ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสมชื่อ นายใหญ่ของส.ส.พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง เสียจริง สำหรับ นช.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะในห้วงฉลองเทศกาลสงกรานต์ ที่ได้มีการเคลื่อนไหวคึกคักเตรียมการเตรียมงานเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรแกรมบินมาฉลองสงกรานต์ ทำบุญไหว้พระที่นครเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา
และก็เป็นไปตามคิวที่เหล่าบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงประกาศตีปี๊บเอาไว้ว่าจะมีมวลชนเสื้อแดงนับหมื่นคนแห่ไปร่วมรดน้ำดำหัว นช.ทักษิณ ในเทศกาลสงกรานต์ จนทำเอาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทั้งประเทศลาวและกัมพูชาโกลาหลวุ่นวายในการควบคุมคนเสื้อแดงไปตามๆ กัน
เรียกว่างานนี้ นช.ทักษิณได้แสดงบารมีให้คนได้เห็นประจักษ์ด้วยว่า แม้จะเป็นนักโทษหนีคดี แต่ก็มีรัฐมนตรีจำนวนมาก-ส.ส.เพื่อไทยแทบทั้งพรรค-ข้าราชการ-นักธุรกิจบินไปหาจำนวนนับไม่ถ้วน หลายคนไปรอเข้าคิวขอเข้าพบสองวันยังเข้าไม่ถึงตัว เพราะคิวแน่นเอียด ขนาดว่าคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนข้ามชายแดนไปหาทักษิณเพื่อฟังการปราศรัย-ฟังทักษิณร้องเพลงเพียงไม่กี่นาที ก็ยังอุตส่าห์หอบสังขาร ตากแดด หน้าดำหน้าแดง เพื่อขอให้ได้เห็นตัวได้ยินเสียง นช.ทักษิณของจริง
เรียกว่ายิ่งใหญ่ คับฟ้า คับแผ่นดิน ไม่มีใครเกินเหมือนเช่นเดิม งานนี้จึงเรียกว่าเป็นงานเสริมสร้างบารมีให้แก่ นช.ทักษิณ โดยแท้ เพียงคนเดียว
และกล่าวสำหรับ บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย และเหล่าแกนนำเสื้อแดง เมื่อได้เห็นว่า นช.ทักษิณ มาในงานใหญ่ขนาดนี้แล้ว ก็ยิ่งไม่ยอมตกขบวนขอส่วนบุญ แห่เข้าไปคลาน กราบ หมอบ เพื่อไปกราบไหว้ อวยพร รดน้ำดำหัวเพื่อความเจริญก้าวหน้าในอาชีพตัวเองกันยกใหญ่ ราวกับเป็น นช.ทักษิณเป็นบิดาบังเกิดเกล้า เสียด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ พิธีรดน้ำดำหัวถูกจัดไว้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวในสถานที่พักพิเศษ โดยบุคคลที่ได้รับอนุญาตจะเป็นพวกกลุ่ม ส.ส.อีสานเพื่อไทยกว่า 40 คน หากรวมไปถึงกลุ่มเครือญาติ แกนนำเสื้อแดง และนักการเมืองท้องถิ่นที่มาด้วยแล้ว คนที่มางานครั้งนี้รวมแล้วกว่า 200 คน
ส.ส.ที่เข้าแถวคุกเข่าคลานเข้ารดน้ำ นช.ทักษิณ อาทิ นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ และ ส.ส.ขอน แก่น, นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัว ลำภู, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหา สารคาม เช่นเดียวกับ ส.ส.หนองคาย บึงกาฬ ที่ยกคณะมากันทั้งจังหวัด นำโดย ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย นายสมคิด บาลไธสง นางชมภู จันทาทอง ส.ส.หนองคาย, นายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์ ส.ส.บึงกาฬ เป็นต้น รวมถึงนายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็ได้นำคณะ ส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.ชัยภูมิ เข้าร่วมด้วย
ขณะเดียวกัน สำหรับบุคคลระดับแกนนำพรรคเพื่อไทยได้มาร่วมรอเชลียร์ นช.ทักษิณ นั้นมีมากหน้าหลายกลุ่ม ในระดับรัฐมนตรีมี นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข รวมไปถึงนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เดินทางมาพร้อมกับนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยา และนายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย
ขณะที่ ส.ส.ของพรรค อาทิ นางสุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีต รมช. คมนาคม นายรส มะลิผล ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี รวมไปถึงนายศรีเมือง เจริญศิริ อดีตรมว.ศึกษาธิการ
ไม่เว้นแต่ นายสุธรรม แสงประทุม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช น.ต.ศิธา ทิวารี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายพิเชษฐ สถิรชวาล ผู้แทนการค้าไทย นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง
นอกจากนี้ ในกลุ่มของคนบ้านเลขที่ 111ก็ยังมีนายยงยุทธ ติยะไพรรัช อดีตประธานสภา นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรมว.คมนาคม นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร ก็มากันอย่างพร้อมหน้า
และที่ขาดไม่ได้ ก็ไม่พ้นหัวโจกแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายเหวง โตจิราการ นายขวัญชัย ไพรพนา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม นายนิสิต สินธุไพร ผอ.โรงเรียน นปช. และนางวิยดี สุตะวงศ์ หรือ "เจ๊ตุ๋ย จีเนท" แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง
เรียกว่า ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเลยด้วยซ้ำ หากยังนับว่า นช.ทักษิณ เป็นนักโทษหนีคดีอาญาที่มีคดียาวเป็นหางว่าวอยู่ในประเทศไทยแต่เหล่าบรรดาลิ่วล้อ ไม่ว่าจะก๊กไหน เหล่าไหน ก็ไม่ยอมตกขบวนเสนอหน้าในงานใหญ่เช่นนี้เด็ดขาด เพราะย่อมเป็นที่รับรู้กันอย่างดีว่า นช.ทักษิณ คือทุกสิ่งทุกอย่างของ รัฐบาลปูแดง ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สามารถชี้นิ้วสั่งการได้ทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว จึงไม่น่าแปลกใจเช่นกัน หากจะเห็นถนนทุกสายมุ่งตรงเข้าหา นช.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้า
ซึ่งถ้าไม่ไปสร้างราคาให้ตัวเองงานนี้ ก็คงต้องเรียกได้ว่าเสียหายหลานแสนเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ไฮไลต์เด็ดที่คนจดจำได้อย่างดี คงจะเป็นช่วงค่ำวันที่ 14 เมษายน โดยนช.ทักษิณ ชินวัตร ได้ร้องเพลง "Let it be" ที่เวทีลานศูนย์วัฒนธรรมเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยแปลชื่อเพลงดังกล่าวว่า "ช่างแม่มัน"
ซึ่งการประกาศดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงเป้าประสงค์ของ นช.ทักษิณ แบบชนิดแจ่มแจ้งว่า บทปรองดอง หรือแก้รัฐธรรมนูญ ที่บรรดาพรรคเพื่อไทยกำลังเดินเกมอยู่นั้นก็เป็นหลักฐานที่บอกชัดเจนในตัวของมันแล้วว่าเป็นไปเพื่อฟอกผิด ให้นช.ทักษิณ เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตาสี ยายสา หรือประชาชนคนไทยตาดำๆ เลยแม้แต่คนเดียว แถมนช.ทักษิณ เองก็ยังหลุดให้สัมภาษณ์ด้วยว่า จะมีแผนการกลับบ้านแบบเท่ๆ ด้วยการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นขั้นตอนสุดท้าย ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงความรู้สึกในจิตใจว่าอยากจะข้ามน้ำข้ามทะเลกลับประเทศมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ไม่ทันขาดคำทันที เมื่อนายใหญ่แห่งดูไบ ส่งสัญญาณแล้ว ก็ทำเอาบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย และบรรดาข้าทาสเชลียร์นายใหญ่ ออกมารับลูกแสดงอาการจงรักภักดีกันแทบจะชนกันตาย
ตอนแรกก็เห็นแต่แค่ว่ามี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกมาตีกิน สร้างผลงานในประเด็นนี้ เมื่อเห็นลิ่วล้อจอมสอพลอรายอื่นๆ ออกมารับลูกชงประเด็นพานายใหญ่กลับบ้านกันเอิกเกริก เหมือนโดนฉกผลงาน แย่งซีนชุบมือเปิบ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เจ้าตัวเป็นหน่วยหน้าท้ากระแส ประกาศพานายใหญ่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อครั้งช่วงหาเสียงสมัยพรรคพลังประชาชนนู่นแล้ว และก็หยิบจับประเด็นนี้มาตีกินตลอด
เรื่องเสนอแนวทางปรองดองมีหรือที่ตัวเองจะตกขบวน พูดแบบปล่อยของทีละนิดว่าตัวเองทำไว้เบ็ดเสร็จแล้ว รอจังหวะเหมาะแล้วค่อยเปิด แพลมเนื้อหาว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด ตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร กันยายน 2549 ต้องล้างน้ำ ล้มกระดานนับหนึ่งใหม่หมด แน่นอนว่านายใหญ่ต้องได้อานิสงส์ ถึงขนาดนินทากันให้แซ่ดว่า ไปเพ็ดทูลเอาใจนายใหญ่ถึงต่างประเทศหลายครั้งหลายหน
บรรดาลิ่วล้อ สมุนหน้าเหลี่ยม ตอนนี้เริ่มออกมาพูดพล่ามกันแบบเลิกอาย ด้วยสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาเองว่า บรรยากาศปรองดองเริ่มมาแล้ว เหมาะแล้วที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเสียที หลังจากพร่ำพูดเรื่องนี้กันมานาน เรียกว่า งานนี้พอหัวส่ายหางจึงกระดิก เสนอสารพัดมาเอาใจ นช.ทักษิณ กันยกใหญ่ทีเดียว
อาทิ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และส.ส.ชัยภูมิพรรคเพื่อไทย ว่า เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมพรรคเพื่อไทยจะมีการเดินทางหน้าแน่นอน เพราะออกมาแล้วจะเป็นผลดีต่อส่วนรวม ยืนยันทางพรรคทำเรื่องนี้ไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาก็ต้องคุยกันระดับพรรค ที่ควรต้องทำให้เสร็จมีผลบังคับใช้ในปีนี้ คาดว่าประชุมสภาสมัยหน้าคงดำเนินการได้
ไม่เว้นแม้แต่ ผู้หมดราคาทางการเมืองอย่าง นายเสนาะ เทียนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ยอมตกขบวนออกมาให้สัมภาษณ์ ราวกับว่าเป็นวาระสำคัญของประเทศ "ต่อจากนี้คงมีการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมออกมา ตอนนี้พรรคกำลังหารือ คงทำในนามพรรค ไม่ใช่ทำในนามรัฐบาลและทำแน่นอน เพราะบรรยากาศปรองดองทั่วไปดีหมดแล้ว กองทัพกับรัฐบาลก็ดี แนวทางคงยึดรูปแบบของทางคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการสร้างความปรองดองฯ ของสภาผู้แทนราษฎร หากนิรโทษกรรมก็คงไม่มีปัญหาแรงต่อต้านอะไร ไม่เห็นใครมีปัญหาอะไร เหลือแค่ประชาธิปัตย์ไม่ปรองดองก็ช่างหัวมัน ไม่ต้องไปสนใจ ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจต้องยอมไม่รับการคืนเงิน 4-6 หมื่นล้านบาท คิดเสียว่าเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลไป การกลับบ้านของทักษิณก็คงกลับมาหลังออกกฎหมายนิรโทษกรรม ถึงกลับบ้านได้"
ให้สัมภาษณ์เปิดหน้า เอาอกเอาใจขนาดนี้แล้วก็คงการันตีในระดับหนึ่งได้ว่า เก้าอี้รมช.มหาดไทย ของนายฐานิสร์ เทียนทอง คงจะไม่หนีไปไหนในการปรับคณะรัฐมนตรีรอบที่จะถึงกระมัง
หรือจะเป็น นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้วางโครงร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทีมกฎหมายตรวจสอบในขั้นตอนสุดท้าย และหลักการคร่าวๆ คือ ให้เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองก่อนการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 และเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เข้าสู่กระบวนการปรองดองทั้งหมด โดยให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน และไม่ได้ทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ต้นเหตุปัญหา แต่ตัวปัญหาคือ การเมือง โดยขณะนี้มีส.ส.เข้าชื่อเสนอกฎหมายเกิน 20 คนแล้ว หากเสนอทันก่อนปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติก็จะเสนอทันที
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ สุชาติ ลายน้ำเงิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นอีกส่วนที่พยายามเสนอสูตรสำเร็จปรองดองโดยให้มวลชนเข้าชื่อ1 หมื่นคนออกกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาและให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั่งเครื่องลงสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีคนเสื้อแดงต้อนรับ
หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ผู้ได้รับปูนบำเหน็จเป็นถึง รมว.ต่างประเทศ และเป็นขุนพลข้างกาย นช.ทักษิณ ก็ยังกล้าออกมาโยนหินถามทางสร้างความปรองดองด้วยการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)เสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3-4 เดือน และเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องมีฐานจากข้อมูลของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)
ทั้งนี้ คงต้องกล่าวว่า ออกมาเกาะขบวนเอาใจนายใหญ่ กันไม่เว้นยี่ห้อ พล่ามกันเต็มที่ ออกมาโพนทะนาสร้างราคาตัวเองกันหนักข้อขึ้น แย่งชิงนำเพื่อให้ นช.ทักษิณ เหตุการณ์บานปลาย ถึงขนาดว่าออกมาให้สัมภาษณ์ขัดแข้งขัดขา แย่งซีนชิงนำเอาใจนาย อย่างกรณีของ นายพร้อมพงษ์ กับ เป็ดเหลิม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ทำให้เกิดศึกวิวาทะกันในพรรคเพื่อไทยกันทีเดียว
และยิ่งสำหรับ ผู้เป็นเหมือนเจ้าตำรับปรองดองเพื่อนายใหญ่ด้วยแล้ว ย่อมไม่พลาดด้วยประทั้งปวง "เป็ดเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงเวลาผลักดันพ.ร.บ.ปรองดองนั้นก็เหมาะสมอยู่ในเวลานี้โดยให้รัฐสภาเป็นคนตัดสิน การเขียน พ.ร.บ.ปรองดองไม่ควรระบุตัวบุคคล รายละเอียดแต่ต้องเขียนภาพรวมและทุกภาคส่วนต้องได้รับความเป็นธรรมที่เกิดจากผลกระทบจากการปฏิวัติ
"พ.ร.บ.ปรองดองทุกคนได้ประโยชน์หมดขอเพียงให้พรรคเอ่ยปากใช้ผมไม่จำเป็นต้องเป็นมติพรรคก็ได้ยกหูโทรศัพท์สั่งการมอบหมายมาเลย" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ฉับพลันทันที นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาตอกกลับว่า ในที่ประชุมพรรค ร.ต.อ.เฉลิมมาร่วมประชุมพรรค แต่ไม่ได้นำเสนอเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งในความเห็นของตนนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พรรคหรือรัฐบาลจะเป็นผู้ผลักดันกฎหมายดังกล่าว เพราะจะเกิดปัญหาเรื่องความเหมาะสม
"การพูดว่า พท.หรือรัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพในการผลักดันกฎหมายปรองดองนั้นถ้าพูดเอามันก็พูดได้ แต่เป็นจริงไปไม่ได้ เพราะจะทำให้ฝ่ายค้านจะขยายผลให้เป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง จนกลายเป็นปัญหาทำให้เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้นมาอีก" นายพร้อมพงศ์กล่าว
เรียกว่า บ้านเมืองจะเกิดสงครามทางการเมือง จากประเด็นมัดมือชกปรองดอง บรรดาเหล่าส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงก็คงจะไม่ได้เข้าไปสู่สามัญสำนึกของพวกเขา เหล่านั้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นความจริงที่รับรู้เป็นอย่างดีว่า หากจะอยากได้ดิบได้ดีในหน้าที่การงาน สิ่งที่ควรกราบไหว้ เคารพ บูชา ก็คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว ... ส่วนเรื่องอื่นช่างแม่มัน