ASTVผู้จัดการรายวัน-“ปู” เดินหน้าบี้ “เทือก” สั่ง "สุรพงษ์" ตั้งกรรมการสอบเจรจาลับพลังงานเขมร โวเตรียมสานต่อแต่ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่ซ้ำรอย ปชป. อ้างเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมต้องเดินตามรอยรัฐบาลนายใหญ่ โดดป้องไร้ธุรกิจพลังงานในเขมร ด้าน“เหลิม” เย้ยจะถก “ฮุนเซน”เอง เจรจาปล่อยตัว วีระ-ราตรี
วานนี้ (1 ก.ย) นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลี่ยมกัมพูชา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีความเป็นห่วงเรื่องนี้ในประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลว่า ประชาชนอาจจะเกิดข้อสงสัยจึงได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยเฉพาะเนื้อหาในแถลงการณ์ที่ระบุเป็นเรื่องของกัมพูชากับรัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่บ่งบอกว่าเป็นการเจรจาในลักษณะทางลับ โดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า การเจรจาใดๆ ของทุกรัฐบาล ควรจะมีขั้นตอนมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้อย่างแท้จริงในหลักการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รูปแบบแนวคิดของรัฐบาลชุดนี้ ในการไปเจรจามีลักษณะแบบเดียวกันหรือไม่ นางฐิติมา กล่าวว่า คงต้องเป็นการเจรจาลักษณะเปิดเผยแน่นอนเหมือนอย่างที่ รัฐบาลชุดก่อนๆ หน้านี้ เหมือนกับรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ทำ เพราะว่าความโปร่งใสมันเป็นสิ่งที่ตรวจสอบได้ เราคงไม่ให้ไปทำในทางลับเหมือนอย่างกับที่รัฐบาลชุดที่แล้วที่เขาถูกกล่าวหากัน ซึ่งทางลับมันก็แสดงว่า มีอะไรหรือเปล่า มีผลประโยชน์อะไรทับซ้อนตรงนั้น แต่ว่าในที่ประชุมรัฐสภา ตอนแถลงนโยบาย ก็มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ มาพูดเรื่องนี้ ประชาชนก็สงสัยกันมาก สังคมก็สงสัยตรงนี้ นายกรัฐมนตรีเลยบอกว่า ต้องบอกกับพี่น้องประชาชน ย้ำในจุดยืนแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เมื่อถามว่ามีกรอบเวลาหรือไม่ในการให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบเรื่องนี้ นางฐิติมา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยกันในเรื่องเวลาแต่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าจะต้องมีการตรวจสอบในทันที เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นเรื่องทีผลประโยชน์ประเทศชาติของเรา โดยแนวทางเบื้องต้นที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็คือให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริงอีกมากมาย
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเจรจาเรื่องนี้ ในพื้นที่เดียวกัน นางฐิติมา กล่าวว่า ท่านทักษิณ ยืนยันว่าท่านไม่ได้มีธุรกิจเรื่องนี้เลย ทั้งทราบจากข่าวและผู้ใหญ่ทีเคยพูดกันอยู่ว่า ท่านไม่มีธุรกิจตรงนี้เลย ขอยืนยัน เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทางพรรคเพื่อไทย และผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยด้วย
นางฐิติมา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่จะไปเยือนกัมพูชาในเร็วๆนี้ รวมทั้งประเทศลาว และประเทศอาเซียนต่าง แต่เนื่องจากว่าระยะเวลาในการบริหารงานรีบเร่ง และมีงานมาก คงไม่ได้มีการไม่ได้มีการค้างคืนแต่อย่างใด
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายากรฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโต้ว่าไม่มีการเจรจาทางลับเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลกับทางกัมพูชา ตามที่องค์กรปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชาระบุว่า เขาแถลงมาแล้วจะทำอย่างไร ก็แค่เอาหน้าไว้บนคอเท่านั้น ยังออกมาปฏิเสธอีก ตนไม่พูด แต่คิดว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนอาเซียนและประเทศกัมพูชาแล้ว ตนจะไปพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะมีช่องทางจะไปเจรจาช่วยนางวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เพราะนายวัน อยู่บำรุง บุตรชายของตนเป็นเพื่อนกับรองผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา
ซึ่งเป็นบุตรชายของนายเตีย วิน ผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา ซึ่งสนิทกับตนและคุยโทรศัพท์กับประจำ จึงจะอาศัยช่องทางนี้ไปช่วยทั้งสองคนกลับมา แต่จะหลังจากที่นายกฯไปเยือนจากนั้นจะขออนุญาตนายกฯเดินทางไปคุยเรื่องนี้ แต่จะไปเจรจาก่อนที่นายกฯจะไปไม่ได้ ผิดมารยาททางการทูตและการเมือง
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งอีเมล์ถึงสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ "จดหมายถึงพี่น้องชาวไทย กรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล…ความจริงที่ท่านควรรู้" มีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ สร้างเรื่องเท็จเพื่อให้คนไทยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชาในน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยมีสัมปทานน้ำมันและก๊าซแม้แต่หยดเดียว
2.นายอภิสิทธิ์พยายามสร้างความเคลือบแคลงในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างรายงานของวิกีลีกส์ที่ว่าการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกือบจะสำเร็จในปลายปี 2548 เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน แต่เป็นเรื่องการเจรจาของ 2 ประเทศโดยเปิดเผยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน กองทัพ ไม่ได้เป็นการเจรจาลับ และการเจรจาก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตกลงในหลักเกณฑ์การแบ่งสัดส่วนน้ำมันและก๊าซไม่ได้
3.ประเด็นที่พี่น้องคนไทยควรรับทราบก็คือ ประมาณปลายปี 2552 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ขู่กัมพูชาว่าจะยกเลิกบันทึกความเข้าใจเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (MOU 2544) แต่ก็ไม่เคยเสนอสภาให้ยกเลิกตามกฎหมายเลยจนกระทั่งหมดอายุรัฐบาล นับว่าเป็นการทำงานด้านต่างประเทศที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก คือได้แต่ขู่ แต่ไม่ทำจริงๆ
คำถามก็คือทำไมนายอภิสิทธิ์จึงส่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไปเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา ในเดือนกรกฎาคม 2553 ภายหลังการประกาศที่จะยกเลิก MOU 2544 และทำไมจึงเป็นการเจรจาและประชุมลับ
ให้กำลังใจ"อาปู"ตั้งใจทำงาน
ภายหลังการแถลงข่าว This?s My Future 2011 เอม-พินทองทา และ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า คุณพ่อสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ส่วนสุขภาพใจอาจจะไม่ดีนัก ก็เหมือนคนอยู่ไกลบ้านที่จะคิดถึงลูกเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากได้มาอยู่กับลูกก็จะมีความสุขมาก ในฐานะที่เป็นลูกเองก็พยายามให้กำลังใจคุณพ่อ ให้พ่อสู้ต่อไป ส่วนอาปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เอง พ่อก็ฝากกำลังใจมาให้ตลอด
วานนี้ (1 ก.ย) นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลี่ยมกัมพูชา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีความเป็นห่วงเรื่องนี้ในประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลว่า ประชาชนอาจจะเกิดข้อสงสัยจึงได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยเฉพาะเนื้อหาในแถลงการณ์ที่ระบุเป็นเรื่องของกัมพูชากับรัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่บ่งบอกว่าเป็นการเจรจาในลักษณะทางลับ โดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า การเจรจาใดๆ ของทุกรัฐบาล ควรจะมีขั้นตอนมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้อย่างแท้จริงในหลักการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รูปแบบแนวคิดของรัฐบาลชุดนี้ ในการไปเจรจามีลักษณะแบบเดียวกันหรือไม่ นางฐิติมา กล่าวว่า คงต้องเป็นการเจรจาลักษณะเปิดเผยแน่นอนเหมือนอย่างที่ รัฐบาลชุดก่อนๆ หน้านี้ เหมือนกับรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ทำ เพราะว่าความโปร่งใสมันเป็นสิ่งที่ตรวจสอบได้ เราคงไม่ให้ไปทำในทางลับเหมือนอย่างกับที่รัฐบาลชุดที่แล้วที่เขาถูกกล่าวหากัน ซึ่งทางลับมันก็แสดงว่า มีอะไรหรือเปล่า มีผลประโยชน์อะไรทับซ้อนตรงนั้น แต่ว่าในที่ประชุมรัฐสภา ตอนแถลงนโยบาย ก็มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ มาพูดเรื่องนี้ ประชาชนก็สงสัยกันมาก สังคมก็สงสัยตรงนี้ นายกรัฐมนตรีเลยบอกว่า ต้องบอกกับพี่น้องประชาชน ย้ำในจุดยืนแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เมื่อถามว่ามีกรอบเวลาหรือไม่ในการให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบเรื่องนี้ นางฐิติมา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยกันในเรื่องเวลาแต่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าจะต้องมีการตรวจสอบในทันที เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นเรื่องทีผลประโยชน์ประเทศชาติของเรา โดยแนวทางเบื้องต้นที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็คือให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริงอีกมากมาย
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเจรจาเรื่องนี้ ในพื้นที่เดียวกัน นางฐิติมา กล่าวว่า ท่านทักษิณ ยืนยันว่าท่านไม่ได้มีธุรกิจเรื่องนี้เลย ทั้งทราบจากข่าวและผู้ใหญ่ทีเคยพูดกันอยู่ว่า ท่านไม่มีธุรกิจตรงนี้เลย ขอยืนยัน เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทางพรรคเพื่อไทย และผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยด้วย
นางฐิติมา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่จะไปเยือนกัมพูชาในเร็วๆนี้ รวมทั้งประเทศลาว และประเทศอาเซียนต่าง แต่เนื่องจากว่าระยะเวลาในการบริหารงานรีบเร่ง และมีงานมาก คงไม่ได้มีการไม่ได้มีการค้างคืนแต่อย่างใด
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายากรฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโต้ว่าไม่มีการเจรจาทางลับเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลกับทางกัมพูชา ตามที่องค์กรปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชาระบุว่า เขาแถลงมาแล้วจะทำอย่างไร ก็แค่เอาหน้าไว้บนคอเท่านั้น ยังออกมาปฏิเสธอีก ตนไม่พูด แต่คิดว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนอาเซียนและประเทศกัมพูชาแล้ว ตนจะไปพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะมีช่องทางจะไปเจรจาช่วยนางวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เพราะนายวัน อยู่บำรุง บุตรชายของตนเป็นเพื่อนกับรองผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา
ซึ่งเป็นบุตรชายของนายเตีย วิน ผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา ซึ่งสนิทกับตนและคุยโทรศัพท์กับประจำ จึงจะอาศัยช่องทางนี้ไปช่วยทั้งสองคนกลับมา แต่จะหลังจากที่นายกฯไปเยือนจากนั้นจะขออนุญาตนายกฯเดินทางไปคุยเรื่องนี้ แต่จะไปเจรจาก่อนที่นายกฯจะไปไม่ได้ ผิดมารยาททางการทูตและการเมือง
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งอีเมล์ถึงสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ "จดหมายถึงพี่น้องชาวไทย กรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล…ความจริงที่ท่านควรรู้" มีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ สร้างเรื่องเท็จเพื่อให้คนไทยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชาในน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยมีสัมปทานน้ำมันและก๊าซแม้แต่หยดเดียว
2.นายอภิสิทธิ์พยายามสร้างความเคลือบแคลงในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างรายงานของวิกีลีกส์ที่ว่าการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกือบจะสำเร็จในปลายปี 2548 เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน แต่เป็นเรื่องการเจรจาของ 2 ประเทศโดยเปิดเผยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน กองทัพ ไม่ได้เป็นการเจรจาลับ และการเจรจาก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตกลงในหลักเกณฑ์การแบ่งสัดส่วนน้ำมันและก๊าซไม่ได้
3.ประเด็นที่พี่น้องคนไทยควรรับทราบก็คือ ประมาณปลายปี 2552 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ขู่กัมพูชาว่าจะยกเลิกบันทึกความเข้าใจเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (MOU 2544) แต่ก็ไม่เคยเสนอสภาให้ยกเลิกตามกฎหมายเลยจนกระทั่งหมดอายุรัฐบาล นับว่าเป็นการทำงานด้านต่างประเทศที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก คือได้แต่ขู่ แต่ไม่ทำจริงๆ
คำถามก็คือทำไมนายอภิสิทธิ์จึงส่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไปเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา ในเดือนกรกฎาคม 2553 ภายหลังการประกาศที่จะยกเลิก MOU 2544 และทำไมจึงเป็นการเจรจาและประชุมลับ
ให้กำลังใจ"อาปู"ตั้งใจทำงาน
ภายหลังการแถลงข่าว This?s My Future 2011 เอม-พินทองทา และ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า คุณพ่อสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ส่วนสุขภาพใจอาจจะไม่ดีนัก ก็เหมือนคนอยู่ไกลบ้านที่จะคิดถึงลูกเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากได้มาอยู่กับลูกก็จะมีความสุขมาก ในฐานะที่เป็นลูกเองก็พยายามให้กำลังใจคุณพ่อ ให้พ่อสู้ต่อไป ส่วนอาปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เอง พ่อก็ฝากกำลังใจมาให้ตลอด