xs
xsm
sm
md
lg

“ฮุนเซน” บอก “ปู” ถอนทหารพ้น 4.6 ตร.กม. คุยน้ำมันอ่าวไทยตาม MOU 44

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากฟิฟทีนมูฟ
“ฮุนเซน” บอก “ปู” ถอนทหารพ้นพื้นที่ 4.6 ตร.กม. แต่เขมรไม่ถอนกำลังอ้างเป็นดินแดนของตน เรื่องวีระ-ราตรี ยืนยันต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อนขออภัยโทษ หวังเจรจาพื้นที่แหล่งพลังงานทางทะเล ตามกรอบ MOU44

เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟเผยแพร่ข่าวระบุว่า การเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงบ่าย (15 กันยายน 2554) ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ บุน รานี ภริยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง ให้การต้อนรับที่ตึกวิมานสันติภาพ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ 13.40 น. ภายหลังการพบหารือนานร่วม 2 ชั่วโมง รัฐมนตรีของกัมพูชา นายฮอ นำฮง รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายเขียว กัญญาฤทธิ์ รัฐมนตรีข่าวสาร ในฐานะโฆษกรัฐบาล ได้แถลงผลการหารือ

ตามการรายงานของสื่อกัมพูชาหลายสำนัก นายฮอร์ นัมฮง แถลงผลการหารือว่า สองฝ่ายได้มีความเห็นชอบร่วมกัน ในการที่จะฟื้นคืนและพัฒนาความสัมพันธ์ โดยเฉพาะในด้านการค้า การท่องเที่ยว และในด้านอื่นๆ โดยในด้านการค้านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เสนอให้มีการจัดงานแสดงสินค้าไทย-กัมพูชาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งผู้นำกัมพูชาให้การตอบรับ โดยที่การแสดงสินค้าที่ประเทศกัมพูชาดังกล่าวชะงักมาตั้งแต่เกิดสงครามตามแนวชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย

ในโอกาสเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยกประเด็นของ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของกัมพูชา คือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ขึ้นหารือ โดยนายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวตอบว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังตรวจดูเรื่องนี้ และรัฐบาลอาจจะเสนอไปยังกษัตริย์กัมพูชา เพื่อขอลดหย่อนผ่อนโทษเป็นคราวๆ แล้วจะพิจารณาต่อไปอีก รัฐบาลต้องเคารพกฎหมายและคำตัดสินของศาล กล่าวคือ กฎหมายกัมพูชา ต้องให้ได้รับโทษ 2 ใน 3 ของคำตัดสินก่อน จึงจะเสนอขอให้กษัตริย์อภัยโทษ

เกี่ยวกับประเด็นเขตแดน ฮุนเซน ได้แจ้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าควรจะให้กองทัพของสองฝ่ายได้พบหารือกัน รักษาบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพให้ดี และต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ปลอดทหาร ที่กำหนดโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยในการถอนทหารนี้ เราไม่ใช้คำว่าถอนทหาร เราใช้คำว่าปรับกำลังทหาร และจำเป็นที่จะต้องให้มีผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย ก้าวต่อไปที่ศาลตีความ คือ เราต้องเคารพตามคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ปี 2505

นอกจากนี้ ฮุนเซนได้แจ้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่ารัฐบาลในวันนี้ก็ไม่อาจถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ได้ เนื่องจากเป็นดินแดนของกัมพูชา กัมพูชาไม่อาจถอนทหารได้เลย ดังนั้น ปล่อยให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความปัญหานี้ ถ้าศาลฯ ตีความว่าดินแดนนี้เป็นของไทย กัมพูชาก็จะให้ไทย ดังนั้น เรารักษาให้เป็นพื้นที่ปลอดทหารไปจนถึงวันที่ศาลฯ ตีความคำตัดสิน ปี 2505

ประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้มาเจรจาลับโดยเอาแผนที่มาด้วย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 ต่อมาได้เจรจาลับกับรองนายกรัฐมนตรี ซก อาน ที่ฮ่องกงและคุนหมิง เราได้รับข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ยกเลิก MOU44 ไปแล้ว แต่ในทางตรงข้ามเราได้รับบันทึกการทูตจากสถานทูตไทย ตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจาและแก้ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ฮุน เซน เสนอว่า ตอนนี้เราเจรจาเปิดเผยระหว่างรัฐบาลทั้งสอง เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเล โดยนำ MOU44 กลับมาใช้ใหม่พร้อมกับมาตรการอื่นที่มีอยู่

ฮุนเซนได้เสนอกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกว่า ควรให้จังหวัดที่อยู่ติดชายแดนได้พบหารือกันเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งอาจจะให้มีการประชุมร่วมของรัฐมนตรีมหาดไทยในพื้นที่ชายแดน เจ้าหน้าที่สองฝ่ายปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การลักลอบนำยาเสพติดข้ามแดน พร้อมกันนั้น ฮุนเซนได้เสนอขอให้มีการเปิดด่านพรมแดนแห่งใหม่เพิ่มเติม ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เห็นด้วย โดยเฉพาะพื้นที่สตึงบต เพื่อให้สตึงบตเป็นด่านสำหรับนำสินค้าเข้าออก แล้วให้พื้นที่ปอยเปตเป็นด่านสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ให้ปะปนกัน

นอกจากนี้ ฮุนเซนได้เสนอให้มีการประชุมนัดพิเศษวิสามัญของคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศรัฐบาลกัมพูชาและไทย ที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศของสองฝ่ายเป็นประธานร่วม เพื่อเร่งสานต่อความสัมพันธ์ให้ครบทุกด้านและได้ผลดี ในประเด็นอื่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ หยิบประเด็นเรื่อง ​​​AMEC VISAGE ​ขึ้นหารือ

ส่วน นายเขียว กัญญาฤทธิ์ ได้แถลงว่า ฮุนเซน ถือว่าการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นี้ เป็นภารกิจลิ้นกับฟัน เพราะกัมพูชากับไทยเปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน แม้มีการปะทะกันแต่ก็ไม่อาจแยกจากกันได้ ดังนั้น ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กัมพูชา เป็นการคืนดีเพื่อให้ทั้งสองประเทศกลับมาดีกัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวอีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เห็นชอบกับคำกล่าวของฮุนเซน ที่ว่าไทยกับกัมพูชาต้องปฏิบัติตามศาลโลกในการถอนทหาร และเคารพต่อบทบาทของอินโดนีเซีย
กำลังโหลดความคิดเห็น