xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับตาแบ่งเค้กงบฯ56 รอ“ซาก 111”มาบริหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-จับตาดูว่าวันจันทร์ที่ 21 -23 พ.ค.นี้ จะเป็นวันที่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน จะใช้เวลาถึง 3 วัน 3 คืน เพื่ออภิปราย ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2556 ที่ทางสำนักงบประมาณได้จัดทำขึ้น
 

วงเงินปี2556 จำนวน 2,400,000 ล้านบาท

สัปดาห์ที่ผ่านมา “ครม.ยิ่งลักษณ์”เห็นชอบวาระนี้ แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่อยู่ในประเทศ เนื่องจากเดินทางไปเยือน บาห์เรน และกาตาร์

โดยรองนายกฯ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์”ไฟเขียวโครงสร้างงบประมาณ ปีงบประมาณ 2556ในส่วนของวงเงินงบประมาณรายจ่าย ซึ่งแบ่งเป็นรายได้ จำนวน 2.1 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อจัดทำงบประมาณขาดดุล จำนวน 3 แสนล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 12.54 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นขอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 (ต.ค. 55-ก.ย. 56) จำนวน 2.4 ล้านล้านบาท โดยในส่วนดังกล่าวแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ1.9 ล้านล้านบาท รายจ่ายด้านการลงทุน 4.49 แสนล้านบาท และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้9.4 หมื่นล้านบาท และเป็นงบประมาณขาดดุล 3 แสนล้านบาท

สำหรับรายได้ในปีงบประมาณ2556 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านบาท

ตามปฏิทินงบประมาณปี 2556 คาดว่าวาระหนึ่ง จะพิจารณษระหว่างวันที่ 21-23 พ.ค 55,เข้าสู่วาระ 2-3 วันที่15-16ส.ค.55 และคาดทูลเกล้าฯ7ก.ย.55นี้

ฝั่งรัฐบาล ประกาศ ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 จำนวน 63 คน

จะมีสัดส่วนรัฐบาลเสนอ15คน ครม.เห็นควรประกอบด้วย 6 รายชื่อ คือ1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง2.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง 3.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ 4.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผอ.สำนักงบประมาณ 5.นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ รองผอ.สำนักงบประมาณและ6.นายวีระยุทธ ปั้นน่วม รองผอ.สำนักงบประมาณ และมีอีก9รายชื่อเป็นกรรมาธิการซีกรัฐบาล

ส่วนกรรมาธิการจากสภาผู้แทนราษฎร แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 25 คน พรรคประชาธิปัตย์15 คน พรรคภูมิ ใจไทย 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 1คน พรรคพลังชล 1 คน และพรรครักประเทศไทย มาตุภูมิ ประชาธิปไตยใหม่ มหาชน และรักษ์สันติรวมกัน 1คน

ขณะที่ซีกรัฐบาล “อุดมเดช รัตนเสถียร” ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ยอมรับว่า กระทรวงที่จะถูกอภิปรายมากได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงกลาโหม โดยอาจรวมไปถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ รวมถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่แจ้งความจำนงค์ว่าจะขออภิปรายนั้น เบื้องต้นมีประมาณ 40 คนโดยได้วางหลักเกณฑ์ให้อภิปรายคนละประมาณ 7 นาที และพยายามเปิดโอกาสให้ส.ส.หน้าใหม่ได้เป็นผู้อภิปรายด้วย

พรรคฝ่ายค้าน ตีปี๊บดอกแรก! “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ประธานวิปฝ่ายค้าน บอกว่า จากการตกลงเบื้องต้นกับวิปรัฐบาลจะมีการพิจารณา เป็นเวลา 3 วันคือวันที่ 21-23 พ.ค. โดยให้เวลาฝ่ายละ 13 ชั่วโมงไม่รวมเวลาประท้วง

ใน 3 วันนี้ พรรคฝ่ายค้านจะแบ่งเวลาให้กับพรรคภูมิใจไทย รักประเทศไทย มาตุภูมิ และพรรคที่มีส.ส.อยู่ในสภา โดยมีจะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายประมาณ 40 คน มุ่งเน้นไปที่เนื้อหาภาพรวมการจัดงบรายจ่าย ประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ

พรรคฝ่ายค้านตั้ง ข้อสังเกต 2 ประเด็นคือ 1.ภาพรวมในการจัดงบประมาณแต่ละกระทรวงเป็นการจัดงบแบบการเมืองกินรวบ โดยเฉพาะกระทรวงที่พรรคเพื่อไทยดูแล ส่วนใหญ่จะได้รับการปรับงบประมาณเพิ่มขึ้นอาทิ กระทรวงแรงงานเพิ่มขึ้น 131.9 เปอร์เซ็นต์ กระทรวงไอซีที 108.6 เปอร์เซ็นต์ กระทรวงคมนาคม 4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สำนักนายกฯปรับเพิ่ม 14.7 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะงบฉุกเฉินที่นายกฯมีอำนาจสั่งจ่ายได้เลย หรือที่เรียกว่างบผีปรับเพิ่ม 11.67 เปอร์เซ็นต์จากเดิม 6.7 หมื่นล้านบาทเป็น 7.3 หมื่นล้านบาท

ขณะที่กระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลดูแลอาทิกระทรวงการท่องเที่ยวถูกปรับลด 10.5 เปอร์เซ็นต์ กระทรวงเกษตรฯปรับลด 4.8 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มีปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ อย่างงบน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาทเพิ่งใช้ไปได้เพียง 5.4 หมื่นล้านบาท ยังไม่ถึงครึ่ง หรือ เงินที่ได้จากพ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทครม.เพิ่งอนุมัติใช้งบไป 2.6 หมื่นล้านบาท แสดงถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่มีปัญหา ดังนั้นถ้างบประมาณปี 56 ยังมีประสิทธิภาพเพียงเท่านี้จะกระทบประโยชน์ประชาชนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2556 ที่ทางสำนักงบประมาณได้จัดทำขึ้น มีสาระสำคัญ ดังนี้ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2556 จำนวน 2,400,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 จำนวน 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

โดยนโยบายงบประมาณปี56 เป็นงบประมาณขาดดุล ที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของหน่วยงานควบคู่กับการพิจาณาแหล่งเงินอื่น ได้แก่ เงินกู้ตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตของประเทศ เงินรายได้ และเงินสะสมคงค้างของหน่วยงาน รวมทั้งพิจารณาทบทวนเพื่อปรับลดเป้าหมายการดำเนินงานของหน่วยงานที่มีลำดับความสำคัญลดลง หรือหมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและสถานการณ์ปัจจุบัน และให้ทสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 16 ข้อ

สำหรับงบประมาณปี56 จำนวน 2,400,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 1,901,911.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2555 จำนวน 61,239.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.3 โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.2 ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายลงทุน จำนวน 448,938.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 10,383.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 โดยรายจ่ายลงทุนดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 18.7 ของวงเงินงบประมาณ นอกจากนี้ได้กำหนด รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้จำนวน 49,149.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 2,295.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.1 ของวงเงินงบประมาณ

ส่วนหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณสูงสุด 5ลำดับแรก คือ 1.กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 460,075,180,900 บาท คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของวงเงินงบประมาณ 2. งบกลาง จำนวน 319,207,000,000 บาท 3.กระทรวงมหาดไทย จำนวน 309,205,167,300 ล้านบาท 3.กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 214,845,460,700 บาท 4.กระทรวงกลาโหม จำนวน 180,,811,381,800 บาท 5. กระทรวงการคลัง จำนวน 179,249,013,800 บาท

นอกจากนี้ในส่วนของประมาณการรายรับรัฐบาลได้ประมาณการรายรับในปี 2556 จำนวน 164,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7 โดยแบ่งเป็นรายได้จากภาษีอากรรวม 168,195.1 หรือร้อยละ 7.7 การขายสิ่งของและบริการ จำนวน 76.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 อย่างไรก็ดีคาดว่ารายได้จากการเก็บภาษีรัฐพาณิชย์จะลดลงประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 3.8 และรายได้อื่นๆ จำนวน 28.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1

ส่วนภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 56 คาดว่าจะขยายตัวประมาณ ร้อยละ 4-5 อัตราเงินเฟ้อประมาณร้อยละ 3.8 ส่วนภาคการส่งออกคาดว่าจะเป็นแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชีย และปัจจัยที่พึงระวังในการบริหารเศรษฐกิจปี56 คือ ราคาสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคที่อาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบในตลาดโลกยังคงผันผวนในระดับสูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณของกลุ่มประเทศยุโรปที่ยังอยู่ในระดับสูง.

ดูเหมือนว่า จะปลอดโปร่งโล่งใจ แต่ส.ส.ซีกรัฐบาล “เพื่อไทย”กลับข้องใจ ในการตั้งงบประมาณปี 2556ให้ “กระทรวงกลาโหม” ช่วงที่ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต นั่ง รมว.กลาโหม ที่พบว่า “มากผิดปกติ”

จากการการประชุมส.ส.พรรค สัปดาห์เดียวกัน ที่มี “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในการประชุม หลังจากที่เปิดให้ส.ส.หารือถึงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 พ.ค. โดยได้เชิญนายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผอ.สำนักงบประมาณ มาร่วมประชุมด้วย

ซึ่งส.ส.หลายคนต่างสอบถามผอ.สำนักงบประมาณถึงการตั้งงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมมากผิดปกติ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว และเห็นว่าควรตัดงบประมาณดังกล่าวเพื่อนำไปเสริมให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้ในโรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคแทน

อย่างไรก็ตาม ผอ.สำนักงบประมาณได้ชี้แจงว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้มีการจัดงบประมาณไว้อย่างเหมาะสมแล้ว

แต่ซีกรัฐบาล กลับมีความเป็นห่วงกรณีงบประมาณ “โครงการแจกแท็บเล็ต” ให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 กรณีการติดตั้งสัญญาณ Wifiในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการที่ยังไม่ครอบคลุม เพราะสามารถติดตั้งแล้วเสร็จเพียง700แห่ง จาก 7 หมื่นกว่าแห่ง เกรงจะเป็นประเด็นให้ฝ่ายค้านหยิบยกไปใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส่วนการจัดสรรงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม จำนวน 1 แสน 8 หมื่นล้านบาทนั้น รัฐบาลอ้างว่า ไม่ใช่เพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่เป็นงบประมาณผูกพันตั้งแต่ 2554 - 2556 ที่ใช้เพื่อดูแลกำลังพล กว่า 4 แสนนาย และค่าก่อสร้างอาคาร ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง บำรุงดูแลยุทโธปกรณ์
 
 

ซึ่งรัฐบาลยอมรับว่ามีความลำบากใจ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลที่แล้วตั้งงบประมาณในส่วนของทหาร กระทรวงกลาโหมไว้สูง

ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่ในความดูแลของพรรคร่วมรัฐบาล ได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อยนั้น เป็นเพราะได้มีการตั้งงบประมาณให้แล้วก่อนหน้านี้ในส่วนของ พรก.กู้เงิน 3 แสน 5 หมื่นล้านบาท และ งบในส่วนของโครงการบริหารฟื้นฟูน้ำท่วม จำนวน 1.2 แสนล้านบาท โดยในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ปรับลดลง 1 พัน80 ล้านบาท และกระทรวงเกษตรฯ ปรับลดลงกว่า 3 พันล้านบาท

3 วัน 3 คืนนี้พวกเราเจ้าของภาษี จึงควรที่จะจับตาดูท่าทีของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะ วงเงินปี2556 จำนวน 2,400,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นวงเงินที่ “พรรคเพื่อไทย” โดยนายกรัฐมนตรีอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้จัดสรรให้หน่วยงานรัฐกับมือ!! และที่สำคัญ งบระมาณปี 2556 “รัฐบาลปู2” เป้นคนตั้งขึ้น เพื่อให้“รัฐบาลปู3” ที่จะมีคนจากบ้านเลขที่ 111 กลับมาบริหารงบประมาณ และที่สำคัญ “นายกฯยิ่งลักษณ์” ยังจะได้สิทธิ์เพื่อบริหารเงินก้อนนี้ด้วยหรือไม่!
กำลังโหลดความคิดเห็น