"วีระ-ราตรี" ถอนคำร้องขออุทธรณ์ ให้คดีเป็นที่สิ้นสุด ทนายระบุทั้งสองคนยอมรับโทษความผิดตามศาลชั้นต้นตัดสิน ขณะที่กรรมการสิทธิฯ ไทยเผยทั้งคู่สบายดี สื่อเขมรมองที่ถอนอุทธรณ์เพราะต้องการขออภัยโทษ
เว็ปไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่ข่าวระบุว่า ซีอีเอ็นของกัมพูชา รายงานอ้างการเปิดเผยของนายซ็อมริต โซะพล (สำฤทธิ์ สุพล) หัวหน้าองค์คณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ระบุว่า เมื่อช่วงเช้า (๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๔) ศาลอุทธรณ์ได้เรียกตัวผู้ต้องโทษชาวไทยสองราย คือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เข้าไต่สวนยืนยันกรณีการขอถอนคำร้องอุทธรณ์คดีและไม่ขอต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยทั้งสองได้ยืนยันต่อศาลว่าได้ตัดสินใจถอนคำร้องและยุติไม่ขออุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้น กรุงพนมเปญ อีกต่อไป
เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ นายวีระ และ น.ส.ราตรี ได้มอบหมายให้ทนายยื่นอุทธรณ์คดีคัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้น กรุงพนมเปญ ต่อมาในวันที่ ๒๘ มีนาคม ทั้งสองได้ให้ทนายถอนคำร้องและยุติการอุทธรณ์คดี การเปิดพิจารณาไต่สวนเมื่อช่วงเช้า ผู้พิพากษาได้ถามยืนยันว่า ทั้งสองคนถอนคำร้อง ยุติการอุทธรณ์คำตัดสินศาลชั้นต้นจริงหรือไม่ ซึ่งนายวีระ และ น.ส.ราตรี ได้ยืนยันต่อหน้าผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เป็นความจริงที่ได้ถอนคำร้องคัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้นเรียบร้อยแล้ว
สื่อกัมพูชาระบุว่า การเรียกตัวนายวีระ และ น.ส.ราตรี มายังศาลอุทธรณ์ เป็นการเรียกมาสอบถามตัวต่อตัวเพื่อยืนยันเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการดำเนินการไปตามขึ้นตอนทางกฎหมายของศาลอุทธรณ์เท่านั้น
นายรั๊ว อูน3 ทนายของนายวีระ และ น.ส.ราตรี กล่าวที่ศาลอุทธรณ์ว่า การไต่สวนครั้งนี้ ผู้พิพากษาเพียงแค่ถามยืนยันเพิ่มจากผู้ต้องโทษทั้งสอง ต่อการตัดสินใจอย่างเป็นทางการที่จะถอนคำร้องสู้คดีออกจากศาลอุทธรณ์ ไม่คัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้น เพื่อให้สะดวกต่อศาลอุทธรณ์ในการยกคำร้องคดีนี้ออกจากบัญชีของคดีศาลอุทธรณ์ ในการไต่สวน ทั้งสองได้ยืนยันกับผู้พิพากษาว่าตนได้ถอนคำร้องแล้ว นายรั๊ว อูน กล่าวยืนยันว่า นี่แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองคนยินยอมรับโทษความผิดของตนที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินโทษไว้
หัวหน้าองค์คณะผู้พิพากษา นายซ็อมริต โซะพล ยืนยันต่อหน้านายวีระ และ น.ส.ราตรี ว่า สำนวนคดีเรื่องนี้ได้ยุติเป็นที่สุดแล้ว
นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ที่เข้าร่วมในการไต่สวนเมื่อช่วงเช้า กล่าวว่า กรณีนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ได้ใส่ใจติดตามเรื่องตั้งแต่วันที่ถูกเจ้าหน้าที่เขมรจับตัว การพิจารณาอุทธรณ์ในวันนี้ ได้ยุติการสู้อุทธรณ์คดีของนายวีระ และ น.ส.ราตรี ซึ่งสองคนได้บอกกับผู้พิพากษาว่า ไม่ขออุทธรณ์อีก นายปริญญากล่าวต่อว่า ตามที่มีการตัดสินใจไม่อุทธรณ์คดีแบบนี้ ดูเหมือนว่าทั้งสองเห็นว่าไม่ต้องการให้ยืดยาว และต้องการขอให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาบรรเทาโทษ นอกจากนี้ นายปริญญากล่าวอีกว่า ตนได้นำตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ เดินทางไปเยี่ยมนายวีระ และ น.ส.ราตรี ที่เรือนจำเปร็ยซอ ซึ่งทั้งอยู่อย่างสุขสบาย ได้รับการเอาใจใส่อย่างดีจากเรือนจำ ไม่ได้รับความลำบาก
สื่อกัมพูชาแหล่งอื่น4 รายงานข่าวเดียวกันว่า ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ของกัมพูชา ได้ตัดสินตามตามคำขอของนายวีระ และ น.ส.ราตรี ให้ถอนคำร้องอุทธรณ์คดีและให้คดีเป็นที่สิ้นสุด สื่อกัมพูชาระบุว่าการตัดสินใจของทั้งสองคนเป็นความพยายามให้คดีถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่การขออภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา โดยในวันที่ ๒๙-๓๐ ธันวาคม รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยจะพบกับนายฮอ นำฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ซึ่งอาจมีการพูดคุยขอให้มีการปล่อยตัว แหล่งข่าวของฟิฟทีนมูฟรายงานเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ว่า นายวีระ สมความคิด ได้ถอนคำร้องอุทธรณ์คดีโดยระบุเหตุผลว่า เป็นการดำเนินการยื่นอุทธรณ์โดยพลการของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ
นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกกองกำลังของกัมพูชาจับตัวที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ และนำตัวไปพิจารณาคดีที่ศาลชั้นต้นในกรุงพนมเปญ โดยศาลมีคำสั่งเมื่อ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ให้จำคุกนายวีระเป็นเวลา ๘ ปี น.ส.ราตรี เป็นเวลา ๖ ปี ในข้อหาจารกรรม เข้าเมืองผิดกฎหมายและเข้าพื้นที่ทหารโดยผิดกฎหมาย รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มิได้ยืนยันสิทธิ์เหนือพื้นที่เกิดเหตุ ตรงข้ามกลับแสดงท่าทีว่าเป็นเขตอธิปไตยของกัมพูชาหรือยังไม่มีความชัดเจน
นอกจากนี้ยังไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ถูกกองกำลังต่างชาติบุกจับตัวในพื้นที่ประเทศไทย ทั้งยังพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง สถานการณ์ และพยายามปัดภาระให้พ้นตัว นับถึงขณะนี้ นายวีระและ น.ส.ราตรี ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำต่างชาติเป็นเวลาร่วมหนึ่งปี.