xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ทำใจ “รัฐบาลปู” เดินหน้าคุยประโยชน์ทับซ้อนไทย-เขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” ทำใจ รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินหน้าคุยผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลไทย-เขมร ย้ำ MOU 44 ต้องกำหนดกรอบให้ชัด หนุนนำเรื่องมาคุยกันบนโต๊ะ ข้องใจ “ฮุนเซน” กลับคำเปิดทางอภัยโทษ 2 คนไทย ไม่หวั่นโดนตบหน้า “ยิ่งลักษณ์” หิ้ว “วีระ-ราตรี” กลับบ้าน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา โดยนายซก อาน รองนายกฯ กัมพูชาออกมาระบุว่าอาจมีการเจรจาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า เรื่องของการเจรจาอย่างไรคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่กรอบการเจรจาว่าจะใช้กรอบใด อย่างในรัฐบาลที่แล้ว เมื่อเรามีความเห็นว่าเอ็มโอยู 2544 มีความไม่เหมาะสม รัฐบาลก็พยายามทำให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะกลับไปใช้ หรือทำกรอบขึ้นใหม่ แต่กระบวนการต้องผ่านขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ ถ้าจะมีการไปเจรจาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนท่าทีของรัฐบาลไทยและกัมพูชาจะเห็นในทางเดียวกันว่า เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลเป็นเรื่องเร่งด่วน และ รมว.ต่างประเทศก็รับว่า จะต้องเร่งเจรจา เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อถึงช่วงการเจรจาต้องมีกรอบให้ชัดเจนว่าจะหารือในกรอบไหน เราทุกคนมีหน้าที่ในการตรวจสอบว่ารัฐบาลได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ

ต่อข้อถามว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรที่จะแสดงบทบาทในฐานะผู้นำประเทศต่อกัมพูชาอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ฝ่ายไทยต้องยืนยันว่าเราอยากเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับกัมพูชาและอยู่ในครอบครัวอาเซียนด้วยกัน แต่ประเด็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน เช่นความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องเขตแดน ก็ควรที่จะหาทางปรับความเข้าใจกัน แต่ละประเทศก็ต้องรักษาสิทธิของชาติตัวเอง ไทยก็ควรยืนยันว่าการขึ้นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยพยายามใช้ความเป็นมรดกโลกเป็นเครื่องมือในการอนุมัติแผนบริหารจัดการพื้นที่ที่ถือว่าเป็นของเรา เราก็ไม่ยินยอม รวมถึงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่จะต้องมีทั้งประเด็นแหล่งผลประโยชน์ การกำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลจะต้องพูดให้ชัดว่าเรารักษาจุดยืนอย่างไร สิ่งเหล่านี้ไม่ควรที่จะให้มากระทบ ที่ผ่านมารัฐบาลที่แล้ว ความสัมพันธ์ทางการค้าก็ปกติ แม้ในช้วงที่ขัดแย้งก็มีการดำเนินกิจกรรมที่ไปได้ด้วยดี

“ผมคิดว่าถ้าวางทุกอย่างบนโต๊ะให้ชัดแล้วถามทางกัมพูชาว่าจะเอาอย่างไร ด้านหนึ่งบอกว่าอยากจะคุยกัน แต่อีกด้านก็รุกโดยใช้กลไกมรดกโลก ศาลโลกบ้าง ทำให้ไทยเราจำเป็นที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก” นายอภิสิทธิ์ระบุ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราคงจะไปคาดคั้นเพื่อให้ได้คำตอบทั้งหมดในการพบปะครั้งเดียวคงไม่ได้ว่าเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ แต่ก็คาดหวังที่จะให้รัฐบาลนี้จะยืนยันที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติไว้ และหากสามารถไปช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำคนไทยหัวใจรักชาติได้ เพราะทางกัมพูชาอยากจะแสดงไมตรีกับรัฐบาลนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้คนไทยทั้ง 2 ได้รับอิสรภาพ

ส่วนที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ออกมาระบุว่า หากมีการปล่อยตัวบุคคลทั้งสองจะเป็นการตบหน้ารัฐบาลพรีรคประชาธิปัตย์ เพราะสมัยที่เป็นรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราได้ใช้ความพยายามแล้ว ครั้งสุดท้ายได้ใช้แนวทางการขออภัยโทษ แต่สมเด็จฯ ฮุนเซนออกมายืนยันว่าฝ่ายบริหารไม่สามารถที่จะแทรกแซงได้ เพระมีระเบียบและกฎหมายของเขาว่าต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อนจึงจะได้รับการอภัยโทษ เราก็ท้วงติงไปว่ากรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ที่เคยติดคุกเช่นกัน เหตุใดจึงทำได้ แต่สมเด็จฯ ฮุนเซนก็ยืนยันว่าไม่อยากทำผิดซ้ำสอง เราก็บังคับเขาไม่ได้ ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องที่ทางกัมพูชามีระบบของเขาที่จะเปลี่ยนแปลงหรือจะไปแก้ไขระเบียบต่างๆ ที่ทำแล้วคนไทยได้ประโยชน์ก็ไม่มีปัญหา

“ที่กัมพูชาไม่พอใจรัฐบาลที่แล้ว ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องที่เราไม่ยินยอมที่จะให้เขามาบริหารจัดการพื้นที่ที่เป็นเขตของเรา ที่เขาคิดว่าสมัยรัฐบาลก่อนหน้านี้ยอมเขาแล้ว เขาก็ไม่พอใจตรงนี้ รัฐบาลที่แล้วก็ต้องยืนยันในการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม และพยายามเจรจา ซึ่งก็ช่วยคนไทยได้ทั้ง 5 คน โดยทั้งหมดมีข้อหาเดียว ส่วนอีก 2 คน มีเพิ่มอีกข้อหา” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดนทางบกว่าแนวทางเป็นอย่างไร เพราะการเจรจาก็ยังคาราคาซังอยู่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องตกผลึกในส่วนนี้ก่อนว่าจุดยืนเป็นอย่างไร และทางกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องเร่งหาข้อยุติกับหน่วยงานต่างๆ ความจริงภาระเร่งด่วน คือ การต่อสู้ทางกฎหมายในศาลโลก ในคดีหลักเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น