ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.ส.เพื่อไทย แห่บินพบ"แม้ว" หลังนักโทษชายดอดเข้ากัมพูชา เพื่อเยียมคารวะ"ฮุนเซน" ด้าน"สุนัย"หอบลูก และกมธ.ต่างประเทศบินไปกัมพูชาในช่วงเดียวกัน “สุรพงษ์” ระบุกำลังเจรจาเพื่อช่วยเหลือ "วีระ - ราตรี" ขณะที่คดีพระวิหารบนศาลโลกยอมรับไทยเสียเปรียบ "นายกฯ" นัดหารือทีมทนายความคดีเขาพระวิหาร 10 พ.ค.นี้
***ส.ส.เพื่อไทยแห่พบ"แม้ว"ที่เขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย อย่างคึกคัก เนื่องจากส.ส.หลายคน เตรียมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมายังประเทศกัมพูชา เพื่อพบปะเยี่ยมเยียน สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา รวมทั้งบิดาของสมเด็จฮุนเซนที่ป่วยอยู่ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ จะพำนักอยู่ในประเทศแถบเอเชียอยู่อีกระยะหนึ่ง ก่อนเดินทางกลับนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชาว่า เป็นการไปพบปะตามปกติ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาละแวกนี้ ก็จะมีคนไปเยี่ยมเยียนเสมอ ในฐานะคนสนิทคุ้นเคยกัน ไม่มีนัยอะไร ไม่มีการวิ่งเต้นใดๆ เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูแต่งตั้งโยกย้าย หรือมีการปรับครม.
สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีความคิดถึงบ้าน คิดถึงพรรคพวก เดินทางไปที่ไหนก็ไม่อบอุ่นเท่ากับมาประเทศแถบเอเชีย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มาเพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ
***กมธ.ตปท.รีบปรับกำหนดการ
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางไปประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16-18 มี.ค. เช่นกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่า กำหนดการเยือนประเทศกัมพูชา ถูกเปลี่ยนอย่างกระทันหัน หลังมีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีกำหนดการเดินทางเยือนกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าวพอดี
รายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการต่างประเทศ แจ้งว่า กำหนดการเดินทางไปกัมพูชาถูกเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ในการประชุมครั้งที่แล้วยังพูดคุยถึงกำหนดการไปเดินทางเยือนประเทศพม่าอยู่เลย ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นอกจากเวลาปกติที่ระบุในกำหนดการไปพบปะบุคคลสำคัญในรัฐบาลกัมพูชาแล้ว เวลาที่เหลือคณะกรรมาธิการต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ไปกันเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น จะเดินทางไปพบกับใครอีกหรือไม่
สำหรับกำหนดการศึกษาดูงานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16-18 มี.ค. เป็นดังนี้ วันศุกร์ที่ 16 มี.ค. คณะนัดหมายเวลา 7.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG580 เวลา 9.00น. ถึงสนามบินโปเซนตง กรุงพนมเปญ
เวลา 10.00 น. เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเวลา 11.00 น. เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาฯกัมพูชา
เวลา 14.00 น. เยี่ยมชมและรับฟังปัญหาคนไทยที่ต้องโทษในกัมพูชา กรณี นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ เรือนจำเปรย์เซอร์ กรุงพนมเปญ
เวลา 18.00 น. พบปะสนทนาและรับฟังบรรยายสรุปจากเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เวลา 19.00 น. รับประทานอาหารค่ำและเข้าโรงแรมที่พัก
วันเสาร์ที่ 17 มี.ค. เวลา 10.00 น. เยี่ยมชมสถานที่สำคัญ ศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชา เวลา 12.00 น. พบประสนทนาแลกเปลี่ยนควาคิดเห็นและเลี้ยงรับรองกับประธานกรรมาธิการต่างประเทศ และคณะ เวลา 18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ และเข้าโรงแรมที่พัก
วันอาทิตย์ที่ 18 มี.ค. เวลา 10.00 น. เยี่ยมชมสถานที่สำคัญและวัฒนธรรมของกัมพูชา เวลา 12.00 น. พบปะสนทนาและเปลี่ยนความคิดเห็นและเลี้ยงรับรองกับ รมว.พาณิชย์ เวลา 14.00 น. พบปะและรับฟังข้อร้องเรียนจากคนไทยในกัมพูชา เวลา 18.00 น. ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ เวลา 20.40 น. เดินทางออกจากกรุงพนมเปญ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG585 เวลา 21.45 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สำหรับรายชื่อคณะที่เดินทางไปครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย และได้มีการแจ้งในกำหนดการเรียบร้อยแล้วว่า บุคคลที่ไปประกอบด้วย นายสุนัย ในฐานประธานกรรมาธิการ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รองประธานคนที่หนึ่ง และ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย นางกุสมาวตี ศิริโกมุท รองประธานคนที่สาม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นายเจริญ คันธวงศ์ กรรมาธิการ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายฮอซาลี ม่าเหร็ม ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายมนต์พรหม ยูวะเวส ในฐานะผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ และยังพบว่า นายทบพล จุลพงศธร บุตรชายนายสุนัย ได้ปรากฏชื่อเป็นผู้ติดตามหมายเลข 1 ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย
***บัวแก้วคุยเขมรช่วย “วีระ-ราตรี”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าววานนี้(14 มี.ค.) ถึงการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรซอว์ ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีอาการป่วยโรครูมาตอยด์ และอาการทวีความรุนแรงมากขึ้น โดย นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ได้ให้ความช่วยเหลือเต็มที่อยู่แล้ว
และเมื่อวันที่ 13 มี.ค. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอแนวคิดการแลกเปลี่ยนนักโทษกับทางการกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือนายวีระ และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศกัมพูชา ดำเนินการหารือกับทางการกัมพูชาแล้ว อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษนั้นทางการไทยอาจจะต้องใช้ผู้ต้องหาชาวกัมพูชามากกว่า 2 คน จึงจะสามารถแลกเปลี่ยนตัวนายวีระ และน.ส. ราตรีกลับมาได้
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่อดีตนายกฯ จะหารือเรื่องการให้ความช่วยเหลือคนไทยทั้งสองคนด้วย ซึ่งรมต.ต่างประเทศระบุว่า ยังไม่เห็นรายงานเรื่องนี้ แต่ปกติแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเดินทางไปที่ไหนก็มักพูดเรื่องผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักอยู่แล้ว และเมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่ เนื่องจากทางตำรวจไม่ได้ร้องขอมา
ส่วนกรณีข่าวก่อนหน้านี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่า การนำคดีเรื่องพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหาร เข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา นายสุรพงษ์ ระบุว่า ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว แต่เหตุการณ์เขาพระวิหารนั้นเกิดขึ้นในอดีต โดยศาลโลกเคยพิพากษาแล้วหนึ่งครั้ง และแนวรั้วที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเขตแดน ส่วนการที่กัมพูชาขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาในครั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงว่าฝ่ายไทยเสียเปรียบ เนื่องจากมีแค่เสียกับเสมอตัว ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีแต่ได้กับเสมอตัว แต่ไทยก็จำเป็นต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้คดีอย่างสุดความสามารถ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีคำสั่งนัดหมายคณะนักกฎหมายทั้งหมดที่ไทยว่าจ้างมาเข้าร่วมประชุมในวันที่ 10 พ.ค.นี้ และจะได้นำคณะดังกล่าวเข้าหารือกับฝ่ายทหารด้วย ขณะที่ ทางกระทรวงการต่างประเทศเองก็ได้จัดเตรียมข้อมูลสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้ประชาชนให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
***ส.ส.เพื่อไทยแห่พบ"แม้ว"ที่เขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย อย่างคึกคัก เนื่องจากส.ส.หลายคน เตรียมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมายังประเทศกัมพูชา เพื่อพบปะเยี่ยมเยียน สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา รวมทั้งบิดาของสมเด็จฮุนเซนที่ป่วยอยู่ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ จะพำนักอยู่ในประเทศแถบเอเชียอยู่อีกระยะหนึ่ง ก่อนเดินทางกลับนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชาว่า เป็นการไปพบปะตามปกติ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาละแวกนี้ ก็จะมีคนไปเยี่ยมเยียนเสมอ ในฐานะคนสนิทคุ้นเคยกัน ไม่มีนัยอะไร ไม่มีการวิ่งเต้นใดๆ เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูแต่งตั้งโยกย้าย หรือมีการปรับครม.
สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีความคิดถึงบ้าน คิดถึงพรรคพวก เดินทางไปที่ไหนก็ไม่อบอุ่นเท่ากับมาประเทศแถบเอเชีย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มาเพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ
***กมธ.ตปท.รีบปรับกำหนดการ
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางไปประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16-18 มี.ค. เช่นกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่า กำหนดการเยือนประเทศกัมพูชา ถูกเปลี่ยนอย่างกระทันหัน หลังมีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีกำหนดการเดินทางเยือนกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าวพอดี
รายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการต่างประเทศ แจ้งว่า กำหนดการเดินทางไปกัมพูชาถูกเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ในการประชุมครั้งที่แล้วยังพูดคุยถึงกำหนดการไปเดินทางเยือนประเทศพม่าอยู่เลย ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นอกจากเวลาปกติที่ระบุในกำหนดการไปพบปะบุคคลสำคัญในรัฐบาลกัมพูชาแล้ว เวลาที่เหลือคณะกรรมาธิการต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ไปกันเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น จะเดินทางไปพบกับใครอีกหรือไม่
สำหรับกำหนดการศึกษาดูงานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16-18 มี.ค. เป็นดังนี้ วันศุกร์ที่ 16 มี.ค. คณะนัดหมายเวลา 7.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG580 เวลา 9.00น. ถึงสนามบินโปเซนตง กรุงพนมเปญ
เวลา 10.00 น. เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเวลา 11.00 น. เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาฯกัมพูชา
เวลา 14.00 น. เยี่ยมชมและรับฟังปัญหาคนไทยที่ต้องโทษในกัมพูชา กรณี นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ เรือนจำเปรย์เซอร์ กรุงพนมเปญ
เวลา 18.00 น. พบปะสนทนาและรับฟังบรรยายสรุปจากเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เวลา 19.00 น. รับประทานอาหารค่ำและเข้าโรงแรมที่พัก
วันเสาร์ที่ 17 มี.ค. เวลา 10.00 น. เยี่ยมชมสถานที่สำคัญ ศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชา เวลา 12.00 น. พบประสนทนาแลกเปลี่ยนควาคิดเห็นและเลี้ยงรับรองกับประธานกรรมาธิการต่างประเทศ และคณะ เวลา 18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ และเข้าโรงแรมที่พัก
วันอาทิตย์ที่ 18 มี.ค. เวลา 10.00 น. เยี่ยมชมสถานที่สำคัญและวัฒนธรรมของกัมพูชา เวลา 12.00 น. พบปะสนทนาและเปลี่ยนความคิดเห็นและเลี้ยงรับรองกับ รมว.พาณิชย์ เวลา 14.00 น. พบปะและรับฟังข้อร้องเรียนจากคนไทยในกัมพูชา เวลา 18.00 น. ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ เวลา 20.40 น. เดินทางออกจากกรุงพนมเปญ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG585 เวลา 21.45 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สำหรับรายชื่อคณะที่เดินทางไปครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย และได้มีการแจ้งในกำหนดการเรียบร้อยแล้วว่า บุคคลที่ไปประกอบด้วย นายสุนัย ในฐานประธานกรรมาธิการ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รองประธานคนที่หนึ่ง และ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย นางกุสมาวตี ศิริโกมุท รองประธานคนที่สาม ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นายเจริญ คันธวงศ์ กรรมาธิการ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายฮอซาลี ม่าเหร็ม ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายมนต์พรหม ยูวะเวส ในฐานะผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ และยังพบว่า นายทบพล จุลพงศธร บุตรชายนายสุนัย ได้ปรากฏชื่อเป็นผู้ติดตามหมายเลข 1 ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย
***บัวแก้วคุยเขมรช่วย “วีระ-ราตรี”
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าววานนี้(14 มี.ค.) ถึงการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรซอว์ ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีอาการป่วยโรครูมาตอยด์ และอาการทวีความรุนแรงมากขึ้น โดย นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ได้ให้ความช่วยเหลือเต็มที่อยู่แล้ว
และเมื่อวันที่ 13 มี.ค. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอแนวคิดการแลกเปลี่ยนนักโทษกับทางการกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือนายวีระ และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศกัมพูชา ดำเนินการหารือกับทางการกัมพูชาแล้ว อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษนั้นทางการไทยอาจจะต้องใช้ผู้ต้องหาชาวกัมพูชามากกว่า 2 คน จึงจะสามารถแลกเปลี่ยนตัวนายวีระ และน.ส. ราตรีกลับมาได้
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่อดีตนายกฯ จะหารือเรื่องการให้ความช่วยเหลือคนไทยทั้งสองคนด้วย ซึ่งรมต.ต่างประเทศระบุว่า ยังไม่เห็นรายงานเรื่องนี้ แต่ปกติแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเดินทางไปที่ไหนก็มักพูดเรื่องผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักอยู่แล้ว และเมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่ เนื่องจากทางตำรวจไม่ได้ร้องขอมา
ส่วนกรณีข่าวก่อนหน้านี้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่า การนำคดีเรื่องพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหาร เข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา นายสุรพงษ์ ระบุว่า ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว แต่เหตุการณ์เขาพระวิหารนั้นเกิดขึ้นในอดีต โดยศาลโลกเคยพิพากษาแล้วหนึ่งครั้ง และแนวรั้วที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเขตแดน ส่วนการที่กัมพูชาขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาในครั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงว่าฝ่ายไทยเสียเปรียบ เนื่องจากมีแค่เสียกับเสมอตัว ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีแต่ได้กับเสมอตัว แต่ไทยก็จำเป็นต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้คดีอย่างสุดความสามารถ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีคำสั่งนัดหมายคณะนักกฎหมายทั้งหมดที่ไทยว่าจ้างมาเข้าร่วมประชุมในวันที่ 10 พ.ค.นี้ และจะได้นำคณะดังกล่าวเข้าหารือกับฝ่ายทหารด้วย ขณะที่ ทางกระทรวงการต่างประเทศเองก็ได้จัดเตรียมข้อมูลสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้ประชาชนให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
