xs
xsm
sm
md
lg

เตือนสติรัฐบาล ยอมรับ"ของแพง" ปูโวพักหนี้เพิ่มตังค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"หวังกรุงเทพโพลชี้รัฐบาลสอบตกแก้เศรษฐกิจ กระตุก "ปู-โต้ง"รับความจริง เรียกร้องอย่าเล่นการเมืองจนลืมแก้ปัญหาให้ประชาชน สุดมึนรัฐบาลให้ยอมรับของแพง น้ำมันแพง แต่กลับไม่แตะ ปตท. ให้ลดกำไรช่วย โฆษกรัฐบาลอัด 63 นักเศรษฐศาสตร์ อย่าสะเออะพูดแทน 64 ล้านคน "ปู"โวโครงการพักหนี้ ช่วยเพิ่มรายได้มาใช้จ่าย คณะกรรมการค่าจ้างกลางปัดเลื่อนขึ้นค่าแรง 300 เป็นปี 58

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำผลสำรวจของกรุงเทพโพลที่ระบุความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ว่ารัฐบาลสอบตกในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาเป็นเครื่องเตือนสติและยอมรับความเป็นจริง เพื่อทบทวนนโยบายที่ผิดพลาด เนื่องจากเสียงสะท้อนดังกล่าว เป็นเรื่องของความห่วงใยในเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจ เช่น เงินเฟ้อ สินค้าราคาแพง ทิศทางการบริหารหนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลพวงจากหลายนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น จะต้องทบทวน โดยนโยบายที่ควรทบทวนในทันที คือ นโยบายจำนำพืชผลการเกษตร เพราะเป็นนโยบายที่กำลังจะสร้างภาระงบประมาณมากและทำลายกลไกตลาด รวมทั้งนโยบายพลังงานที่กำลังซ้ำเติมประชาชน ทำให้ภาวะเงินเฟ้อและของแพงรุนแรงขึ้น

ส่วนกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง อ้างว่าสินค้าราคาแพงและภาวะเงินเฟ้อไม่ได้เป็นผลมาจากนโยบายที่ผิดพลาด แต่เป็นเพราะไทยเป็นเศรษฐกิจระบบเปิด จึงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกนั้น เห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้ของแพงมีหลายปัจจัย ตนไม่อยากให้รัฐบาลกังวลในแง่มุมของการเมืองมากจนเกินไป เพราะไม่มีใครบอกว่าปัญหาเหล่านี้มาจากรัฐบาลล้วนๆ ยังมีปัญหาจากหลายปัจจัย แต่รัฐบาลไม่ทำ อย่างน้ำมันสามารถตรึงราคาดีเซลได้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็อยู่ได้ ก็ไม่ทำ ส่วนโครงสร้างสินค้าบางตัวที่รัฐบาลยืนยันว่าต้นทุนถูก แต่ทำไมราคาปลายทางถึงแพง เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเข้าไปบริหารจัดการ อย่าพยายามถกเถียง ทะเลาะ ว่าแพงจริงหรือไม่ เพราะคนสะท้อนปัญหาให้เห็นจากโพลสำนักต่างๆ แล้วยิ่งคนที่เป็นรองนายกฯ คุมเศรษฐกิจอย่างนายกิตติรัตน์ยังมีแนวคิดที่จะแก้ตัวมากกว่าแก้ไข ก็จะยิ่งทำให้คนขาดความเชื่อมั่น ขาดความหวัง

"การแก้ไขปัญหาของแพง ต้องถามกลับไปที่รัฐบาลว่า ทำไมให้ภาระทั้งหมดมาอยู่กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน แต่กลับมาบอกว่า ต้องเป็นห่วงฐานะของ ปตท. ซึ่งกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกถึง 64% แล้วบอกประชาชนว่าต้องปรับตัว ทำไมไม่คิดกลับกัน ทำให้ประชาชนมีฐานะดีกว่านี้ มีภาระน้อยกว่านี้ แล้วบอก ปตท. ให้ลดกำไรลงมาบ้าง ถ้ารัฐบาลปล่อยให้เป็นแบบนี้ น้ำมันขึ้นทุก 2 สัปดาห์ ทุกเดือน แล้วยังต้องยกเลิกการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอีกเร็วๆ นี้ น้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น ยังไม่รวมการเพิ่มภาระให้ครัวเรือนด้วยการขึ้นราคาแก๊สหุงต้มในเดือนต.ค. ซึ่งล้วนแต่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มรุนแรงขึ้น"นายอภิสิทธิ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจที่ต้องระมัดระวัง คือ การขาดดุลการค้า ภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพ รวมถึงปัญหาหนี้สาธารณะ

***อัดยับ! อย่าสะเออะพูดแทน64ล้านคน

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรุงเทพโพลได้เผยแพร่ผลสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ จำนวน 63 คน จาก 26 องค์กรชั้นนำ ที่ให้คะแนนรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 3.83 คะแนน เต็ม 10 คะแนะ ในการประเมินผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลรอบ 9 เดือน ว่า ลำดับแรกต้องขอขอบคุณในความพยายามที่จะสะท้อนความเห็นผ่านสิ่งที่เรียกว่าโพล หรือผลสำรวจของคนเพียง 63 คน ทั้งที่หากจะว่ากันตามหลักสถิติการทำโพล คงใช้อ้างอิงอะไรมากไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างความคลาดเคลื่อนกับจำนวนกลุ่มตัวอย่างค่อนข้างมีปัญหา ประกอบกับผู้บริโภคข่าวสารไม่มีโอกาสตรวจสอบรายละเอียดของผู้ให้ข้อมูล ซึ่งถ้าจะให้ดีควรระบุชื่อไปเลยว่าใครบ้างที่เป็นผู้ประเมิน

“เราคงไม่สามารถใส่ใจอะไรมากนักกับคนเพียง 63 คน ที่จะมาตัดสินรัฐบาลแทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ 64 ล้านคน อย่าว่าแต่ตัดสินรัฐบาลเลย ตัดสินเดอะ สตาร์ ยังเสี่ยงจะโดนรองเท้า แต่ถ้าสังคมเลือกที่จะเชื่อข้อมูลที่มีวิธีการทำกันแบบนี้ ก็ขออนุโมทนาเชิญชวน ประชากรกลุ่มไหนก็ได้สัก 63 คน ช่วยลุกขึ้นมาประเมิน ลุกขึ้นมาชี้ถูก ชี้ผิด แล้วถ้าเขาเหล่านั้นประเมินว่ารัฐบาลได้คะแนนแก้เศรษฐกิจเต็ม 10 บ้างจะว่าอย่างไร" นายอนุสรณ์กล่าว

**โวพักหนี้ช่วยเพิ่มรายได้มาใช้จ่าย

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “พักชำระหนี้ 3 ปี” และกล่าวเปิดงาน ว่า โครงการนี้มีเจตนาที่จะช่วยเหลือประชาชนผู้ที่รายได้น้อย หากรัฐหรือสถาบันการเงินเข้ามาช่วยเหลือในการพักหนี้ จำนวนหนี้ซึ่งดอกเบี้ย 3% ที่ประชาชนต้องจ่ายรายเดือนนั้น ตนเชื่อว่าเป็นจำนวนเงินที่มาก และหากมีการพักหนี้ สิ่งที่เคยประสบปัญหาในเรื่องรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชน และจะได้บริหารรายได้ที่ได้มาใหม่ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและโอกาสที่จะสร้างขึ้นมาในอนาคต ตรงนี้ คือ เจตนารมณ์ของรัฐบาลในการเข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย

***"โต้ง"คาดกระตุ้นจีดีพีเพิ่ม 0.4-0.7%

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวเสริมในรายละเอียดโครงการพักหนี้ ว่า จะพักชำระหนี้แก่ลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ดีในกลุ่มเกษตรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยที่มีมูลหนี้คงค้างไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี เปิดโอกาสให้ลูกหนี้เลือกพักเงินต้นพร้อมกับลดอัตราดอกเบี้ยให้ 3% หรือลดดอกเบี้ย 3% โดยไม่พักเงินต้นและกู้เพิ่มได้ตามศักยภาพของลูกหนี้ในอัตราดอกเบี้ยปกติ โดยทั้ง 2 กรณีสามารถกู้เพิ่มได้ตามศักยภาพการชำระหนี้ ซึ่งจะเริ่มพักชำระหนี้ได้ตั้งแต่ 1 ก.ย.2555 ถึงวันที่ 31 ส.ค.2558 โดยรัฐบาลจะเปิดให้ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.-20 ส.ค.2555 ลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนจะรับทราบผลทันที ส่วนลูกหนี้ที่ขอกู้เพิ่ม ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติภายใน 15 วัน

โดยกลุ่มเป้าหมายลูกหนี้ที่เข้าข่ายโครงการพักชำระหนี้ มีจำนวนประมาณ 3.8 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้คงค้างประมาณ 4.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าจาก ธ.ก.ส. จำนวน 2.9 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้ 3.9 แสนล้านบาท ธนาคารออมสิน 8.4 แสนราย มูลหนี้ 6.4 หมื่นล้านบาท ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 7.8 พันราย มูลหนี้ 1.4 พันล้านบาท และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBank) จำนวน 3.5 พันราย มูลหนี้ 450 ล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลคาดว่า ผลจากโครงการชำระพักหนี้ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 0.4 -0.7% หรือ 44,000-77,000 ล้านบาทต่อปี

ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช ผจก.ธกส.กล่าวว่า จะมีลูกหนี้2.9 ล้านคนเข้าร่วมโครงการ โดยมียอดหนี้ 3.9 แสนล้านบาท

***ปัดเลื่อนขึ้นค่าแรง 300 บาทเป็นปี 58

นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลาง กล่าวถึงกรณีภาคธุรกิจและกรรมการฝ่ายนายจ้างเสนอให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัด จากปี 2556 เป็นปี 2558 ว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัดที่เหลือ อยากให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการค่าจ้างกลาง ซึ่งมีกำหนดให้ปรับขึ้นค่าจ้างในวันที่ 1 ม.ค.2556 เนื่องจากเป็นแผนที่เตรียมไว้แล้ว ภาคธุรกิจต่างๆ ได้รับรู้ และเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว หากบอร์ดค่าจ้างมีมติกลับไปกลับมา ไม่มีความเด็ดขาด จะทำให้ภาคธุรกิจ ซึ่งรอดูท่าทีของบอร์ดค่าจ้างไม่สามารถบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อรับมือกับนโยบายที่ไม่นิ่งได้

***จี้กกต.สอบวันละ300ทำได้ไม่จริง

นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลกรณีค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันที่ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศมาร่วม 8 เดือนแล้ว แต่ทำเพียง7 จังหวัดนำร่องเท่านั้น ที่เหลืออีก 70 จังหวัด ที่ผู้ใช้แรงงานยังรอว่าจะได้เมื่อใด

"อยากถามกกต.ว่า การที่พรรคเพื่อไทย ประกาศใช้นโยบายในลักษณะสัญญาว่าจะให้ คือ ประกาศว่าจะทำทันที ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล และพอได้เป็นรัฐบาลแล้ว กลับไม่สามารถทำได้ทันทีตามที่ประกาศไว้ แต่ไปเลี่ยงใช้วิธีการแบบศรีธนญชัย คือ ประกาศใช้ไปก่อนแค่ 7 จังหวัด โดยอ้างว่าได้ทำแล้ว ที่เหลือก็รอปี 56 ว่าจะเข้าข่ายผิดกฏหมายเลือกตั้งหรือไม่ ที่ประกาศนโยบายที่หวังผลในคะแนนนิยม โดยการทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม" นายโกวิทย์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น