพนักงานระดับล่างจนเรื่องบานปลายเพราะมีการร้องเรียนไปถึง ประธานบอร์ด, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการธรรมาภิบาล บริษัท ซึ่งเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากการพนักงานได้ไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะว่าไป การเรียกข้อมูลของกมธ.นั้นผู้ให้ข้อมูลจะได้รับการคุ้มครองเพราะถ้าไม่ให้ถือว่าผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งนายปิยสวัสดิ์ก็รู้ดีว่า นี่เป็นปัญหาหนึ่ง...เพราะมีการถกเถียงกันมากจนมีคำสั่งจากประธานบอร์ดให้นายปิยสวัสดิ์จัดการแก้ไขให้เป็นธรรมกับพนักงาน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากนายปิยสวัสดิ์

หรือกรณีที่มีการสอบสวน เรื่องเครื่องยนต์ ของเครื่องบิน โบอิ้ง B 747 หายไป ซึ่งไปตามเจอที่ ประเทศอินเดีย และเอากลับคืนมาแล้ว...และการสอบสวนกรณีการจัดซื้อฐานล้อ (แลนดิ้ง เกียร์) สำหรับเครื่องบิน แอร์บัส A 380 ที่เลือกแบบที่น้ำหนักเกินจาก สเปคพืกนฐาน 300 กิโลกรัม ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้น้ำหนักรวมของเครื่องบินเกินจากที่กำหนดได้ แม้บอร์ดเคลียร์กรณีการ สอบสวนเหล่านี้จบหมดแล้ว แต่มันได้กลายเป็นปมขัดแย้งระหว่างนายปิยสวัสดิ์กับผู้บริหารการบินไทยระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนหนึ่ง

ส่วนกรณีการจัดหาเครื่องบินในระยะ 2 (ปี 2561-2565 ) จำนวน 38 ลำ มูลค่า 2.4 แสนล้านบาท อยู่ในช่วงของการทบทวนแผน โดยบอร์ดได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงพิจารณาการจัดหาเนื่องจากเห็นว่าการลงทุนซื้อเครื่องบินอาจจะกระทบและทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทมีความเสี่ยงสูง ประกอบกับปี 2554 ผลประกอบการขาดทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท จึงต้องการทบทวนเพื่อให้เกิดความรอบคอบ

ซึ่งเรื่องนี้ นายปิยสวัสดิ์เองยอมรับว่า ได้มีความเห็นไม่ตรงกับบอร์ด ตรงที่นายปิยสวัสดิ์จะเดินหน้าจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำ โดยไม่เสนอคณะรัฐมนตรีอีกเพราะครม.เคยเห็นชอบแผนรวมไปแล้ว ส่วนบอร์ดต้องการให้เสนอครม.เพราะลงทุนสูงเป็นแสนล้านบาท แต่เมื่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้สรุปแล้วว่าควรเสนอเรื่องเข้าครม.อีกครั้ง ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร เห็นตามนั้นจึงไม่ทราบว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นปัญหา

สรุป...ได้ว่า ไม่เฉพาะการบินไทยเท่านั้น ที่ถูกการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงาน แต่ทุกหน่วยงานที่มีผลประโยชน์ ก็ล้วนถูกกแทรกแซงสั่งการจากนักการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น นักการเมืองนี่แหละ! ที่เป็นถ่วงการพัฒนา ความเจริญของหน่วยงาน ซึ่งที่ผ่านมานายปิยสวัสดิ์ เป็นคนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การเมืองจะเข้าไปแทรกแซง สั่งการไม่ได้ เพราะถ้าย้อนไปช่วง”โสภณ ซารัมย์”เป็นรมว.คมนาคม ยิ่งแล้วใหญ่เพราะ ปิยสวัสดิ์ ไม่เคยโผล่ไปร่วมกิจกรรมใดๆ ที่กระทรวงคมนาคมจัดเลย แต่ก็อยู่มาได้ โดยไม่มีปัญหา ...ดังนั้น เหตุผลจึงไม่มีความจำเป็น...อีกต่อไป
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึก พร้อมด้วยแถลงการณ์ขอคำชี้แจงเหตุผลในการเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่าน นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมทั้งยื่นหนังสือถึงนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น