“อำพน” สั่ง “โชคชัย” อ่านแถลงการณ์แจงเหตุเลิกจ้าง “ปิยสวัสดิ์” แทน ชี้ปมขัดแย้งซื้อเครื่องบินเร็วเกินไปกระทบการเงินบริษัท ด้านสหภาพฯ ยัน “อำพน” ต้องชี้แจงเอง เตรียมยื่นหนังสือ รมว.คมนาคม และคลังกดดันประธานบอร์ด
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ได้อ่านแถลงการณ์จากคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เกี่ยวกับมติเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าได้รับมอบหมายจากนายอำพน กิตติอำพน ประธานบอร์ดการบินไทย ให้นำแถลงการณ์มาอ่านให้สื่อมวลชนรับทราบซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าว เพิ่งได้รับมาเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนหน้า โดยนายอำพนได้โทรศัพท์บอกให้นำคำแถลงการณ์ไปอ่านแทน ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในคำแถลงการณ์ให้ไปถามประธานบอร์ด หรือบอร์ดเอง
ทั้งนี้ รายละเอียดในแถลงการณ์ระบุว่า กรณีมีข่าวปรากฏถึงความไม่เป็นเอกภาพระหว่างการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการ และนายปิยสวัสดิ์ โดยเฉพาะการจัดซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่(New Generation) จำนวน 12 ลำ กำหนดรับมอบปี 2561-2563 ซึ่งเป็นผลในการบอกเลิกสัญญาจ้างนั้น ขอชี้แจงว่า 1. เรื่องเครื่องบินดังกล่าว ได้นำเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 โดยเสนอเข้ามาในวาระอื่นๆ (วาระจร) ทำให้บอร์ดไม่มีโอกาสใช้เวลาอันสมควรที่จะศึกษารายละเอียดล่วงหน้า ทั้งๆ ที่เป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง และเป็นเรื่องที่จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ และสถานะทางการเงินในอนาคต และยังเกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งบอร์ดจะต้องระมัดระวังในการพิจารณาเป็นพิเศษ โดยเหตุผลที่บอร์ดรับทราบสำหรับการเร่งนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมเพื่อให้บอร์ดอนุมัติเป็นวาระจรนี้ ถือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
2. เมื่อยืนยันว่าเป็นวาระเร่งด่วน บอร์ดได้ประชุมและสอบถามนายปิยสวัสดิ์ และฝ่ายบริหารอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จนเกิดเป็นประเด็นว่าบอร์ดจะไม่มีการอนุมัติการซื้อเครื่องบินตามที่นายปิยสวัสดิ์เสนอหากไม่เป็นไปตามหลักการของ ครม. วันที่ 20 เมษายน 2554 ที่เห็นชอบการจัดซื้อเครื่องบินของบริษัทระหว่างปี 2554-2556 จำนวน 75 ลำ ซึ่งบริษัทได้จัดหาไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 37 ลำ ยังเหลือต้องจัดหาอีก 38 ลำ โดยในจำนวนนี้จะซื้อเครื่องบิน New Generation จำนวน 12 ลำ
โดยหลักการสำคัญประกอบมติ ครม.ดังกล่าว คือ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และความเห็นของสำนักงบประมาณ โดย สศช.เห็นว่ากรณีที่ภาวะเศรษฐกิจและสภาพการแข่งขันในธุรกิจการบินมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและขีดความสามารถในการลงทุนของบริษัท หรือกระทบต่อความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบิน กระทรวงคมนาคม และการบินไทยต้องทบทวนโครงการให้เหมาะสม ส่วนสำนักงบประมาณเห็นว่าบริษัทฯ ควรบริหารความเสี่ยง โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่อธุรกิจการบินที่อาจเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการลงทุนและฐานะทางการเงินของบริษัท หากมีการเปลี่ยนที่มีผลกระทบต่อแผนการลงทุนและวงเงินโครงการ ควรให้บริษัทพิจารณาทบทวนรายละเอียดและวงเงินโครงการเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง
3. ข้อเท็จจริงคือ ในช่วงที่บริษัทฯ เสนอ ครม.เห็นชอบโครงการจัดหาเครื่องบินจำนวน 75 ลำ บริษัทประสบความสำเร็จเรื่องการเพิ่มทุน ในปี 2553 ผลประกอบการมีกำไร 14,744 ล้านบาท แต่ในช่วงที่บอร์ดพิจารณาจัดซื้อเครื่องบินตามที่นายปิยสวัสดิ์นำเสนออนุมัติ คือเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ผลประกอบการปี 2554 ขาดทุนถึง 10,197 ล้านบาท คาดว่าปี 2555 ต่อเนื่องถึงปี 2556 จะต่ำกว่าประมาณการเดิมที่เสนอ ครม.ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ ครม.มีมติเห็นชอบการจัดซื้อเครื่องบินจำนวน 75 ลำ โดยข้อมูลประมาณการในขณะนั้นบริษัทจะมีกำไรปี 2554-2555 ประมาณ 6% แต่จากการคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงที่มีการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 บริษัทจะมีผลประกอบการลดลงมากกว่าครึ่ง ทำให้บริษัทต้องจัดหาเงินทุนเพิ่มขึ้นในปี 2554 และปี 2555 ประมาณ 11,000 ล้านบาท
4. นายปิยสวัสดิ์ได้ชี้แจงที่ประชุมบอร์ดว่า การจัดซื้อเครื่องบินตามที่เสนอจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และหากบอร์ดไม่อนุมัติ บริษัทจะไม่สามารถซื้อเครื่องบิน B787-9 จำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบิน New Generation ที่เสนอไปได้ จะเกิดผลเสียต่อบริษัทอย่างยิ่ง ส่วนมติ ครม.ก็ไม่ได้ระบุสถานะทางการเงินจะต้องเป็นตัวเลขเท่าใด การจัดซื้อเครื่องบินสามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดมติ ครม.
5. บอร์ดมีความเห็นแย้งกับนายปิยสวัสดิ์ และมีมติให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงพิจารณาเรื่องการจัดหาเครื่องบินนิว เจเนอเรชัน จำนวน 12 ลำอีกครั้ง ซึ่งภายหลังคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงพิจารณาแล้วเห็นว่าควรให้ทบทวนแผนการเงิน และจัดทำโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2554-2556 ในส่วนเครื่องบิน 38 ลำที่เหลือ ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์และฐานะทางการเงินของบริษัททั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำเสนอบอร์ดให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอ ครม.อีกครั้ง
6. หากบอร์ดอนุมัติและดำเนินการตามที่นายปิยสวัสดิ์เสนอเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 เท่ากับว่าบอร์ดปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่รอบคอบ ไม่ระมัดระวัง และไม่นำพาต่อความเห็นของ สศช.และสำนักงบประมาณ โดยเฉพาะมติ ครม.ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทเป็นอย่างมาก และอาจถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนมติ ครม. ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสถานะทางการเงินของบริษัท และความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน พนักงาน
7. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบอร์ดต่อนายปิยสัวสดิ์ ในเรื่องของการใช้ดุลพินิจและการใช้ความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ในระดับและทิศทางเดียวกับบอร์ดหรือไม่ และไม่มั่นใจที่จะให้นายปิยสวัสดิ์ร่วมผลักดันการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ของบริษัทกับบอร์ดต่อไป เพราะไม่มีการทบทวนโครงการ แต่กลับยืนยันเดินหน้าต่อไป
8. ตอนนี้แม้ผลประกอบการไตรมาสแรกจะมีกำไร แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายงบประมาณที่กำไร และบริษัทยังต้องเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตหนี้ในกลุ่มยุโรป และ 9. ในปี 2551 บริษัทเคยขาดทุน 21,450 ล้านบาท แต่บอร์ดและฝ่ายบริษัทได้แก้ไขวิกฤตได้ก่อนที่นายปิยสวัสดิ์จะเข้ามาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในเดือนตุลาคม 2552
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้บอร์ดได้ห้ามไม่ให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารในระดับผู้อำนวยการใหญ่ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการทั่วไปประจำสถานี ผู้จัดการสถานี และผู้จัดการบัญชีสำนักงานสาขา ยกเว้นกรณีจำเป็นเร่งด่วน และเพื่อประโยชน์ของบริษัทให้นำเสนอบอร์ดพิจารณาเป็นกรณีไป โดยบอร์ดจะเร่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพื่อดำเนินการสรรหาโดยเร็ว
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พร้อมด้วยตัวแทนสหภาพฯ แถลงข่าวด่วนหลังรับฟังแถลงการณ์ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับการบินไทยที่ประธานบอร์ดขาดความรับผิดชอบต่อหน่วยงาน สังคม ผู้ถือหุ้น ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง เกียรติยศของการบินไทย เพราะไม่เดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเอง การให้นายโชคชัยมาอ่านคำแถลงการณ์เป็นการให้ข้อมูลฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดให้สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงเห็นว่าแถลงการณ์ไม่ชอบธรรม ข้อมูลที่นำมาก็เป็นเพียงการจัดหาเครื่องบินใหม่อย่างเดียว ไม่ครอบคลุมประเด็นข้อสงสัยอย่างแท้จริง หลังจากนี้สหภาพฯ จะยังทวงถามประธานบอร์ดให้มาชี้แจงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 29 พฤษภาคมจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ประธานบอร์ดมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย
“ปัญหาที่เกิดขึ้น นายโชคชัยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นผู้บริหารที่พิจารณาเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ร่วมกับนายปิยสวัสดิ์”
รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างนายโชคชัยอ่านแถลงการณ์ สหภาพฯ การบินไทย และพนักงานจำนวนหนึ่งเข้ารับฟังด้วย โดยจำนวนหนึ่งได้ชูป้ายขอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เช่น หนีทำไม แต่งตั้งโยกย้ายล้วงไส้ อยากเป็นประธานบอร์ดต้องตอบสดๆ สร้างบรรทัดฐานตั้งแต่ตอนนี้ ตั้งใจหาความจริงเพื่อการบินไทยของเรา เป็นต้น
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ได้อ่านแถลงการณ์จากคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เกี่ยวกับมติเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าได้รับมอบหมายจากนายอำพน กิตติอำพน ประธานบอร์ดการบินไทย ให้นำแถลงการณ์มาอ่านให้สื่อมวลชนรับทราบซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าว เพิ่งได้รับมาเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนหน้า โดยนายอำพนได้โทรศัพท์บอกให้นำคำแถลงการณ์ไปอ่านแทน ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในคำแถลงการณ์ให้ไปถามประธานบอร์ด หรือบอร์ดเอง
ทั้งนี้ รายละเอียดในแถลงการณ์ระบุว่า กรณีมีข่าวปรากฏถึงความไม่เป็นเอกภาพระหว่างการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการ และนายปิยสวัสดิ์ โดยเฉพาะการจัดซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่(New Generation) จำนวน 12 ลำ กำหนดรับมอบปี 2561-2563 ซึ่งเป็นผลในการบอกเลิกสัญญาจ้างนั้น ขอชี้แจงว่า 1. เรื่องเครื่องบินดังกล่าว ได้นำเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 โดยเสนอเข้ามาในวาระอื่นๆ (วาระจร) ทำให้บอร์ดไม่มีโอกาสใช้เวลาอันสมควรที่จะศึกษารายละเอียดล่วงหน้า ทั้งๆ ที่เป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง และเป็นเรื่องที่จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ และสถานะทางการเงินในอนาคต และยังเกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งบอร์ดจะต้องระมัดระวังในการพิจารณาเป็นพิเศษ โดยเหตุผลที่บอร์ดรับทราบสำหรับการเร่งนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมเพื่อให้บอร์ดอนุมัติเป็นวาระจรนี้ ถือเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
2. เมื่อยืนยันว่าเป็นวาระเร่งด่วน บอร์ดได้ประชุมและสอบถามนายปิยสวัสดิ์ และฝ่ายบริหารอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จนเกิดเป็นประเด็นว่าบอร์ดจะไม่มีการอนุมัติการซื้อเครื่องบินตามที่นายปิยสวัสดิ์เสนอหากไม่เป็นไปตามหลักการของ ครม. วันที่ 20 เมษายน 2554 ที่เห็นชอบการจัดซื้อเครื่องบินของบริษัทระหว่างปี 2554-2556 จำนวน 75 ลำ ซึ่งบริษัทได้จัดหาไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 37 ลำ ยังเหลือต้องจัดหาอีก 38 ลำ โดยในจำนวนนี้จะซื้อเครื่องบิน New Generation จำนวน 12 ลำ
โดยหลักการสำคัญประกอบมติ ครม.ดังกล่าว คือ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และความเห็นของสำนักงบประมาณ โดย สศช.เห็นว่ากรณีที่ภาวะเศรษฐกิจและสภาพการแข่งขันในธุรกิจการบินมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและขีดความสามารถในการลงทุนของบริษัท หรือกระทบต่อความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบิน กระทรวงคมนาคม และการบินไทยต้องทบทวนโครงการให้เหมาะสม ส่วนสำนักงบประมาณเห็นว่าบริษัทฯ ควรบริหารความเสี่ยง โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่อธุรกิจการบินที่อาจเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการลงทุนและฐานะทางการเงินของบริษัท หากมีการเปลี่ยนที่มีผลกระทบต่อแผนการลงทุนและวงเงินโครงการ ควรให้บริษัทพิจารณาทบทวนรายละเอียดและวงเงินโครงการเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง
3. ข้อเท็จจริงคือ ในช่วงที่บริษัทฯ เสนอ ครม.เห็นชอบโครงการจัดหาเครื่องบินจำนวน 75 ลำ บริษัทประสบความสำเร็จเรื่องการเพิ่มทุน ในปี 2553 ผลประกอบการมีกำไร 14,744 ล้านบาท แต่ในช่วงที่บอร์ดพิจารณาจัดซื้อเครื่องบินตามที่นายปิยสวัสดิ์นำเสนออนุมัติ คือเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ผลประกอบการปี 2554 ขาดทุนถึง 10,197 ล้านบาท คาดว่าปี 2555 ต่อเนื่องถึงปี 2556 จะต่ำกว่าประมาณการเดิมที่เสนอ ครม.ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ ครม.มีมติเห็นชอบการจัดซื้อเครื่องบินจำนวน 75 ลำ โดยข้อมูลประมาณการในขณะนั้นบริษัทจะมีกำไรปี 2554-2555 ประมาณ 6% แต่จากการคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงที่มีการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 บริษัทจะมีผลประกอบการลดลงมากกว่าครึ่ง ทำให้บริษัทต้องจัดหาเงินทุนเพิ่มขึ้นในปี 2554 และปี 2555 ประมาณ 11,000 ล้านบาท
4. นายปิยสวัสดิ์ได้ชี้แจงที่ประชุมบอร์ดว่า การจัดซื้อเครื่องบินตามที่เสนอจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และหากบอร์ดไม่อนุมัติ บริษัทจะไม่สามารถซื้อเครื่องบิน B787-9 จำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบิน New Generation ที่เสนอไปได้ จะเกิดผลเสียต่อบริษัทอย่างยิ่ง ส่วนมติ ครม.ก็ไม่ได้ระบุสถานะทางการเงินจะต้องเป็นตัวเลขเท่าใด การจัดซื้อเครื่องบินสามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดมติ ครม.
5. บอร์ดมีความเห็นแย้งกับนายปิยสวัสดิ์ และมีมติให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงพิจารณาเรื่องการจัดหาเครื่องบินนิว เจเนอเรชัน จำนวน 12 ลำอีกครั้ง ซึ่งภายหลังคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงพิจารณาแล้วเห็นว่าควรให้ทบทวนแผนการเงิน และจัดทำโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2554-2556 ในส่วนเครื่องบิน 38 ลำที่เหลือ ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์และฐานะทางการเงินของบริษัททั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำเสนอบอร์ดให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอ ครม.อีกครั้ง
6. หากบอร์ดอนุมัติและดำเนินการตามที่นายปิยสวัสดิ์เสนอเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 เท่ากับว่าบอร์ดปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่รอบคอบ ไม่ระมัดระวัง และไม่นำพาต่อความเห็นของ สศช.และสำนักงบประมาณ โดยเฉพาะมติ ครม.ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทเป็นอย่างมาก และอาจถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนมติ ครม. ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสถานะทางการเงินของบริษัท และความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน พนักงาน
7. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบอร์ดต่อนายปิยสัวสดิ์ ในเรื่องของการใช้ดุลพินิจและการใช้ความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ในระดับและทิศทางเดียวกับบอร์ดหรือไม่ และไม่มั่นใจที่จะให้นายปิยสวัสดิ์ร่วมผลักดันการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ของบริษัทกับบอร์ดต่อไป เพราะไม่มีการทบทวนโครงการ แต่กลับยืนยันเดินหน้าต่อไป
8. ตอนนี้แม้ผลประกอบการไตรมาสแรกจะมีกำไร แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายงบประมาณที่กำไร และบริษัทยังต้องเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตหนี้ในกลุ่มยุโรป และ 9. ในปี 2551 บริษัทเคยขาดทุน 21,450 ล้านบาท แต่บอร์ดและฝ่ายบริษัทได้แก้ไขวิกฤตได้ก่อนที่นายปิยสวัสดิ์จะเข้ามาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในเดือนตุลาคม 2552
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้บอร์ดได้ห้ามไม่ให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารในระดับผู้อำนวยการใหญ่ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการทั่วไปประจำสถานี ผู้จัดการสถานี และผู้จัดการบัญชีสำนักงานสาขา ยกเว้นกรณีจำเป็นเร่งด่วน และเพื่อประโยชน์ของบริษัทให้นำเสนอบอร์ดพิจารณาเป็นกรณีไป โดยบอร์ดจะเร่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เพื่อดำเนินการสรรหาโดยเร็ว
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พร้อมด้วยตัวแทนสหภาพฯ แถลงข่าวด่วนหลังรับฟังแถลงการณ์ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับการบินไทยที่ประธานบอร์ดขาดความรับผิดชอบต่อหน่วยงาน สังคม ผู้ถือหุ้น ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง เกียรติยศของการบินไทย เพราะไม่เดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเอง การให้นายโชคชัยมาอ่านคำแถลงการณ์เป็นการให้ข้อมูลฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดให้สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงเห็นว่าแถลงการณ์ไม่ชอบธรรม ข้อมูลที่นำมาก็เป็นเพียงการจัดหาเครื่องบินใหม่อย่างเดียว ไม่ครอบคลุมประเด็นข้อสงสัยอย่างแท้จริง หลังจากนี้สหภาพฯ จะยังทวงถามประธานบอร์ดให้มาชี้แจงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 29 พฤษภาคมจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ประธานบอร์ดมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย
“ปัญหาที่เกิดขึ้น นายโชคชัยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นผู้บริหารที่พิจารณาเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ร่วมกับนายปิยสวัสดิ์”
รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างนายโชคชัยอ่านแถลงการณ์ สหภาพฯ การบินไทย และพนักงานจำนวนหนึ่งเข้ารับฟังด้วย โดยจำนวนหนึ่งได้ชูป้ายขอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เช่น หนีทำไม แต่งตั้งโยกย้ายล้วงไส้ อยากเป็นประธานบอร์ดต้องตอบสดๆ สร้างบรรทัดฐานตั้งแต่ตอนนี้ ตั้งใจหาความจริงเพื่อการบินไทยของเรา เป็นต้น
