ASTVผู้จัดการรายวัน-เอกชนชงรัฐบาลเร่งทำคลอดกฎหมายฟอกเงิน หวังให้ FATF ปลดบัญชีดำไทย เหตุเริ่มส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.จะเร่งให้รัฐบาลจัดทำกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ให้เร็วที่สุดในทุกขั้นตอน ทั้งการพิจารณาผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระบวนการกฤษฎีกา และขั้นตอนทางรัฐสภา เพื่อให้เสร็จทันในเดือนม.ค.2556 และให้คณะกรรมการขององค์การป้องกันละปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการก่อการร้าย (FATF) พิจารณาในเดือนก.พ.2556 เพื่อให้ปลดไทยออกจากประเทศที่มีความเสี่ยง เพราะขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการค้าแล้ว
ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวผ่านที่ประชุมคณะกรรมภาครัฐร่วมเอกชน เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 19 พ.ค. ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยต้องการให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะหากไม่ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสากลจะทำให้ไทยถูกกีดกันทางการค้า และจะเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้น เพราะสถาบันการเงินบางแห่งของต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ได้ระงับการทำธุรกรรมทางการเงินกับไทยแล้ว รวมทั้งการโยกย้ายเงินระหว่างประเทศจะต้องมีการขอข้อมูลจากต้นทางและปลายทางเป็นจำนวนมาก ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นภาระต้นทุนของผู้ประกอบการในการทำธุรกรรมทางการเงิน และยังก่อให้เกิดความล่าช้า
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ขอให้ภาคเอกชนมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญต่อการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จทันเวลาแน่นอน
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.จะเร่งให้รัฐบาลจัดทำกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ให้เร็วที่สุดในทุกขั้นตอน ทั้งการพิจารณาผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระบวนการกฤษฎีกา และขั้นตอนทางรัฐสภา เพื่อให้เสร็จทันในเดือนม.ค.2556 และให้คณะกรรมการขององค์การป้องกันละปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการก่อการร้าย (FATF) พิจารณาในเดือนก.พ.2556 เพื่อให้ปลดไทยออกจากประเทศที่มีความเสี่ยง เพราะขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการค้าแล้ว
ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวผ่านที่ประชุมคณะกรรมภาครัฐร่วมเอกชน เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 19 พ.ค. ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยต้องการให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะหากไม่ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสากลจะทำให้ไทยถูกกีดกันทางการค้า และจะเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้น เพราะสถาบันการเงินบางแห่งของต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ได้ระงับการทำธุรกรรมทางการเงินกับไทยแล้ว รวมทั้งการโยกย้ายเงินระหว่างประเทศจะต้องมีการขอข้อมูลจากต้นทางและปลายทางเป็นจำนวนมาก ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นภาระต้นทุนของผู้ประกอบการในการทำธุรกรรมทางการเงิน และยังก่อให้เกิดความล่าช้า
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ขอให้ภาคเอกชนมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญต่อการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จทันเวลาแน่นอน
