“กษิต” เตือน “ฮุนเซน” การมีความสัมพันธ์พิเศษกับ “นช.แม้ว” ผู้ต้องหาหนีคดี ถือเป็นการย่ำยีหัวใจคนไทย และไม่เคารพเกียรติภูมิกระบวนการยุติธรรมไทย ส่วน “ยิ่งลักษณ์” ที่ยืนยันต่อสภาฯ ไม่ช่วยพี่ชายก็ควรสั่งให้เจ้าหน้าที่ลากคอคนหนีคุกมารับโทษ รับ “เทือก” ถกผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลจริง แต่ไม่ใช่เจรจาลับ เป็นไปตามมติ ครม. ระบุนายกฯ เขมรผูกใจเจ็บ “รัฐบาลมาร์ค” ก้างขวางคอหลายเรื่อง
วันนี้ (14 ก.ย.) นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางไปกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เอกอัครราชทูตประจำกรุงพนมเปญ และเจ้าหน้าที่ของสถานทูตซึ่งมีฝ่ายทหารด้วยได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว คงทำได้ 2 อย่าง คือ ย้ำให้ทางกัมพูชาได้รับทราบถึงสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ และขอความร่วมมือในหลักปฏิบัติของมิตรประเทศที่ดีและเป็นสมาชิกอาเซียนด้วยกัน แต่ก็อยู่ที่ดุลพินิจของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯ กัมพูชาว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สถานทูตจะต้องรายงานกลับมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดที่เป็นเจ้าของในการแจ้งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดออกจดหมายอย่างเป็นทางการส่งมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งไปยังกัมพูชาเพื่อขอความร่วมมืออย่างเป็นทางการ
นายกษิตกล่าวว่า สมเด็จฯ ฮุนเซนควรให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย การจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับผู้หนีคดี เหมือนเป็นการไม่เคารพศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของไทยและกระบวนการยุติธรรมของไทย ดังนั้น การทำอะไรที่ย่ำยีหัวใจคนไทยอย่างโจ่งแจ้งโดยรัฐบาลใดก็ตาม ถือเป็นการสร้างความแตกแยก ทำลายความสัมพันธ์โดยใช่เหตุ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปต้อนรับบุคคลที่กระบวนการยุติธรรมของไทยต้องการตัว
“อยากจะคบหาสมาคมกับรัฐบาลไทยก็ว่าไปตามเนื้อผ้า แต่ไม่ต้องดำเนินการสองทางกับรัฐบาลและบุคคลที่กระบวนการยุติธรรมของไทยต้องการตัวอยู่ เพราะจะไม่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน จะมองแค่ความรู้สึกของบางส่วนไม่ได้ ต้องดูศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของคนไทยทั้ง 65 ล้านคนด้วย”
นายกษิตกล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันต่อสภาฯ ถึงการไม่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอให้พูดจริงทำจริง และต้องสั่งให้คนในรัฐบาลปฏิบัติให้ถูก ซึ่งในการเดินทางไปกัมพูชาต้องว่ากันตามเนื้อผ้า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเอาบุคคลที่หนีไปอยู่ต่างประเทศกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย รัฐบาลจะไปคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิดไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นไทยจะมีกระบวนการยุติธรรมและศาลได้อย่างไร ซึ่งหากรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการถือว่าไม่ถูกต้อง ยืนยันว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยไปตามล้างตามเช็ด พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทุกอย่างจะทำตามหน้าที่ โดยจะมีการโทรเลขแจ้งข้อความไป ซึ่งใช้เวลาประสานไม่ถึง 15 นาที
ส่วนที่สมเด็จฯ ฮุนเซนระบุว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ได้เข้าเจรจาลับผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่บ้านพักส่วนตัวของสมเด็จฯ ฮุนเซนนั้น นายกษิตกล่าวว่า ไม่มีคำว่าเจรจาลับ ตามหลักปฏิบัติการพูด จะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการกับไม่เป็นทางการ บางครั้งต้องไปจับเข่าคุยกันภายในก่อนจึงเข้าสู่การเจรจาบนโต๊ะอย่างเป็นทางการตามพิธีการ ซึ่งการเจรจาทั้งหมดเป็นประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ซึ่งในช่วงนั้นเมื่อเจรจาแล้วนายสุเทพก็กลับมารายงานให้น่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ โดยการทำหน้าที่ของนายสุเทพก็เป็นไปตามมติ ครม.ที่ตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยในเรื่องผลประโยชน์และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมเด็จฯ ฮุนเซนระบุว่านายสุเทพต้องการยกตัวเองขึ้นเจรจาเทียบชั้นสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกษิตกล่าวว่า ไม่จริง สมเด็จฯ ฮุนเซนจะพูดอะไรก็ได้ เพราะมีความรู้สึกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์หรือตนทำตัวเป็นปฏิปักษ์ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะแง่ความช่วยเหลือและการลงทุนต่างๆ ไทยก็ดำเนินการให้กับกัมพูชาหลายเรื่อง เราเป็นประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ ทุกอย่าง เป็นเรื่องของการเปิดใจเท่านั้นเอง ในการปะทะก็แค่เฉพาะจุด สมเด็จฯ ฮุนเซนอยากจะทะเลาะกับเราที่อาเซียนเราก็ไป ยูเนสโกเราก็ไป ยูเอ็น ศาลโลกเราก็ไป เพราะเราใช้การเจรจาเป็นตัวตั้ง ทั้งนี้เป็นเพราะเรามาเป็นรัฐบาลในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้แถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะและสมเด็จฯ ฮุนเซนได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา จึงเป็นปฏิกิริยาต่อการกระทำของสมเด็จฯ ฮุนเซนเอง จะมาโยนภาระความผิดให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ เพราะเรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ดังนั้นแม้เราจะแพ้เลือกตั้งไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่รัฐบาลนี้ก็ต้องปกป้องประโยชน์ประเทศ ทำเป็นกรอบเสนอต่อรัฐสภาเห็นชอบ โดยต้องยึดว่าเกาะกูดเป็นของไทย
“แม้สมเด็จฯ ฮุนเซนจะบอกว่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเพื่อนรักกัน แล้วจะมาพัวพันกันเรื่องประโยชน์ของชาติ ก็ถือเป็นความผิดของสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งมันคงรับไม่ได้ ฝ่ายค้านก็ต้องค้าน ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งยอมไม่ได้เด็ดขาด ให้ผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนครอบครัว ส่วนพรรคการเมืองมาพัวพันประโยชน์ชาติ ผมก็หวังว่ารัฐบาล 15 ล้านเสียงจะทำเพื่อเสียงของคนไทยทั้งหมด 65 ล้านคน”