“นายกฯ” ไม่กล้ายืนยันพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของใคร หลัง “ฮุนเซน” อ้างเป็นของเขมร หวั่นกระทบ คกก.ที่จะให้ข้อมูลต่อศาลโลก แต่พร้อมปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ พร้อมยึดแนวทางเจบีซีถอนทหารชายแดนหรือไม่ โยน กต.ดูผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ยันทำทุกอย่างโปร่งใส่ ตรวจสอบได้ ปัดตอบ “พี่แม้ว” ไปเขมร เต้นถูกจี้ถามถูก “เขมร” กำหนดทิศทางการเมือง อ้างแค่ต้องการเปิดศักราชใหม่กับปท.เพื่อนบ้าน
วันนี้ (16 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ปัญหาเขาพระวิหารหลังจากที่นายกฯเดินทางไปเยือนกัมพูชาว่า กรณีเขาพระวิหารคงจะยึดตามแนวทางของเจบีซี ตามศาลโลก ส่วนทางด้านของแนวทหารก็อยากสริมกำลังตำรวจแทนเพื่อจะให้คณะกรรมการกลางของเจบีซีมาทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความสงบในพื้นที่ทั้ง 2 ประเทศ เมื่อถามว่าจะเริ่มมีการถอนทหารเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องให้ทีมในเจบีซีไปเจรจา แต่โดยหลักการแล้วทางกัมพูชาเห็นชอบในการที่จะปรับปรุงกำลังตามแนวชายแดน โดยที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรจะมีการเจรจากันอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า หลักการที่คุยกันยังอยู่แค่ตรงนี้ เรายังไม่ได้เจรจาไปถึงตรงนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ศาลโลกซึ่งเราเองก็ต้องปฏิบัติตาม ขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของเราอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าตกลงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตรงนี้เรายังพูดไม่ได้เพราะความจริงมีคณะกรรมการซึ่งจะมีผลต่อการให้ข้อมูลต่อศาลโลก แต่ยืนยันว่าเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็มีคณะกรรมการที่ตั้งมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ก็คงจะเดินหน้าต่อในการทำหน้าที่ตรงนี้และต้องมีผู้ที่รู้กฎหมายต่าง ๆ มาทำงานโดยยึดหลักปกป้องอธิปไตยของไทย
เมื่อถามย้ำว่า แต่นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของเขา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การยืนยันนั้นคนละประเทศกัน ซึ่งเราเองก็ต้องใช้หลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดในการต่อสู้คดี และต้องทำให้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามถึงพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่เกี่ยวกับพลังงาน ที่ทางกัมพูชาแบะท่ามาแล้วว่าอยากให้มีการร่วมมือกัน ทางไทยจะใช้หลักการเดียวกับการที่ร่วมมือกับมาเลเซียหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เราจะยึดตามเอ็มโอยูเก่าที่มีอยู่ ซึ่งในส่วนของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น คงต้องให้ทางรมว.ต่างประเทศนำไปหารือใน ครม.ในเรื่องของการที่จะเปิดการเจรจา ซึ่งเราคงต้องมาตั้งหลักจากเอ็มโอยูและไปตั้งคณะกรรมการในการเข้าไปเจรจาอย่างเปิดเผย
“ประเด็นนี้ดิฉันขอย้ำว่าเราจะทำทุกอย่าง อย่างเปิดเผยและจะมีคณะกรรมการที่เข้ามาทำทุกอย่าง อย่างตรงไปตรงมา” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีปัญหาตรงไหนกันแน่ เพราะทำไมกับมาเลเซียไม่เห็นมีปัญหาอะไร ง่ายมาก นายกฯ กล่าวว่า มันมีปัญหาในเรื่องของการเจรจาในพื้นที่แนวแบ่งที่ยังไม่ลงตัวกันและเรื่องการแบ่งพื้นที่ที่เป็นตัวผลประโยชน์ ซึ่งก็คงต้องใช้ในรูปแบบของการนำเอ็มโอยู มาดูและมาศึกษาต่อ เมื่อถามว่าจะเป็นการแบ่งผลประโยชน์กันแบบ 50/50 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอไม่ตอบตรงนี้ เพราะมันเป็นเงื่อนไขการเจรจาจึงไม่อยากจะพูดตรงนี้ไป ขอให้มีคณะกรรมการที่จะทำงานและเป็นผู้เจรจาก่อน เมื่อถามต่อว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ก็จะเร็วที่สุด โดย รมว.ต่างประเทศจะศึกษาและนำเรื่องเข้า ครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า บรรยากาศจะเอื้ออำนวยแค่ไหนในการที่จะส่งผลการเจรจาที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จากที่เราได้คุยกันก็เห็นว่าบรรยากาศดีขึ้น กัมพูชาเองก็มีความตั้งใจที่จะเปิดศักราชใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะจากปัญหาที่ผ่านมาทำให้การค้าขายหยุดชะงัก ดังนั้นก็คงต้องแยกเป็น 2 เรื่อง คือ เรื่องที่เป็นข้อพิพาทก็ต้องว่ากันไปตามคณะกรรมการในการเจรจา ทั้ง 2 ประเทศก็คงต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเปิดจุดผ่านแดนซึ่งต่างก็เห็นด้วย และอาจจะต้องไปดูในจุดอื่นด้วยว่าจะมีพื้นที่ไหนอีกบ้าง ซึ่งต้องมีคณะทำงาน โดยกำหนดให้ รมว.มหาดไทยของทั้ง 2 ประเทศเป็นเจ้าภาพในการพูดคุยกันในรายละเอียด
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยเข้าไปช่วยตอนช่วงเขมรแตก แต่ไปๆ มาๆ ทำไมเขมรจึงมีบทบาทและอิทธิพลในการกำหนดทิศทางทางการเมืองของประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ไหนคะ ยังไม่มี เขายังไม่ได้กำหนดทิศทางเลย ไม่ใช่หรอก ไม่มี วันนี้ต้องบอกว่ามันมีปัญหาอยู่ 2 ส่วน เรื่องแรกคือเราต้องทำงานในด้านของการเปิดศักราชใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเรื่องที่สอง เราก็ต้องมานั่งดูปัญหาเก่าว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง แล้วเราจึงจะนำเข้าไปในเรื่องใหม่ เพราะวันนี้เรายังคุยปัญหาเก่ายังไม่ลงตัว แล้วเราจะไปนำปัญหาใหม่อีก มันก็จะไม่จบซักที ยืนยันว่าเราจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมากำหนดทิศทาง และดิฉันเองเป็นคนไทยก็ต้องปกป้องและรักษาอธิปไตยของไทยและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เราจะทำงานอย่างตรงไป ตรงมาและโปร่งใส พร้อมแจงให้ประชาชนรับทราบ เราจะปฏิบัติตามกฎหมายและตามขั้นตอตทางการทูตอย่างถูกต้อง” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายกฯ เดินทางไปเยือนกัมพูชาเมื่อวานนี้ และวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปอีก คิดว่าในแง่ของความสัมพันธ์จะมีอะไรที่พิเศษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สื่อก็ทราบอยู่แล้ว ทุกครั้งที่มีการเจรจาก็จะมีการเจรจาโดยเปิดเผย ซึ่งตนไปทำงานในฐานะรัฐบาล ไม่มีอะไรที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อถามว่าตกลง พ.ต.ท.ทักษิณ ไปกัมพูชาแน่นอนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางไปเยือนลาววันนี้ ที่มีข่าวทางลาวต้องการให้ไทยซื้อไฟฟ้า จะมีการสานต่ออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ความจริงเรามีโครงการที่จะซื้อไฟฟ้าจากลาวอยู่แล้ว ซึ่งทางกระทรวงพลังงานได้ทำไว้อยู่แล้ว ซึ่งลาวกับไทยไม่มีปัญหาอะไร ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างดี