เชียงราย - "กษิต"สวดยับ"ฮุนเซน”ไร้มารยาททางการเมือง ปูด"เทพเทือก"เจรจา “ซก อาน” ชี้นายกฯเขมร อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในไทย และเลือกข้างมาตลอด
วันนี้ (16 ก.ย.54) ที่ จ.เชียงราย นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกรณีปัญหาไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อถึงปัจจุบันว่า ดูจากท่าทีของรัฐบาลที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของไทยที่มีต่อรัฐบาลกัมพูชาก็ถือว่ารัฐบาลไทย สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อนที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะไทย-กัมพูชา มีเวทีความสัมพันธ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาที่มีต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันและชุดที่ผ่านมา ซึ่งมีความแตกต่างกันนั้น ตนเห็นว่า เกิดจากการที่รัฐบาลชุดก่อนไม่ได้เอาใจสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ทั้งเรื่องปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
เรื่องปราสาทพระวิหาร รัฐบาลชุดก่อนไม่เห็นด้วย เพราะจะต้องมีการปักปันเขตแดน ซึ่งไทย-ฝรั่งเศส ทำกันมานานร่วม 100 กว่าปีมาแล้วก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีการบุกรุกจากฝ่ายต่างๆ เข้าไปในพื้นที่บริเวณดังกล่าวมากเกินไป และหากจะนำขึ้นจดทะเบียนเป็นมรดกโลกก็ต้องขึ้นทะเบียนร่วมไทย-กัมพูชา เพราะบันไดขึ้นเขาพระวิหาร อยู่ในฝั่งไทยแน่นอน
ส่วนกรณีพื้นที่ทางทะเลเกี่ยวกับข้อตกลงร่วม หรือเอ็มโอยู 2544 เกิดจากรัฐบาลชุดก่อนได้มีมติคณะรัฐมนตรี ยกเลิก เพราะเห็นว่ากระทบกับเกาะกูด ซึ่งเป็นของอาณาเขตไทยในอ่าวไทย 100% รวมทั้งกัมพูชายังแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นที่ปรึกษาจึงเห็นว่าจะเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน
นายกษิต กล่าวอีกว่า ดังนั้นท่าทีของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ที่ออกมาจึงเกิดจากการที่อดีตรัฐบาลไม่เอาใจ และขอตำหนิว่าช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาลประมาณ 3 ปีที่ผ่านมาถูกสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน พยายามสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยเหมือนพยายามเข้ามาเล่นการเมืองในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาพยายามเน้นสันติด้วยการเจรจา เมื่อกัมพูชาประสงค์จะให้ไปเจรจาที่เวทีใดก็ยินยอมตามนั้น ไม่ว่าจะเป็นทวิภาคี สหประชาชาติ องค์การมรดกโลกหรือยูเนสโก อาเซียน ศาลโลก ฯลฯ เราก็ยอมทำตามหมด
ดังนั้น กรณีปัญหาไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้เกิดจากอดีตรัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์ แต่เกิดจากสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ที่ไม่ได้รับการเอาใจใน 2 กรณีดังกล่าวข้างต้นนั่นเอง
อดีต รมว.กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อว่า กรณีกัมพูชาออกมาแฉว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เจรจาลับกับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึง 3 ครั้ง สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลว่า ผู้ที่ออกมาแฉถือว่าไม่มีมารยาททางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะตามปกติการเจรจาความเมืองระหว่างประเทศจะมี 2 วิธีคือ อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งเมื่อเกิดกรณีการยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทยไปแล้ว รัฐบาลชุดก่อนก็พยายามหาวิธีการว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ซึ่งตนได้เป็นผู้เชิญนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้ไปร่วมเจรจา โดยฝ่ายไทยมีนายสุเทพ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาพื้นที่ทางทะเล
“ก่อนจะมีการตกลงกันอย่างเป็นทางการ ก็ย่อมมีการพบปะพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการได้อยู่แล้ว ซึ่งยอมรับว่าอาจจะมีการหารือกันราว 2-3 ครั้ง ซึ่งแสดงว่าไม่ถือว่าเป็นความลับใดๆ แต่เป็นลักษณะการปูทางเพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้าใจกันเท่านั้น แต่แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงพยายามเล่นการเมืองไทยอยู่ไม่หยุดหย่อน และปฏิบัติระหว่างสองรัฐบาลไม่เหมือนกัน เหตุเพราะอดีตรัฐบาลไม่ได้เอาใจสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน”
นายกษิต กล่าวด้วยว่า ช่วงที่มีการเจรจากับกัมพูชาดังกล่าวรัฐบาลไทยในขณะนั้นก็มีการตั้งคณะทำงานที่เชี่ยวชาญเป็นชาวต่างชาติหลายคน และกำลังจะเพิ่มเติมอีก 2 คน เพื่อศึกษาพื้นที่ทางทะเล แต่ก็หมดอายุรัฐบาลไปก่อน ดังนั้น หากว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะสานต่อก็สามารถทำได้
นายกษิต กล่าวถึงกรณีท่าทีที่อ่อนลงของกัมพูชา แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงพยายามเล่นการเมืองไทยอยู่ไม่หยุดหย่อนและปฏิบัติระหว่างสองรัฐบาลไม่เหมือนกัน เหตุเพราะอดีตรัฐบาลไม่ได้เอาใจสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน รวมถึงกรณีนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชาว่า แท้ที่จริงทั้งคู่ไม่ควรถูกจับกุมมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และหากจับไปก็ควรปล่อยตั้งแต่เริ่มแรก เพราะไทยเราก็เคยปล่อยคนกัมพูชาที่ทำผิดในไทยหลายพันคนกลับไป แต่เหตุเกิดจากสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ที่มีความแค้นส่วนตัวกับนายวีระ และการเลือกปฏิบัติ รวมทั้งมีขบวนการบ่อนทำลายพรรคประชาธิปัตย์จากเรื่องนี้ด้วย
“กัมพูชายังคงพยายามเล่นการเมืองไทยอยู่ไม่หยุดหย่อน และปฏิบัติระหว่างสองรัฐบาลไม่เหมือนกัน เหตุเพราะอดีตรัฐบาลไม่ได้เอาใจสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ได้เลิกเล่นการเมืองในประเทศไทยเสียที เพราะคนไทยไม่ได้โง่กันหมดทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน สื่อมวลชน ภาคประชาชน ต่างก็เฝ้าติดตามเรื่องนี้กันอยู่ ส่วนรัฐบาลชุดปัจจุบันหากสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกัมพูชาและรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ตนก็มีความยินดีด้วยอย่างยิ่ง”