“สุรพงษ์” บินแนะนำตัวเขมร ถก “ฮอร์ นัม ฮง” ชื่นมื่นทั้งสองฝ่าย คุยฟุ้งสัมพันธ์สองประเทศดีขึ้นตามลำดับ คาด ถกทวีภาคีไทย-กัมพูชา จริงจังต้นปีหน้า เผย คุยกรณี “วีระ-ราตรี” ด้าน “เฒ่าฮง” ยันต้องรับโทษ 2 ใน 3 ของจำนวนก่อนขออภัยโทษ แต่แทงกั๊กบอกไทยถ้าขอแลกเปลี่ยนตัวนักโทษเป็นกลุ่มก็พร้อมรับข้อเสนอ
วันนี้ (29 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างเป็นทางการ หลังเข้ารับตำแหน่งตามคำเชิญของ นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมต.ต่างประเทศของกัมพูชา โดยได้มีการหารือเต็มคณะ ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศ โดยนายฮอร์ นัม ฮง กล่าวต้อนรับคณะของไทย และย้ำถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนาน
โดย นายสุรพงษ์ กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้การต้อนรับ พร้อมกับระบุว่า การเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ เสมือนเป็นการเปิดศักราชใหม่ด้านความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ โดยขอให้แยกปัญหาที่มีอยู่ออกจากความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนาน โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือในทุกด้าน และรัฐบาลไทยมุ่งดำเนินนโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์ รวมถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ ด้วย
หลังจากการหารือ นายฮอร์ นัม ฮง แถลงว่า ฝ่ายกัมพูชาขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น มีความคืบหน้าในทางที่ดีขึ้นในแต่ละวัน ในแง่การค้าซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เชื่อมั่นว่า ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ในการหารือ ยังได้แสดงความหวังว่า ไทยคงจะเดินตามข้อกฎหมายในการปฏิบัติตามศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) พร้อมกับรายงานให้ศาลโลกได้รับทราบด้วย ซึ่ง นายสุรพงษ์ แสดงความเห็นด้วยที่ทั้ง 2 ประเทศจะต้องปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราวที่เป็นไปตามคำสั่งศาลโลก ที่จะให้ถอนทหารในพื้นที่บริเวณที่ศาลโลกกำหนด และเห็นด้วยที่จะให้จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ในอนาคต เพื่อให้สามารถก้าวเข้าไปสู่การปักปันเขตแดนที่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งถือว่าสามารถทำได้ก่อนในระหว่างที่ยังรอคำตัดสินของศาลโลก
รมว.ต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงปัญหาของ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ว่า จะมีการลดโทษหรือขออภัยโทษได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งฝ่ายไทยได้ขอบคุณที่ได้ดูแลความเป็นอยู่ของทั้งสอง และตนได้แจ้งให้ นายสุรพงษ์ ทราบว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ดูแลความเป็นอยู่ให้ดี ส่วนเรื่องการลดโทษนั้น ต้องดูที่หลักความจริง โดยกฎหมายกัมพูชามีอยู่ว่า นักโทษต้องได้รับโทษ 2 ใน 3 ก่อนจึงจะสามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้ ซึ่งตนได้แจ้งต่อนายสุรพงษ์ ว่า หากไทยขอแลกเปลี่ยนนักโทษเป็นกลุ่มทางกัมพูชาก็รับข้อเสนอนี้
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากการหารือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อครั้งเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้ ก็เพื่อเตรียมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี หรือ เจซี ไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไปที่จะมีไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2555 ซึ่งได้ตกลงกับนายนัม ฮง ว่า จะประชุมกันระหว่างวันที่ 29 ก.พ.- 1 มี.ค.2555 ซึ่งคาดว่าจะเป็นการหารือร่วมกันอย่างจริงจัง ที่นับว่าจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ นอกจากนี้ การเดินทางครั้งนี้ มี รมว.พลังงาน ร่วมคณะมาด้วย เพื่อหารือถึงประเด็นการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งตนในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาเขตพื้นที่ทางทะเลนั้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเดินหน้าเรื่องเขตแดนทางทะเลต่อไปหรือไม่อย่างไร โดยขณะนี้คณะกรรมการด้านเทคนิค กำลังประมวลความเห็นจากราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณา ซึ่งหากเดินหน้าต่อ ก็จะนำเสนอกรอบการเจรจาให้รัฐสภาเพื่อเห็นชอบก่อน
นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของกัมพูชาในการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษลักษณะเป็นกลุ่ม กับ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ว่า นายนัม ฮง เพิ่งพูดถึงแนวทางนี้ แต่ด้วยแนวทางการเปลี่ยนตัวนักโทษลักษณะนี้ ไทยยังไม่เคยทำมาก่อน จึงจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่า จะต้องมีขั้นตอนหรือดำเนินการได้หรือไม่ อย่างไร
ต่อข้อถามถึงประเด็นการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ เพื่อเตรียมเสนอต่อ ครม.พิจารณาว่า รัฐบาลนี้จะทำต่อไป หรือยกเลิก นอกจากนี้ ตนอยากให้มีการสอบถามประชาชนด้วยว่าเห็นอย่างไรกับกรณีนี้ ซึ่งขอยืนยันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ตนได้ยึดถือประโยชน์ของชาติเป็นหลัก อย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน และอย่าเอาแต่โจมตีกัน ดังนั้น เรื่องนี้ขอให้ร่วมกันคิด รับรองว่า จะไม่แอบทำอะไรโดยที่รัฐบาลและประชาชนไม่เห็นด้วย