ลางร้าย! แม่ทัพไทยกลายเป็นเสือหมอบ ป้องเขาวิหารตามนักการเมืองบงการ

“ฟิฟทีนมูฟ” เกาะปมเขาวิหาร ชี้ รบ.ตุ๋นคนไทย ทำทีรอประชุม (JWG) ร่วมเขมรถกถอนทหาร ทั้งที่ไทยถอนทหารส่วนใหญ่ออกตั้งนานแล้ว เผยไม่แย้งเขมรรอบใหม่หวังเร่งคดีให้ศาลโลกตัดสินเร็วขึ้น ระบุท่าทีแม่ทัพไทยเคยคำรามป้องแผ่นดินก้อง กลายเป็นแมวเชื่องสนองการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 6 ก.พ. เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ หนึ่งในเว็บที่เกาะติดความเคลื่อนไหวกรณีพิพาททางเขตุแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยได้รายงานข่าวสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีของไทย จากขึงขังเป็นเกมมวยล้มต้มคนดู ดังนี้ แม้การประชุมคณะทำงานร่วม (JWG) ระหว่างไทยกับกัมพูชา อันเป็นผลจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ครั้งที่ 8 ที่กรุงพนมเปญจะยังไม่เกิดขึ้น ที่คณะดังกล่าวฝ่ายไทยมีเสนาธิการทหารเป็นประธาน เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารเป็นเลขานุการ แม่ทัพภาคที่ 2 เจ้ากรมยุทธการทหารบก และผู้บังคับการกองกำลังสุรนารี เป็นคณะทำงานร่วม แต่จากรายงานล่าสุด หลายแหล่งข่าวในพื้นที่เขาพระวิหารยืนยันสอดคล้องกันว่ามีความเคลื่อนไหวทางทหารที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ

ก่อนหน้านี้ที่มีรายงานว่า มีการขยับกำลังพร้อมยุทโธปกรณ์ออกจากหน้าแนว ซึ่งมองได้ว่าเป็นการปรับสำหรับการรุกไกลนั้น ทางการข่าวระบุว่าเป็นงานทางยุทธวิธีที่ต้องการร่นกำลังทหารออกนอกพื้นที่เขตปลอดทหาร ถอยและจัดวางกำลังใหม่ที่รอบนอก ส่วนที่หน้าแนวได้เสริมกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าแทนที่ในสภาพที่แยกไม่ออกว่าเป็นตำรวจหรือทหาร เพื่อให้คุ้นเคยกับพื้นที่และมีความพร้อมปฏิบัติงาน นั่นทำให้นายทหารระดับสูงของกัมพูชาบนปราสาทพระวิหาร มองว่าไทยยังคงมีกำลังทหารจำนวนมากในหลายพื้นที่ ไม่ว่าที่ช่องซำแต ช่องตาเฒ่าและที่อื่น

แม้ว่าการขยับกำลังตั้งแนวใหม่ที่ดำเนินการไปแล้วไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของพื้นที่เขาพระวิหาร และฝ่ายทหารมีความพร้อมปฏิบัติการในทันทีหากเกิดเหตุ แต่นั่นคือ ฝ่ายไทยได้ถอนทหารส่วนใหญ่ออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แม้สภาพปรากฏจะเป็นเพียงแค่การขยับกำลังออกและเสริมกำลัง ตชด.เข้าแทนก็ตาม แต่ก็คือการถอนทหารทั้งที่คณะทำงานร่วมเจรจาถอนทหารของไทยกับกัมพูชายังไม่มีการประชุมนัดแรกด้วยซ้ำ

ช่วงที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งทหารลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด อธิบายเกี่ยวกับคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลโลก และสิ่งที่ทหารต้องดำเนินการตามนโนบายของรัฐบาล เพื่อให้ชาวบ้านมีความเข้าใจที่สอดคล้องตรงกันกับที่ฝ่ายทหารและการเมืองเข้าใจและต้องการ ป้องกันไม่ให้เกิดการต่อต้านและมีความกังวลในความปลอดภัยหากมีการปฏิบัติตามมารตรการชั่วคราว

ฝ่ายการเมืองมีรายงานว่า ขั้นตอนการสู้คดีตีความคำตัดสินกรณีปราสาทพระวิหาร ที่หลังกัมพูชายื่นตอบโต้คำแก้คำฟ้องของไทยภาคลายลักษณ์อักษรในวันที่ 8 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ฝ่ายไทยได้ตัดสินใจไม่ตอบโต้อีกครั้งตามที่กระบวนการพิจารคดีเปิดช่องไว้ เพื่อเร่งไปสู่ขั้นตอนการสู้คดีในชั้นวาจา ให้ได้ผลตัดสินจากศาลโลกโดยเร็วที่สุด ซึ่งเดิมมีกำหนดประมาณเดือนธันวาคมปีนี้หรือมกราคมปีหน้า

แม้ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 จะเคยกล่าวคำโตว่ายิงก่อนคุยทีหลัง แม้ว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเคยเอ่ยหนักแน่นว่าการถอนทหารคือเสียดินแดน ทว่าการปฏิบัติกลับผ่อนไปตามฝ่ายการเมืองที่มีนายใหม่บังคับบัญชา เป็นผลให้ฝ่ายไทยได้ถอนทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใต้คำว่าขยับกำลัง ที่เหลือคือแค่รอคณะทำงานร่วมประทับตราและรอเวลาผู้สังเกตการณ์มานับก้นบุหรี่ หากการถอนทหารมีความหมายอย่างที่ พล.อ.ธนะศักดิ์เคยว่าไว้ คงไม่เป็นที่สงสัยว่าทำไม เมื่อ 25 มกราคม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปไม่ถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระของกัมพูชาบนพื้นที่ไทย