“ปานเทพ” ระบุเขมรแฉมีเหตุผลน่าเชื่อถือ วิเคราะห์เงื่อนเวลาชวนเชื่อทุกอย่างเหมือนวางแผนล่วงหน้าไว้ เตือนเดินหน้าต่อเสียเปรียบปล่อยเขมรโกงพื้นที่ทับซ้อน เหน็บเหตุกระสันผ่านเจบีซี 3 ฉบับ ต้องการสวมตอต่อจากรบ. ทักษิณ ใช่หรือไม่
วันที่ 30 ส.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อสายผ่านรายการ News Hour ออกอากาศทางสถานี ASTV ถึงกรณีเขมรออกมาแฉว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไปเจรจาลับกับฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึง นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าก่อนอื่นเรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงที่แน่ชัดว่า สิ่งที่เขมรแถลงเป็นข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องรอให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาชี้แจงก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากไม่จริงนายสุเทพต้องออกมาแถลง แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง แสดงว่าทางเขมร คงจะงงว่าทำไมที่ผ่านมา รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ พยายามเจรจาเรื่องผลประโยชน์ในอ่าวไทยตลอด อยู่ดีๆต่อมาถึงให้สมาชิกในพรรค ยกมือถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทั้งนี้ หากเราเอาเงื่อนเวลามาต่อเป็นจิ๊กซอว์จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เริ่มจากวันที่ 27 มิ.ย. 2552 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเจอฮุนเซนอย่างเป็นทางการ ต่อมาวันที่ 1 ส.ค. 2552 นายสุเทพแอบไปพบกับ ซก อาน ที่ฮ่องกง อีก 3 เดือนถัดมา ครม.ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีมติให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 แต่ไม่มีการแจ้งให้เขมรทราบว่ายกเลิกเอ็มโอยู 2544 หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2553 นายสุเทพไปเจรจาลับกับซก อาน รอบที่สองที่คุนหมิง ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ ครม.จะให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 แล้ว แต่นายสุเทพยังรุกคืบไปเจรจาเรื่องผลประโยชน์ในอ่าวไทยต่อ
นายปานเทพกล่าวอีกว่า หลังจาก ครม.มีมติให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ได้ข่าวว่า ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน ถามนายกษิต ภิรมย์ ในสภาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2544 ถึงการจัดการยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ซึ่งได้คำตอบว่า “ตั้งเป้าให้เสร็จก่อนสิ้นปี ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออีก 2-3 เดือน” ที่น่าตกใจต่อมาวันที่ 25 พ.ย. 2553 ครม.ตั้งนายสุเทพ เป็นประธานเทคนิคร่วมในการเจรจาผลประโยชน์ร่วมในอ่าวไทย ด้วยเหตุนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะสงสัยในมติครม. ที่ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 เป็นเพราะเห็นว่าไทยเสียประโยชน์ หรือเป็นแค่การเคาะกะลากันแน่ อีกอย่างเมื่อรู้อยู่แล้วว่ามีมติครม.จะยกเลิกเอ็มโอยู 2544 แล้วเหตุใดนายสุเทพ ต้องไปเจรจาต่อแถมบอกจะจบเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลให้ได้
เมื่อย้อนมองเงื่อนไขเวลาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2553 จึงไม่แปลกใจเลยถึงเหตุผลที่ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ พยายามเอาเจบีซีทั้ง 3 ฉบับผ่านสภาให้ได้ จึงได้เห็นภาพพยายามแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 จากเดิมเคยเข้าใจว่าเรื่องของความคลาดเคลื่อน แต่เมื่อมองเงื่อนเวลาแล้วย่อมสงสัยได้ว่า ทั้งหมดมีการวางแผนไว้แล้วทั้งสิ้น หากถามว่าถ้าปล่อยให้มีการเจรจาต่อไปผลจะเป็นอย่างไร ไทยได้หรือเสียผลประโยชน์ เห็นชัดเจนพื้นที่ที่อ้างสิทธิของเขมร เรียกร้องสิทธิทับซ้อนมากเกินความเป็นจริง
“หากสิ่งที่ ซก อาน พูดเป็นความจริง และนายสุเทพไม่ปฏิเสธ แสดงว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีความจริงใจยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ต้องการใช้เป็นเครื่องมือเอาไว้เจรจาผลประโยชน์ต่อไป ซ้ำร้ายยังส่งต่อพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเกินความเป็นจริงให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปสวมตอต่อ”
นายปานเทพกล่าวว่า น่าเศร้า ตกลงแล้วเราจะพึ่งนักการเมืองฝั่งไหนจัดการปัญหาเอ็มโอยู 2544 ได้บ้าง คงหวังยาก ดังที่เราพูดบนเวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ตลอดว่า รัฐบาลนี้สวมตอต่อ ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เป็นความจริงหรือไม่จากการยืนยันของ ซกอาน อย่างไรก็ดีหากเป็นเรื่องจริง ต้องขอความรับผิดชอบจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ตกลงต้องการสวมตอต่อจากรัฐบาลทักษิณ ใช่หรือไม่