“วา กิมฮอง” ร่วมประชุมเจบีซีที่ไทย วันที่ 13-14 ก.พ.นี้ เตรียมหยิบบันทึกเจบีซี 3 ฉบับ ที่ค้างอยู่ขึ้นหารือ พร้อมเดินหน้าตรวจสอบแผนที่ทางอากาศ และสำรวจหลักเขตแดน รวมถึงเสนอเปิดด่านสตึงบตเป็นด่านการค้า
เว็ปไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่ข่าวระบุว่า สำนักข่าวซีอีเอ็นของกัมพูชา บ่ายวันนี้ (12 ก.พ.) รายงานว่า ก่อนออกเดินทางนำคณะตัวแทนร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กรุงเทพฯ นายวา กิมฮง รัฐมนตรีอาวุโส ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายกัมพูชา เปิดเผยว่า การประชุมเจบีซีระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ สองฝ่ายจะนำเอาบันทึกการประชุมเจบีซี 3 ฉบับ ที่ได้ประชุมและลงนามร่วมกันใน พ.ศ.2551 พ.ศ.2552 และ พ.ศ.2554 ขึ้นมาพิจารณา เนื่องจากฝ่ายไทย โดยเฉพาะรัฐบาลไทยและสภาไทยยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบข้อตกลงในกิจการเขตแดนของสองประเทศ ดังกล่าว
นายวา กิมฮง กล่าวว่า บันทึกการประชุมเกี่ยวกับกิจการเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชา ติดปัญหาที่มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญไทย ที่กำหนดให้ทุกการเจรจาและลงนามจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน การแช่แข็งบันทึกข้อตกลงเขตแดนเป็นผลมาจากมาตรา 190 การประชุมที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ สองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับข้อตกลงเขตแดนที่ได้ร่วมกันลงนามไปเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายไทยได้แช่เรื่องการปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมมาเป็นเวลากว่า 3 ปี และยังไม่ได้ให้รัฐสภาไทยอนุมัติแต่อย่างใด
นายวา กิมฮง กล่าวว่า การประชุมที่กรุงเทพฯ จะหารือการตรวจสอบเอกสารบันทึกข้อตกลงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ พ.ศ.2551 ตรวจสอบแผนที่ทางอากาศ และตรวจสอบการสำรวจหลักเขตแดนบนพื้นที่ชายแดน อ.อันลงแวง ของกัมพูชา ประเทศไทยและกัมพูชามีเขตแดนทางบกติดกัน 805 กม. มีหลักเขตจำนวน 73 หลัก ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันสำรวจค้นหาหลักเขตและพบแล้ว 48 หลัก ให้ความเห็นชอบร่วมกันแล้ว 29 หลัก ยังไม่ให้ความเห็นชอบ 19 หลัก และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 15 หลัก การสำรวจหลักเขตเริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ.2549-2551 ต่อมามีปัญหาหลังจากที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
นายวา กิมฮง กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ฝ่ายกัมพูชาวางแผนไว้ในการประชุม คือ เสนอเจรจาเปิดด่านสตึงบต (คลองคด) อ.โอร์จะรึว (ห้วยลึก/คลองลึก) จ.บันเตียเมียนเจ็ย เพื่อเป็นด่านการค้าระหว่างสองประเทศ และให้ด่านปอยเปตเป็นด่านสำหรับการท่องเที่ยว นายวา กิมฮง กล่าวว่า ตนหวังว่าการประชุมจะให้ผลในทางบวก เนื่องจากรัฐบาลทั้งสองโดยเฉพาะรัฐบาลไทย ที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความสัมพันธ์ทางการทูตและมิตรภาพที่ดีกับประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้ นายวา กิมฮง กล่าวว่า จะไม่หยิบยกปัญหากรณีทหารไทยสร้างศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปบนภูมะเขือ เมื่อเร็วๆ นี้ ขึ้นหารือในการประชุมเจบีซี เนื่องจากเป็นเขตอำนาจของศาลโลก ที่กัมพูชาได้เสนอให้ตีความคำตัดสิน และได้ขอให้ออกมาตรการป้องกันไม่ให้มีความขัดแย้ง ปัจจุบันนี้ศาลโลกได้ออกคำสั่งให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกจากเขตปลอดทหาร แต่ถึงขณะนี้ ฝ่ายไทยยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว นายวา กิมฮง กล่าวว่า ไม่มีการนำปัญหานี้ขึ้นหารือในการประชุม จะหยิบยกเฉพาะปัญหาที่อยู่เขตอำนาจของศาลโลก
ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2555 ฝ่ายกัมพูชานำโดย นายวา กิมฮง รัฐมนตรีอาวุโส รับผิดชอบกิจการชายแดน และเป็นประธานเจบีซีฝ่ายกัมพูชา พร้อมด้วย นายลง วิซาโล เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายไทยนำโดย นายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ประธานเจบีซีใหม่ แต่งตั้งโดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา องค์การพระวิหารแห่งชาติและคณะกรรมการมรดกโลกของกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกล่าวหากิจกรรมสร้างศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปบนภูมะเขือของทหารไทย ว่า เป็นการละเมิดดินแดนกัมพูชา และละเมิดมาตรการชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ กระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ได้ทำบันทึกทางการทูตถึงรัฐบาลไทย ประท้วงกิจกรรมของทหารดังกล่าว พร้อมสำเนาร้องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ นี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ครั้งที่ 5 ที่ โรงแรมรอยัลออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมเจบีซี ครั้งนี้ มี นายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย และ นายวา คิม ฮง รัฐมนตรีอาวุโส ผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายกัมพูชา ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยคณะผู้แทนร่วมหารือ โดยฝ่ายไทยประกอบด้วย กรมแผนที่ทหาร กรมยุทธการทหารบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญในการหารือ เพื่อสานความคืบหน้าในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนว และการติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ รวมทั้งการพิจารณาดำเนินการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ ตามที่กัมพูชา เสนอบริเวณด่านสะตึงบท จ.บันเตียเมียนเจย กับ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
สำหรับพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเจบีซี เวลา 14.30 น.ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยและกัมพูชา จะร่วมกันแถลงผลการประชุมร่วมกัน