ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- สองหน่วยงานของกัมพูชาออกคำแถลงร่วมกันในสุดสัปดาห์นี้ กล่าวหาว่า ฝ่ายทหารของไทยใช้รถบรรทุกขนอุปกรณ์ก่อสร้าง เข้าไปในเขตภูมะเขือ ซึ่งอยู่ภายในเขตปลอดทหารชั่วคราว ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกำหนด และ ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการกระทำของฝ่ายไทย
คำแถลงร่วมลงวันที่ 11 ก.พ.2555 และนำออกเผยแพร่โดยสำนักข่าวของทางการในวันอาทิตย์ 12 ก.พ.ศกนี้ กล่าวหาว่า ฝ่ายทหารของไทยกำลังจะปลูกสร้างอะไรบางอย่างขึ้นในบริเวณใกล้กับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่ “เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้” และ บริเวณดังกล่าวเคยมีการเดินขบวนในต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่มิได้ให้รายละเอียดใดๆ อีก
คำแถลงขององค์การแห่งชาติพระวิหาร (National Authority of Preah Vihear) และ คณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ (National Committee for World Heritage) เผยแพร่ออกมาเพียงชั่วข้ามคืนก่อนที่ นายวาร กิมฮอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนหนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนแห่งชาติของกัมพูชา จะนำคณะเดินทางมาร่วมประชุมกับคณะกรรมการชายแดนทั่วไปของฝ่ายไทยในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 13-14 ก.พ.ศกนี้
ทั้งสองหน่วยงานยังได้อ้างถึงคำแถลงร่วมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee) ลงวันที่ 21 ธ.ค.2554 หลังการประชุมในกรุงพนมเปญ ซึ่งความตอนหนึ่งระบุว่า “สองฝ่ายจะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศครั้งวันที่ 18 ก.ค.2554 ด้วยความโปร่งใส เชื่อถือได้และตรวจพิสูจน์ได้”
.
.
สองหน่วยงานของกัมพูชา ระบุในคำแถลงฉบับวันเสาร์ 11 ก.พ.ศกนี้ ว่า การกระทำของฝ่ายทหารของไทยไม่เพียงแต่เป็นการขัดต่อคำสั่งของศาลโลกเท่านั้น หากยังขัดแย้งกับ “จิตใจของผลการประชุมเจบีซีและการปะชุมครั้งอื่นๆ ของสองฝ่าย ในความพยายามสร้างสันติภาพกับบรรยากาศแห่งความสงบขึ้นในพื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหาร เพื่อปกป้องและรักษาทรัพย์สมบัติอันเป็นมรดกโลก และสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศและประชาชนสองฝ่าย”
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มีการกล่าวหาไทยแบบเดียวกันนี้ รัฐบาลฮุนเซนจะให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการโดยตรง ซึ่งมักจะมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง มีการประท้วงหรือประณามแบบไม่ยั้งมือมาโดยตลอด