“นพดล-สุรเกียรติ์” โผล่แจม “นช.แม้ว” พล่ามเศรษฐกิจสอนเขมร หยอดขอความเห็นใจเป็นคนเร่ร่อน ยกย่อง “สุลต่านบรูไน-ฮุนเซน” เพื่อนแท้ยามยากให้ที่อยู่ตลอดเวลาที่ถูกรังแก เผยผู้นำเขมรหลุดบอกวัตถุประสงค์็จัดงานเพื่อให้สหาย “แม้ว” ใช้พื้นที่พบกับคนเสื้อแดง
วันที่ 19 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา (TVK) รายงานข่าวเมื่อช่วงค่ำ ระบุว่า ในการสัมมนาประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสมาพันธ์ประชาธิปไตยนิยมกลาง เอเชีย-แปซิฟิก ในกรุงพนมเปญ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นวิทยากรบรรยายนั้น พบผู้ร่วมเวทีผู้ซึ่งลงนามในจอยต์ คอมมูนิเก สนับสนุนกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เมื่อ พ.ศ. 2551 อย่างนายนพดล ปัทมะ และนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ 2544 ว่าด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์จากแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย
สำหรับช่วงเสวนา พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวตอนหนึ่งว่า อยากให้กลุ่มประเทศในอาเซียนร่วมกันคิดหารือเพื่อร่วมผนึกกำลังในการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ทั้งโดยการจัดระเบียบทางกระบวนการกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากลมีความโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน นอกจากนี้แล้วประเทศต่างๆ ควรสร้างงานใหม่ๆและเน้นการเติบโตตลาดในประเทศควบขนานไปกับนโยบายส่งออก ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้กล่าวติดตลกด้วยว่า ในโลกมีประชาชนที่เร่ร่อนและไม่อยู่ที่บ้านเมืองของตัวเองประมาณ 13% ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่วิมานสันติภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายนพดล ได้ขึ้นรับเหรียญอิสริยยศ โดยมีสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นประธานในพิธี ทั้งนี้เหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญที่ทาง CAPDI มอบให้บุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ด้านต่างๆ ให้กับองค์กร CAPDI
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับงานเลี้ยงต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โรงแรมพนมเปญ เมื่อค่ำคืนวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นประธานนั้น ผู้นำกัมพูชากล่าวในช่วงเปิดงานว่า การจัดงานนี้มีวัตถุประสงค์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้พบคนเสื้อแดง โดยยินดีให้กัมพูชามีสถานะเป็นพื้นที่ในการพบปะระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับคนไทยในช่วงที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ และยืนยันว่าจะปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะพี่ชายให้ดีที่สุด
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ดีใจที่คนเสื้อแดงมาต้อนรับกันเยอะและอบอุ่น ตนรู้สึกว่ากัมพูชาเหมือนบ้านที่ต้อนรับอย่างดี ในอาเซียนมีพี่น้อง 3 คนที่รักกัน คนแรกคือสุลต่านบรูไน ตน และสมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะตลอดเวลาที่ถูกรังแก ทั้ง 2 ประเทศก็ให้ที่พำนักเหมือนเพื่อนยามยาก