“ณัฐวุฒิ” ระบุแม้ “นช.แม้ว” อยากกลับประเทศ แต่ต้องอยู่ที่ปัจจัยทางการเมืองประกอบ ไม่เชียร์ พ.ร.บ.ปรองดองของ “เฉลิม” ต้องดูเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ฉะ ปชป.ทำตัวเป็นสาวประเภทสองเต้นโชว์อกบนหลังคารถ หลังขู่ฟ้อง รมต.-ส.ส.เพื่อไทยเข้าพบนักโทษหนีคดีที่ลาวและเขมร
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศกัมพูชาว่า ตนกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย มีโอกาสสนทนากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา และมีโอกาสร่วมเยี่ยมอาการป่วยของบิดาสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่บ้านในกรุงพนมเปญ ซึ่งได้สัมผัสกับบรรยากาศของมิตรภาพที่แนบแน่นและจริงใจของผู้นำประเทศทั้ง 2 คน อดีตนายกฯ ของไทยกับนายกฯ กัมพูชา นี่เป็นโอกาสที่ 2 ประเทศ ที่จะจับมือกันเดินหน้าสู่ประชาคมอาเซียนและสร้างสัมพันธ์อันดีเพื่อประโยชน์ 2 ฝ่ายในทุกด้านต่อไป
สำหรับสถานการณ์การเมืองในไทย พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่บอกว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับประเทศไทย อยากทำประโยชน์ให้ประชาชน แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลา พ.ต.ท.ทักษิณก็ทำได้เพียงแค่ส่งความปรารถนาดีให้ประชาชน และส่งกำลังใจให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ขยายความหรือไม่กับสิ่งที่บอกว่าอยากกลับประเทศไทย ในปีมหามงคลปีนี้จะกลับมาในแนวทางใด นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดตลอดคืออยากกลับมาบ้านเกิด แต่วิธีการรายละเอียดไม่ได้อยู่ที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว แต่อยู่สถานการณ์ของประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมือง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นชะตากรรมทางการเมือง ฉะนั้น ปัจจัยในการที่จะพิจารณาเดินทางกลับประเทศจะต้องดูปัจจัยทางการเมืองเป็นด้านหลัก
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้รายงานผลการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าลดน้ำหนักลง ขณะที่ พ.ร.บ.ปรองดองมีน้ำหนักมากขึ้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จริงๆ เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะสถาบันพระปกเกล้าศึกษาตามโจทย์ที่ กมธ.วิสามัญปรองดองมีมติเห็นพ้องต้องกันและมอบหมายให้ทำ ซึ่งเป้าหมายตนคิดว่าทั้งสถาบันพระปกเกล้า และผู้วิจัยก็ต้องการให้รายงานชิ้นนี้เป็นบันไดขั้นสำคัญที่จะต่อยอดความปรองดองและสันติภาพให้เกิดขึ้นได้
ส่วนจะนำรายงานชิ้นนี้เข้า ครม.จะเพื่อต่อยอดให้เป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก.ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ก็ถือเป็นเรื่องปกติของสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความสับสนขัดแย้ง ก็จะมีความคิดแตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตาม สภาก็เดินหน้าเรื่องนี้อยู่ รัฐบาลก็รับทราบขั้นตอนจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ต้องคิดอ่านอย่างรอบคอบ คงต้องใช้เวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่าโดยส่วนตัวรวมถึงพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า คำว่าปรองดองทุกคนปฏิเสธไม่ได้ แต่ พ.ร.บ.ปรองดองเท่าที่ติดตามข่าวของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียด คงต้องรอดูว่าเมื่อถึงเวลานั้นเนื้อหาสาระจะเป็นอย่างไร แต่ตนไม่ได้รอคอย พ.ร.บ.หรือกฎหมายฉบับใดเป็นพิเศษ แต่ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่บ้านเมืองนี้จะต้องหาทางออกจากวิกฤตความขัดแย้งให้ได้ ไม่ควรมีใครค้ากำไรจากความขัดแย้งนี้อีก ซึ่งตนมั่นใจว่าคนไทยส่วนก็ต้องการแบบนี้
ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณให้ความเห็นอย่างไรกับเรื่องการปรองดองนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ท่านก็ต้องการ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่าแม้ชะตากรรมจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาชะตากรรมตัวเองนำหน้าชะตากรรมประเทศ คำว่าปรองดองหมายถึงทั้งหมดที่เป็นคนไทยจะได้ประโยชน์ แต่ใครบ้างจะได้รับความยุติธรรมจากการปรองดองนี้ถือเป็นเรื่องรอง
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์จะฟ้อง ส.ส.รัฐมนตรีที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งที่ สปป.ลาว และกัมพูชานั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนไม่รู้จะพูดอย่างไร สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำช่วงสงกรานต์ อาการเหมือนสาวประเภทสองที่ไปเต้นโชว์อกที่หลังคารถ คือทำในสิ่งที่คนไม่นึกว่าจะทำ แล้วก็เปิดเผยตัวเองล่อนจ้อนว่าตลอดเวลาคิดอะไรอยู่ การที่คนที่ออกไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณก็ไปด้วยความรักความคิดถึง ก็ทำกันมายาวนานเป็นปกติ และคดีความที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้นรากก็มาจากการเมือง ไม่ใช่อาชญากรอะไร เทียบกันไม่ได้เลยกับที่นายอภิสิทธิ์ไปงานแต่งงานของครอบครัว ส.ส.คนหนึ่ง และไปยืนถ่ายรูปโดยไปยืนถ่ายรูปกับแม่ ส.ส.คนนั้น ที่มีคดีฉ้อโกงธนาคารหลายพันล้านบาท ทำไมไม่จับ และทำไมไม่อธิบาย เพราะแม่ ส.ส.คนนี้ก็หลบหนีคดีฉ้อโกง ทำไมไม่พูด ทำไมเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณทำไมขยันนัก ถึงบอกว่าช่วงสงกรานต์ 4-5 วันที่ผ่านมา คนอื่นพักผ่อน รดน้ำดำหัวเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่พรรคประชาธิปัตย์ทำตัวเป็นสาวประเภทสองปีนขึ้นหลังคารถไปเต้น โชว์อกโชว์เปลือยให้คนเขาเห็นกันทั้งประเทศไทยเห็น” นายณัฐวุฒิกล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียง "เฉลิม อยู่บำรุง"