ASTVผู้จัดการรายวัน - “แม้ว” บินเข้าเขมรแล้ว อยู่ถึง 26 ก.ย. ด้าน "ยิ่งลักษณ์" ทำมึน! ไม่ตอบพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ของใคร หลัง “ฮุน เซน” บอกเป็นของเขมร อ้างจะกระทบเจบีซี โยนบัวแก้วเจ้าภาพเจรจาผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ด้าน “ฐิติมา” อ้างล่ามมีปัญหา “นพดล” ยัน "แม้ว" ไปเขมรตามคำเชิญไม่เกี่ยวสัมปทานน้ำมัน “เสื้อแดง” คึกคัก ผ่านด่านชายแดนพบนายใหญ่
วานนี้ (16 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสข้อความผ่าน facebook ชื่อ "Yingluck Shinawatra" ตอนหนี่งอ้างว่า จากการไปเยือนกัมพูชาเมื่อวันที่15 ก.ย.เป็นการเริ่มศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ที่เป็นพื้นฐานนำไปสู่การพัฒนา และความร่วมมือในด้านต่างๆ ขณะที่ เรื่องเขตทับซ้อนทางทะเล ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการเจรจาอย่างเป็นทางการและเปิดเผย ซึ่งฝ่ายไทยเองต้องมีการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
สำหรับกรณี คุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ เนื่องจากรัฐบาลไทยมีหน้าที่ต้องดูแลความเป็นอยู่และทุกข์สุขของชาวไทยในกัมพูชา จึงได้ขอความร่วมมือนายกฯฮุนเซน ในการพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษของบุคคลทั้งสอง ซึ่งนายกฯฮุนเซน ได้แสดงความประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือ ตามเงื่อนไขและกลไกตามกฎหมายของกัมพูชา แต่ก็จะมีการขออภัยโทษให้แน่นอนค่ะ
วันเดียวกันน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมคณะ เดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และได้รับการต้อนรับจากนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาว ก่อนหารือข้อราชการ
**ปูโยนศาลโลกชี้ชะตา 4.6 ตร.กม.
ก่อนเดินทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ปัญหาเขาพระวิหาร ว่า คงจะยึดตามแนวทางของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ตามคำสั่งศาลโลก และยอมรับว่า อยากจะเสริมกำลังตำรวจเข้าไปในพื้นที่แทน เพื่อจะให้คณะกรรมการกลางของเจบีซีมาทำงานร่วมกัน
ส่วนจะเริ่มมีการถอนทหารเมื่อไหร่ คงต้องให้ทีมในเจบีซีไปเจรจา เนื่องจากกัมพูชาได้เห็นชอบในการที่จะปรับปรุงกำลังตามแนวชายแดน
กรณีพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรจะมีการเจรจากันอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า หลักการที่คุยกันยังอยู่แค่ตรงนี้ เรายังไม่ได้เจรจาไปถึงตรงนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ศาลโลกซึ่งเราเองก็ต้องปฏิบัติตาม ขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของเราอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตรงนี้เรายังพูดไม่ได้เพราะความจริงมีเจบีซี ซึ่งจะมีผลต่อการให้ข้อมูลต่อศาลโลก แต่ยืนยันว่าเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เจบีซีก็ตั้งมาจากรัฐบาลที่แล้วและต้องมีผู้ที่รู้กฎหมายต่าง ๆ มาทำงานโดยยึดหลักปกป้องอธิปไตยของไทย
**เล็งตั้งคกก.เจรจาพลังงานกับเขมร
ส่วนที่นายฮุน เซน นายกรฐมนตรีกัมพูชา ยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของเขา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การยืนยันนั้นคนละประเทศกัน ซึ่งเราเองก็ต้องใช้หลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดในการต่อสู้คดี และต้องทำให้เต็มที่ ส่วนกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่เกี่ยวกับพลังงาน ที่ทางกัมพูชาแบะท่ามาแล้วว่าอยากให้มีการร่วมมือกัน ทางไทยจะใช้หลักการเดียวกับการที่ร่วมมือกับมาเลเซียหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราจะยึดตามเอ็มโอยูเก่า (MOU44-45)ที่มีอยู่ ซึ่งในส่วนของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น คงต้องให้ทางรมว.ต่างประเทศนำไปหารือในครม.ในเรื่องของการที่จะเปิดการเจรจา ซึ่งเราคงต้องมาตั้งหลักจากเอ็มโอยูและไปตั้งคณะกรรมการในการเข้าไปเจรจาอย่างเปิดเผย
“ประเด็นนี้ดิฉันขอย้ำว่า เราจะทำทุกอย่าง อย่างเปิดเผยและจะมีคณะกรรมการที่เข้ามาทำทุกอย่าง อย่างตรงไป ตรงมา”นายกฯ กล่าว
**“ปู”จะใช้“เอ็มโอยู”เจรจาเขมร
เมื่อถามว่าพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีปัญหาตรงไหนกันแน่ เพราะทำกับมาเลเซียไม่เห็นมีปัญหาอะไร นายกฯ กล่าวว่า มันมีปัญหาในเรื่องของการเจรจาในพื้นที่แนวแบ่งที่ยังไม่ลงตัวกันและเรื่องการแบ่งพื้นที่ที่เป็นตัวผลประโยชน์ ซึ่งก็คงต้องใช้ในรูปแบบของการนำเอ็มโอยู มาดูและมาศึกษาต่อ เมื่อถามว่าจะเป็นการแบ่งผลประโยชน์กันแบบ 50/50 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอไม่ตอบตรงนี้ เพราะมันเป็นเงื่อนไขการเจรจาจึงไม่อยากจะพูดตรงนี้ไป ขอให้มีคณะกรรมการที่จะทำงานและเป็นผู้เจรจาก่อน เมื่อถามต่อว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็จะเร็วที่สุด โดยรมว.ต่างประเทศจะศึกษาและนำเรื่องเข้าครม.
ส่วนบรรยากาศจะเอื้ออำนวยแค่ไหนในการที่จะส่งผลการเจรจาที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากที่เราได้คุยกันก็เห็นว่าบรรยากาศดีขึ้น กัมพูชาเองก็มีความตั้งที่จะเปิดศักราชใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะจากปัญหาที่ผ่านมาทำให้การค้าขายหยุดชะงัก ดังนั้นก็คงต้องแยกเป็น 2 เรื่องคือ เรื่องที่เป็นข้อพิพาทก็ต้องว่ากันไปตามคณะกรรมการในการเจรจา ทั้ง 2 ประเทศก็คงต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเปิดจุดผ่านแดนซึ่งต่างก็เห็นด้วย และอาจจะต้องไปดูในจุดอื่นด้วยว่าจะมีพื้นที่ไหนอีกบ้าง ซึ่งต้องมีคณะทำงาน โดยกำหนดให้รมว.มหาดไทย ของทั้ง 2 ประเทศเป็นเจ้าภาพในการพูดคุยกันในรายละเอียด
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยเข้าไปช่วยตอนช่วงเขมรแตก แต่ไป ๆ มา ๆ ทำไมเขมรจึงมีบทบาทและอิทธิพลในการกำหนดทิศทางทางการเมืองของประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ ไหนคะ ยังไม่มี เขายังไม่ได้กำหนดทิศทางเลย ไม่ใช่หรอก ไม่มี วันนี้ต้องบอกว่ามันมีปัญหาอยู่ 2 ส่วน เรื่องแรกคือเราต้องทำงานในด้านของการเปิดศักราชใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเรื่องที่สอง เราก็ต้องมานั่งดูปัญหาเก่าว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง แล้วเราจึงจะนำเข้าไปในเรื่องใหม่ เพราะวันนี้เรายังคุยปัญหาเก่ายังไม่ลงตัว แล้วเราจะไปนำปัญหาใหม่อีก มันก็จะไม่จบซักที ยืนยันว่าเราจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมากำหนดทิศทาง และดิฉันเองเป็นคนไทยก็ต้องปกป้องและรักษาอธิปไตยของไทยและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เราจะทำงานอย่างตรงไป ตรงมาและโปร่งใส พร้อมแจงให้ประชาชนรับทราบ เราจะปฏิบัติตามกฎหมายและตามขั้นตอตทางการทูตอย่างถูกต้อง”นายกฯ กล่าว
**ฐิติมาแหลไม่รู้ 4.6 อ้างล่ามมีปัญหา
รายงานข่าวแจ้งว่า นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะขอไปตรวจสอบข่าวที่ฮุน เซน บอกกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า พื้นที่ 4.6ตร.กม.เป็นของกัมพูชา และจะไม่ยอมถอนทหาร เพราะเมื่อวานนี้มีปัญหาในเรื่องของการแปลความระหว่างการสนทนาเป็นอย่างมาก
รายงานระบุว่า ในเรื่องนี้ กัมพูชาใช้ล่ามคนดังกล่าวทุกครั้ง ที่มีการเยือนกัมพูชาของรัฐมนตรีหรือเจ้าหน้ารัฐบาลไทย เมื่อครั้งที่ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเยือนกัมพูชาในฐานะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ เดือนพ.ย. 2544 ก็ใช้ล่ามคนเดียวกันนี้ และไม่พบว่ามีปัญหาแต่อย่างใด ข้อสังเกตอีกประการ คือ การที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ สามารถให้รายละเอียดการหารือได้อย่างชัดเจน ไม่สะท้อนว่ามีปัญหาการแปลความอย่างมาก ตามที่ นางฐิติมา ฉายแสง กล่าวอ้าง
ก่อนหน้านี้ นางฐิติมา ฉายแสง ในฐานะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ขณะนั้น เคยอภิปรายในสภาฯ ว่า พื้นที่ 4.6ตร.กม. เป็นของกัมพูชามานานแล้ว และเรียกนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
**ปิดสภาฯ “เหลิม”จะไปหาฮุน เซน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสัมพันธ์กำลังจะดีขึ้น แต่ท่าทีของ สมเด็จ ฮุนเซน พูดตลอดเวลาว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของกัมพูชาว่า ที่ตนบอกว่าดีขึ้น เพราะมีความเข้าใจกันและคุยกันง่ายขึ้น
ทั้งนี้หลังจากนายกรัฐมนตรีเยือนกัมพูชาแล้ว ตนจะไปเยี่ยมสมเด็จ ฮุนเซน ซึ่งจะไปช่วงหลังปิดสภา ซึ่งตนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนายเตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา และผู้บัญชาการทหารกับตนก็ชอบพอกัน รองผู้บัญชาการทหารเรือก็เป็นเพื่อนกับลูกชายตน เขามากินข้าวที่บ้านประจำ เพราะมีความสัมพันธ์ส่วนตัว และจะหารือเกี่ยวกับนโยบายปราบยาเสพติด โดยเฉพาะการสกัดกั้นสารตั้งต้น โดยจะยึดแนวทางเจรจาเป็นหลัก
** มาร์คจี้ปูแจงให้ชัดปมไทย-เขมร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงให้ชัด ว่าประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับกัมพูชาจะดำเนินการอย่างไรแน่ ทั้งประเด็นเรื่องการถอนทหาร การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แนวทางการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชา และรัฐบาลไม่บอกถึงความชัดเจน ทั้งนี้ หากรัฐบาล จะเริ่มต้นทำงานด้วยการยืนยันกรอบเจรจา เอ็มโอยู ปี 44 ต้องผ่านขึ้นตอนของรัฐสภาก่อนตามกฎหมาย
**อัด "มาร์ค" อย่าวู่วามปลุกแก๊งกวนเมือง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงท่าทีต่อกัมพูชาให้ชัดเจน ว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไทยต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก ขณะเดียวกันเราก็ต้องปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่
“พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรจะเป็นของไทยหรือไม่ เรายังพูดไม่ได้ ก็ขนาดคนบอกจะทวงคืนผืนดินใต้ปราสาทพระวิหารมา 2 ปีกว่าก็ยังทำไม่ได้เลย ดังนั้นการให้ข้อมูลแบบเอามันส์ เพื่อหวังปลุกระดม อาจทำให้มีผลต่อศาลโลกได้ ความจริงถ้านายอภิสิทธิ์ ไม่วู่วาม ฟุ้งซ่าน ” นายอนุสรณ์ กล่าว
*“ทภ. 2”ยืนยันทหารยังไม่ปรับลด
พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายฮอ นำฮง รมว.ต่างประเทศ ออกมาระบุว่า ทหารกัมพูชาปรับลดกำลังทหารในพื้นที่ข้อพิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรว่าใน พื้นที่ข้อพิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ยังกำลังทหารไทย และ กัมพูชา ก็ยังไม่ได้มีการขยับใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ว่ามีข่าวว่าทางกัมพูชาจะมีการปรับลดทหารออกไปแล้วประมาณ 7 ครั้ง แต่ก็เป็นพื้นที่รอบนอกเท่านั้น
**"ทักษิณ" บินเข้าเขมรแล้ว
อีกด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บินเข้าประเทศกัมพูชาในช่วงบ่าย จะพำนักที่กัมพูชาระหว่างวันที่ 16 - 24 ก.ย. 2554 นี้ เพื่อร่วมการประชุม อนาคตเศรษฐกิจเอเชีย (Asian Economic Future Conference)
ทั้งนี้ จะขึ้นพูดให้ความรู้ในวันที่ 17 ก.ย. ที่อาคารวิมานสันติ สำนักนายกรัฐมนตรี กรุงพนมเปญ หลังจากนั้นจะหารือเป็นการส่วนตัวกับฮุนเซน และวันที่ 18 ก.ย. ฮุนเซนกับพ.ต.ท.ทักษิณจะออกรอบตีกอลฟ์ ก่อนที่ในวันที่ 24 ก.ย. จะมีการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างส.ส. และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางกัมพูชาและไทยที่สนามกีฬาโอลิมปิกพนมเปญ
โดยจะเข้าพักที่ที่นายกฯฮุน เซน จัดไว้ให้
**"ฮุนเซน" ป้องใครก็ห้ามมาจับ
ก่อนหน้านั้น ฮุน เซน กล่าวถึงการให้การต้อนรับทักษิณ ว่า “ผมจะเปิดสำนักนายกรัฐมนตรีต้อนรับ ผมรับทักษิณอย่างเป็นทางการ รับในนามเป็นมิตรแท้อย่างหนึ่ง และจะรับในฐานะวิทยากรคนหนึ่งสำหรับการสัมมนาเกี่ยวกับเศรษฐกิจเอเชีย แล้วขออย่ามาสั่งให้ผมจับทักษิณ ไม่ว่าพรรคฝ่ายค้านไทย ไม่ว่ารัฐบาลไทย คือไม่ได้เลย เพราะนี่เป็นดินแดนเขมร ที่เป็นสิทธิของผม” ฮุน เซน กล่าวต่อว่า “ทักษิณมาตามคำเชิญในการสัมมนาที่เตรียมการโดยราชบัณฑิตยสภากัมพูชา1 ที่มีพรรคประชาธิปไตยนิยมกลางสากล2 เข้าร่วมด้วย หรือกล่าวคือเขามาเป็นวิทยากรที่กัมพูชา ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผมจะไม่รับเขาที่บ้านของผม ผมจะรับเขาที่สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วจะมีการเลี้ยงรับรองที่สำนักนายกรัฐมนตรี”
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า การเดินทางไปเยือนของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการเดินทางไปตามคำเชิญของราชบัณฑิตสถานของกัมพูชา และเป็นการขึ้นรับเหรียญเกียรติยศจากองค์การรัฐสภาของเอเชียแปซิฟิกที่จัดงานขึ้นในประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้บรรยายเรื่องเศรษฐกิจในเอเชียและเศรษฐกิจโลกเท่านั้น
“พ.ต.ท.โททักษิณจะไม่ไปเจรจาเรื่องสัมปทานน้ำมันหรือแก๊สธรรมชาติ โดยเรียกร้องให้ประชาชนอย่ากังวลใจ เพราะเป็นการเดินทางตามปกติ”
ส่วนกรณีการช่วยเหลือ 2 คนไทยนายนพดล ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซ็นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่พูดคุยถึงเรื่องนี้
ขณะที่การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น นายนพดล ระบุว่า จุดยืนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทย ซึ่งศาลโลกจะเป็นผู้ตัดสินภายในเวลา 1-2 ปีว่าแท้จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศใด ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีจะให้วิธีการบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อนอย่างสันติ โดยจะใช้การเจรจาทางการทูต พร้อมทั้งมั่นใจว่าจะไม่มีการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายตามแนวชายแดน
** เสื้อแดงคึกคักเปพบนายใหญ่ที่กัมพูชา
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงหลายกลุ่ม ได้แสดงความต้องการที่จะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า วันที่ 24 ก.ย.นี้ตนจะเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน
ทั้งนี้คนเสื้อแดงอุดรฯประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่เป็นแกนนำในหมู่บ้าน อ้างว่าจะใช้ค่าใช้จ่ายกันเองรายละ 5,000 - 6,000 บาทในการเดินทาง
ขณะที่ ด่านพรมแดนอรัญประเทศ พบว่ามีรถยนต์หรู ยี่ห้อฮัมเมอร์ สีแดง ทะเบียนป้ายแดงได้ขับเข้ามาประสานขออนุญาตเดินทางออกไปกัมพูชาโดยได้นำเอกสารของรถยนต์และบุคคลมายื่นแสดงขออนุญาติออกนอกประเทศต่อด่านศุลกากรอรัญประเทศ และ ด่าน ตม.สระแก้ว
พบว่าบุคคลที่โดยสารมามีจำนวน 3 คน คือนายนพดล ปัทมะและภรรยา พร้อมด้วยคนขับรถ ซึ่งได้นำพาสปอร์ตมายื่นแสดงประทับตราออกนอกประเทศต่อมา มีคณะกลุ่ม นปช.จำนวน 50 คน นำโดยนางลัดดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีต สส.จว.พระเยา ได้มาติดต่อประสาน เพื่อขอนำคณะ นปช.พร้อมรถยนต์ตู้ เดินทางออกไปกัมพูชา
รายงานข่าวแจ้งว่ายังไม่มีการยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯจะอนุญาตให้กลุ่ม นปช.ไปพบที่พนมเปญ หรือ ที่ จ.เสียมราฐ
ด้านสำนักข่าว เกาะสันติภาพ อ้างว่า ช่วงเช้า ขบวนรถชาวไทย 2กลุ่มเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา ที่ด่านปอยเปต โดยเจ้าหน้าที่ด่านของกัมพูชาเปิดเผยว่า 2กลุ่มดังกล่าวแยกกันไป 2ทางกลุ่มหนึ่งเป็นคณะตัวแทนจาก จ.สระแก้ว ไปร่วมการประชุมที่ จ.เสียมราฐ ส่วนอีกกลุ่มเดินทางไปพนมเปญ เจ้าหน้าที่ระบุว่ากลุ่มหลังสังเกตเห็นมีรถยนต์ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ร่วมขบวน.