นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเราปรองดองกันและทุกอย่างยุติกันได้ พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะเดินทางกลับมาได้ เพราะถ้าเรามองแต่อดีตเราจะไปไม่ถึงอนาคต วันนี้ประเทศไทยต้องมองอนาคต เพราะต่างประเทศมีความมั่นใจในการเมืองของไทยขณะนี้จึงถึงเวลาที่เราควรก้าวไปด้วยกันและสร้างประเทศให้เจริญ
ครับ การให้สัมภาษณ์แบบนี้เท่ากับว่าแนวทางปรองดองที่กำลังเป็นประเด็นที่เรียกร้องกันอยู่ทุกวันนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อทักษิณจะได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอย่างแน่ชัด และทำให้เห็นว่า นี่คืออีกเป้าหมายหนึ่งควบคู่ไปกับความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ทักษิณไม่ต้องโทษอีกด้วย นับเป็นการวางหมากการเมืองรองรับอดีตนายกรัฐมนตรีโดยแท้จริงในยามที่พรรคเพื่อไทยกำลังมีอำนาจ
นายสุรพงษ์ยังให้ความเห็นต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นถึงอย่างไรก็ต้องกลับมาประเทศไทย และเรื่องคดีต่างๆ ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกันต้องมีความเป็นธรรม เพราะทุกประเทศรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณเป็นการรังแกทางการเมืองซึ่งสังคมโลกไม่ยอมรับ
นักข่าวถามนายสุรพงษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับประเทศไทยได้ต่อเมื่อมีการออก พ.ร.บ.ปรองดองแล้วใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่าตอนนี้คงจะมีการนำเรื่อง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งอาจผ่านทางนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คปอ.) นักข่าวถามต่อว่าแสดงว่าจะออกพ.ร.บ.ปรองดองภายใน ๓-๔ เดือนใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ตอบว่า เชื่อว่าน่าจะออกได้ เพราะตนเห็นว่าไม่มีอะไรติดขัดและประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการเกิดความปรองดอง
ต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ประกาศจะใช้ช่วงเวลาปีมหามงคลเดินทางกลับไทยภายในปลายปีนี้ ซึ่งอาจจะใช้แนวทางขอพระราชทานอภัยโทษว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ต้องให้พ.ต.ท.ทักษิณมามอบตัวรับโทษแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ ถ้าออกเป็นพ.ร.บ.ปรองดองทุกภาคส่วนได้หมดท่านมีสิทธิที่จะเดินทางกลับ เพราะเป็นคนไทยและสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกเป็นอำนาจจากการปฏิวัติ คตส. คนรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง รู้กันทั้งโลกว่าเป็นศัตรูกับพ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน เมื่อคตส.เริ่มต้นไม่ถูก ผลของคตส.ก็ไม่ถูกแล้วทำไมพรรคฝ่ายค้านถึงชอบเหลือเกิน ถ้าเป็นการดำเนินคดีธรรมดาไม่มีการปฏิวัติ ไม่ตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมา มันก็ยังพอรับกันได้ ตนไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น ขนาดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.เขายังรู้สึกตัวแล้วว่าไอ้ที่ทำมามันไม่ถูกไม่ชอบ ตนไปปราศรัยตั้งแต่ปี ๕๒ มีตนคนเดียวที่ประกาศว่าอยากให้ท่านกลับบ้านเพราะไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า “ผมคิดในฐานะนักกฎหมาย ถ้าทำอย่างอื่นไม่มีทางสำเร็จ ต้องเสนอเป็นร่างพ.ร.บ.ปรองดองเท่านั้นแล้วให้สภาฯ ตัดสินแล้วโหวตกัน แพ้คุณต้องยอมรับและการเขียนพ.ร.บ.ปรองดองต้องเขียนในภาพรวมอย่าไปเขียนรายละเอียด ไประบุตัวบุคคลคนหนึ่งคนใดได้ประโยชน์ก็ไม่ได้ ไปยกเว้นคนหนึ่งคนใดให้ไม่ได้รับประโยชน์ก็ไม่ได้ ทุกภาคส่วนต้องได้รับความเป็นธรรมที่มีผลกระทบจากการปฏิวัติและทั้งหมดต้องผ่านสภาฯ มันถึงจะแข็งแรง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศกัมพูชาว่า ตนกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ทั้งหมดจากพรรคเพื่อไทย ได้สนทนากับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งท่านไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่บอกว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับประเทศไทย อยากทำประโยชน์ให้ประชาชน เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้ขยายความหรือไม่กับสิ่งที่บอกว่าอยากกลับเมืองไทยในปีมหามงคลปีนี้จะกลับมาแนวทางใด นายณัฐวุฒิตอบว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดตลอดคืออยากกลับมาบ้านเกิด แต่วิธีการรายละเอียดไม่ได้อยู่ที่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว แต่อยู่ที่สถานการณ์ของประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณเป็นชะตากรรมทางการเมือง ฉะนั้นปัจจัยในการพิจารณาเดินทางกลับประเทศจะต้องดูปัจจัยทางการเมืองเป็นด้านหลัก ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเห็นว่าแม้ชะตากรรมตนเองจะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่า จะเอาชะตากรรมตัวเองนำหน้าชะตากรรมของประเทศ คำว่าปรองดองหมายถึงทั้งหมดที่เป็นคนไทย แต่ใครบ้างจะได้รับความยุติธรรมจากการปรองดองถือเป็นเรื่องรอง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่าคนที่ออกไปพบพ.ต.ท.ทักษิณก็ไปด้วยความรัก ความคิดถึงและก็ทำกันมายาวนานเป็นปกติ คดีความที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีต้นรากมาจากการเมืองไม่ใช่อาชญากรอะไร เทียบกันไม่ได้เลยกับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอดีตนายกฯไปงานแต่งงานของครอบครัวส.ส.คนหนึ่งและไปยืนถ่ายรูปโดยไปยืนถ่ายรูปกับแม่ส.ส.คนนั้นที่มีคดีฉ้อโกงธนาคารหลายพันล้านบาทแล้วหลบหนี ทำไมไม่จับ แต่เรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ ทำไมขยันนัก
ครับ เรื่องพ.ร.บ.ปรองดองโยงใยมาถึงพ.ต.ท.ทักษิณกับการกลับมาสู่ประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัดและปลายปีนี้เห็นจะเป็นเป้าหมายที่เขาจะกลับบ้านเสียทีและบ้านเมืองคงวุ่นวายไม่จบกับคนคนเดียวนี้
ครับ การให้สัมภาษณ์แบบนี้เท่ากับว่าแนวทางปรองดองที่กำลังเป็นประเด็นที่เรียกร้องกันอยู่ทุกวันนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อทักษิณจะได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอย่างแน่ชัด และทำให้เห็นว่า นี่คืออีกเป้าหมายหนึ่งควบคู่ไปกับความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ทักษิณไม่ต้องโทษอีกด้วย นับเป็นการวางหมากการเมืองรองรับอดีตนายกรัฐมนตรีโดยแท้จริงในยามที่พรรคเพื่อไทยกำลังมีอำนาจ
นายสุรพงษ์ยังให้ความเห็นต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นถึงอย่างไรก็ต้องกลับมาประเทศไทย และเรื่องคดีต่างๆ ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกันต้องมีความเป็นธรรม เพราะทุกประเทศรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณเป็นการรังแกทางการเมืองซึ่งสังคมโลกไม่ยอมรับ
นักข่าวถามนายสุรพงษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับประเทศไทยได้ต่อเมื่อมีการออก พ.ร.บ.ปรองดองแล้วใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่าตอนนี้คงจะมีการนำเรื่อง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งอาจผ่านทางนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คปอ.) นักข่าวถามต่อว่าแสดงว่าจะออกพ.ร.บ.ปรองดองภายใน ๓-๔ เดือนใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ตอบว่า เชื่อว่าน่าจะออกได้ เพราะตนเห็นว่าไม่มีอะไรติดขัดและประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการเกิดความปรองดอง
ต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ประกาศจะใช้ช่วงเวลาปีมหามงคลเดินทางกลับไทยภายในปลายปีนี้ ซึ่งอาจจะใช้แนวทางขอพระราชทานอภัยโทษว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ต้องให้พ.ต.ท.ทักษิณมามอบตัวรับโทษแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ ถ้าออกเป็นพ.ร.บ.ปรองดองทุกภาคส่วนได้หมดท่านมีสิทธิที่จะเดินทางกลับ เพราะเป็นคนไทยและสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกเป็นอำนาจจากการปฏิวัติ คตส. คนรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง รู้กันทั้งโลกว่าเป็นศัตรูกับพ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน เมื่อคตส.เริ่มต้นไม่ถูก ผลของคตส.ก็ไม่ถูกแล้วทำไมพรรคฝ่ายค้านถึงชอบเหลือเกิน ถ้าเป็นการดำเนินคดีธรรมดาไม่มีการปฏิวัติ ไม่ตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมา มันก็ยังพอรับกันได้ ตนไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น ขนาดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.เขายังรู้สึกตัวแล้วว่าไอ้ที่ทำมามันไม่ถูกไม่ชอบ ตนไปปราศรัยตั้งแต่ปี ๕๒ มีตนคนเดียวที่ประกาศว่าอยากให้ท่านกลับบ้านเพราะไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า “ผมคิดในฐานะนักกฎหมาย ถ้าทำอย่างอื่นไม่มีทางสำเร็จ ต้องเสนอเป็นร่างพ.ร.บ.ปรองดองเท่านั้นแล้วให้สภาฯ ตัดสินแล้วโหวตกัน แพ้คุณต้องยอมรับและการเขียนพ.ร.บ.ปรองดองต้องเขียนในภาพรวมอย่าไปเขียนรายละเอียด ไประบุตัวบุคคลคนหนึ่งคนใดได้ประโยชน์ก็ไม่ได้ ไปยกเว้นคนหนึ่งคนใดให้ไม่ได้รับประโยชน์ก็ไม่ได้ ทุกภาคส่วนต้องได้รับความเป็นธรรมที่มีผลกระทบจากการปฏิวัติและทั้งหมดต้องผ่านสภาฯ มันถึงจะแข็งแรง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศกัมพูชาว่า ตนกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ทั้งหมดจากพรรคเพื่อไทย ได้สนทนากับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งท่านไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่บอกว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับประเทศไทย อยากทำประโยชน์ให้ประชาชน เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้ขยายความหรือไม่กับสิ่งที่บอกว่าอยากกลับเมืองไทยในปีมหามงคลปีนี้จะกลับมาแนวทางใด นายณัฐวุฒิตอบว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดตลอดคืออยากกลับมาบ้านเกิด แต่วิธีการรายละเอียดไม่ได้อยู่ที่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว แต่อยู่ที่สถานการณ์ของประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณเป็นชะตากรรมทางการเมือง ฉะนั้นปัจจัยในการพิจารณาเดินทางกลับประเทศจะต้องดูปัจจัยทางการเมืองเป็นด้านหลัก ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเห็นว่าแม้ชะตากรรมตนเองจะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่า จะเอาชะตากรรมตัวเองนำหน้าชะตากรรมของประเทศ คำว่าปรองดองหมายถึงทั้งหมดที่เป็นคนไทย แต่ใครบ้างจะได้รับความยุติธรรมจากการปรองดองถือเป็นเรื่องรอง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่าคนที่ออกไปพบพ.ต.ท.ทักษิณก็ไปด้วยความรัก ความคิดถึงและก็ทำกันมายาวนานเป็นปกติ คดีความที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีต้นรากมาจากการเมืองไม่ใช่อาชญากรอะไร เทียบกันไม่ได้เลยกับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอดีตนายกฯไปงานแต่งงานของครอบครัวส.ส.คนหนึ่งและไปยืนถ่ายรูปโดยไปยืนถ่ายรูปกับแม่ส.ส.คนนั้นที่มีคดีฉ้อโกงธนาคารหลายพันล้านบาทแล้วหลบหนี ทำไมไม่จับ แต่เรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ ทำไมขยันนัก
ครับ เรื่องพ.ร.บ.ปรองดองโยงใยมาถึงพ.ต.ท.ทักษิณกับการกลับมาสู่ประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัดและปลายปีนี้เห็นจะเป็นเป้าหมายที่เขาจะกลับบ้านเสียทีและบ้านเมืองคงวุ่นวายไม่จบกับคนคนเดียวนี้