xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” รับคุย “ซก อาน” จริง ตามมติ ครม.ยันไม่ใช่ความลับ ปัดฮั้วประโยชน์ทะเล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง (แฟ้มภาพ)
อดีตรองนายกฯ มั่นคง รับพบ “ซก อาน” ตามแถลงการณ์เขมรจริง อ้างมติ ครม.ให้ไปเจรจา เผยคุยแนวทางบริหารพื้นที่เขตแดนทั้งในทะเลและทางบก พร้อมแนะให้มาถกในไทยก่อนมีปัญหา ยันไม่ได้เป็นความลับ ปัดตกลงผลประโยชน์ ชี้ พท.ไปถกก็ต้องขอสภา อนุมัติ เชื่อข้าราชการไม่ยอมให้ไทยเสียเปรียบง่ายๆ


วันนี้ (31 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์ถึงแถลงการณ์องค์กรปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ที่ระบุว่านายสุเทพมีการเจรจาลับเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์มีประเด็นเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้มอบหมายเป็นมติที่ประชุม ครม.ให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบในการเจรจาประสานงานกับรัฐบาลกัมพูชาในกรณีต่างๆ ซึ่งตนได้เดินทางไปกัมพูชา 2 ครั้ง พบสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯ ครั้งหนึ่ง เจรจากันเรื่องที่ รับปากกับนายอภิสิทธิ์เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักโทษ หลังจากนั้นสมเด็จฯ ฮุนเซนได้ปล่อยนักโทษชาวมุสลิมไทยกลับมา 2 คนส่วนการเดินทางไปกัมพูชาครั้งที่ 2 ตนเป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปทำพิธีเปิดถนนที่รัฐบาลไทยได้ให้เงินช่วยไป คราวนั้น สมเด็จฯ ฮุนเซนได้บอกว่าวันนี้รองนายกฯ ซก อาน ไม่ได้มาด้วย แต่ได้บอกว่านายซก อาน จะเป็นผู้เจรจากับตนในเรื่องทั้งหลาย

นายสุเทพกล่าวว่า ตนได้พยายามติดต่อนัดหมายเชิญนายซก อาน มาประเทศไทย เพื่อจะได้คุยและเริ่มต้นนับหนึ่งการเจรจากันอย่างไร ท่านก็บอกว่ายังไม่สะดวกที่จะมาประเทศไทย ขอคุยนอกรอบก่อนได้ไหม นายซก อาน ได้ถามตนว่ามีโอกาสที่จะไปสิงคโปร์บ้างไหม ตนก็ได้บอกว่าตนไม่มีกำหนดการที่จะไป แต่จะไปฮ่องกง ดังนั้นเขาเองก็แจ้งกลับว่าจะไปขอพบที่ฮ่องกง และได้นั่งคุยกันว่าเราจะเป็นหัวหน้าคณะทั้ง 2 ฝ่าย โดยขอให้จัดการประชุมรอบแรก จะคุยกันในเรื่องที่ค้างคากันอยู่จากรัฐบาลก่อนๆ ซึ่งก็มีเรื่องการพัฒนาทรัพยากรในทะเลด้วย

นายสุเทพกล่าวต่ออีกว่า นายซก อาน ถือว่ามีประสบการณ์เคยคุยกับรัฐบาลก่อนๆ มาแล้วว่าได้คุยกับใครมาอย่างไร วางแนวทางขีดเป็นโซนๆ อย่างไร ด้านที่อยู่ติดประเทศก็จะให้ประเทศไทยได้ประโยชน์มาก ด้านที่อยู่กับกัมพูชา กัมพูชาก็จะได้ประโยชน์มาก ตรงกลางแบ่งครึ่งๆ ยกมาอธิบายให้ตนฟัง แต่ว่าท่านก็บอกว่าความเห็นส่วนตัวอยากจะแบ่งเป็นตารางหมากรุก แล้วจับฉลากว่าใครได้ตรงไหนอย่างไร จะได้ไปบริหารจัดการได้ ตนได้บอกนายซกอาน ว่าทั้งหมดต้องไปเจรจากันที่ประเทศไทย ให้ไปทำการบ้านมา เพราะตนทราบว่าท่านมีอะไรในใจ ซึ่งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยก็มีการกำหนดกรอบ และตนต้องทำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภา เพื่อขออนุมัติหากอนุมัติในกรอบที่กล่าวไปก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และนอกจากนั้นมีเรื่องการขอบริหาร ตนได้บอกว่าถ้าเราคิดถึงเรื่องที่จะร่วมมือพัฒนาพื้นที่ น่าจะเอาบริเวณรอบๆ เขาพระวิหาร มาทำในลักษณะเดียวกัน คือเป็นความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ

นายสุเทพกล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางกลับไทยก็ได้ทำหนังสือเป็นทางการ เชิญนายซก อาน ให้มาร่วมประชุมที่ไทย ไม่ทันได้มีความก้าวหน้าก็เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดี และมีการยกเลิกเอ็มโอยูก่อน จนทุกวันนี้หนังสือเชิญก็ยังเปิดอยู่ ส่วนครั้งที่ 2 ตนได้รับเชิญพร้อมเพื่อนอีกหลายคนไปประชุมที่คุนหมิง ประเทศจีน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนในงานดังกล่าว นายซก อาน เป็นตัวแทนกัมพูชาก็มีการนัดคุยกัน แต่ถามทุกข์สุขเพราะความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาไม่ค่อยดี ส่วนที่ว่าลับไม่เปิดเผยเพราะ 2 ประเทศหงุดหงิดกันอยู่นั้น ตามมารยาทคนรู้จักกันก็ได้พบกัน ตนยังได้กล่าวฝากความรำลึกไปถึงสมเด็จฯ ฮุนเซนด้วย ยังยืนยันว่าประเทศไทยต้องการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของ 2 ประเทศด้วยวิธีการเจรจา สะดวกเมื่อไหร่ก็นัดมา ไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพ ทั้งหมดมีเท่านี้

นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ไปตำหนิกับการออกมากล่าวหาในเรื่องนี้เพราะไม่เห็นแถลงการณ์ตัวจริงว่าใครแถลง และแถลงว่าอย่างไร และคิดว่าไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะเวลาจะเจรจาเรื่องสำคัญของบ้านเมืองก็ต้องมีการคุยกันนอกรอบก่อน และเรื่องต่างหากมีการเจรจาก็จะไม่เป็นเรื่องลึกลับ เพราะไม่มีทางที่จะไปทำกันอย่างลับๆ คงไม่ได้ ในเรื่องการตกลงเรื่องผลประโยชน์นั้นคงทำไม่ได้ด้วย ถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลเวลาไปเจรจานอกรอบกันอย่างไรก็ตามใจแต่ว่าถึงเวลาก็ต้องมาขออนุมัติต่อรัฐสภาว่าจะเจรจาในประเด็นใดบ้างอย่างไร และเมื่อถึงวันนั้นเราก็มีโอกาสสอบถามได้

เมื่อถามว่า ในแถลงการณ์ดูเหมือนมีการระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปกล่าวหาทางรัฐบาล เพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์อาจมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์มากกว่าจึงมีการเจรจาในทางลับ อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า หากมีการกล่าวหาแบบนี้ก็คงต้องตอบโต้ แต่ขณะนี้คงยังไม่รีบตอบโต้ เพราะยังไม่เห็นคำแถลงการณ์ หากเห็นเป็นแถลงการณ์ธรรมดาก็คงโอเค แต่ถ้าพูดแล้วทำให้ตนเสียหาย ก็ต้องต่อว่าทำอย่างนี้แปลว่าอะไร แต่ตนไม่คิดจะไปกล่าวหารัฐบาลปัจจุบันในเรื่องอะไร เพียงแต่ว่าคนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมองว่าหากเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนไปเจรจาซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีสถานภาพที่รัฐบาลมอบหมายให้เป็นตัวแทนไปเจรจาอย่างเป็น กิจจะลักษณะ

“ผมและพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ พื้นที่ที่เราอ้างว่าเป็นของเรา เขาก็อ้างว่าเป็นของเขานั่นคือการทับซ้อน ที่เป็นเรื่องที่ต้องเจรจากัน การไปเจรจาเรื่องอย่างนี้ ไม่มีทางที่ใครจะไปทำให้เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัวได้ เพราะต้องให้สาธารณชนรับรู้ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อรัฐบาลในขณะนั้นมีการแขวนเอ็มโอยูไปแล้ว ทำไมตั้งท่านมาเป็นประธานในการพิจารณาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลกลับมาอีก นายสุเทพกล่าวว่า การมอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าคณะของประเทศไทยในการเจรจากับประเทศกัมพูชาเกิดขึ้นตั้งแต่ตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ตนรู้จักกับสมเด็จฯ ฮุนเซน มาก่อนที่จะมาเป็นรัฐบาล เคยเดินทางไปพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เพราะเคยกังวลใจมาก่อนแล้วตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านว่าวันหนึ่งสองประเทศอาจจะมีปัญหาได้ ตอนที่ไทยจัดการประชุมที่หัวหิน สมเด็จฯ ฮุนเซน ดูเหมือนจะไม่มา ตนก็เป็นคนโทร.ไปขอร้องให้มา ท่านก็มาถึงเป็นคนแรก และตนยังเอาไวน์ไปฝาก เป็นเรื่องปกติ จากนั้นนายกฯ ก็ได้สั่งว่าต่อไป หากมีปัญหากับกัมพูชามอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าคณะไปเจรจาก็เป็นมติ ครม.ออกมา แต่เจรจาได้หนสองหนก็มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น

เมื่อถามย้ำว่า มีการแขวนเอ็มโอยูปี 2544 แล้ว ทำไมยังให้นายสุเทพเป็นหัวหน้าคณะกลับไปเป็นประธานการประชุม พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (เจดีอี) อีกครั้ง นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ใช่ และการเป็นหัวหน้าคณะการเจรจาหมายความว่า เวลาตนไปพุดคุยเรื่องอะไร ทางประเทศไทยจะให้ตนไป ให้ตนเป็นคนติดต่อ แต่หลังเลิกเอ็มโอยูแล้วก็ไม่มีการตั้งตนเป็นอะไรแล้ว ไม่ทราบเลยเรื่องที่ตนเป็นหัวหน้าคณะการประชุมเจดีอี การที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นจนถึงมีการเรียกทูตกลับ มีการแขวนเอ็มโอยูไว้ คิดว่าเป็นขั้นตอนของการแสดงออกทางความสัมพันธ์ว่าระดับความสัมพันธ์ตึงเครียด แต่ในส่วนของตนมีหน้าที่ว่าทำอย่างไรให้เขาดีกันให้ได้ 2 ประเทศต้องดีกัน ตนก็ต้องพยายามหาทางให้เขาพูดคุยกัน เวลาสมเด็จฯ ฮุนเซน มาประเทศไทยแต่ละครั้งตนก็ต้อนรับขับสู้ดูแลทำไปตามหน้าที่ และตนยินดีอย่างยิ่งถ้าความสัมพันธ์ระกว่างไทยกับกัมพูชาดีกันได้ เพราะถ้าสัมพันธ์ไม่ดีเกิดความตึงเครียดชายแดนยิงกัน ประชาชนก็เดือดร้อน อะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นก็ต้องทำ

“ผมสนับสนุนเรื่องในทะเล เพราะเรามีทรัพยากรในทะเล 2 ประเทศควรจะร่วมมือกันพัฒนาเอามาใช้ประโยชน์ไม่ต้องทะเลาะกัน เราเคนมีตัวอย่างที่เคยทำมาแล้วเช่น มาเลเซีย และ เวียดนาม กับกัมพูชาคงต้องเดินหน้าต่อไป แนวทางการเจรจาจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ทีมการเจรจา ทั้ง 2 ฝ่าย และจุดยืนของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะทำไอย่างไร ที่ผมเล่าใฟห้ฟังคือแต่ละฝ่ายแต่ละความคิดเห็นเป็นอย่างไร” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องการประกาศพื้นที่ทับซ้อนที่ทางไทยอาจจะเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่มี เพราะเจ้าหน้าที่ของไทยไม่ว่า กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการเจรจาไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบง่ายๆ อย่าไปกังวลใจ ไม่มีใครไปทำให้เสียหายได้
กำลังโหลดความคิดเห็น