xs
xsm
sm
md
lg

ถกร่างปรองดองฯ ปชป.- พท.ฟัดกันเละ เพื่อประโยชน์ “แม้ว” คนเดียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณา กมธ.ปรองดอง ปชป.-พท. สาดน้ำลายใส่กันเละ “เทือก” หนุนยืดเวลา ยันคู่กรณีปรองดองไม่ได้มีแค่ “แม้ว กับ สนธิ” สับต้นเหตุความขัดแย้งเพราะคิดการใหญ่ล้มล้างระบอบปกครองตั้งรัฐไทยใหม่ ด้าน “จตุพร” ลั่นไม่ขอปรองดองกับ “เทพเทือก” ป้องนายใหญ่ไม่คิดอยากเป็นประธานาธิบดี เสนอเงื่อนไขเริ่มต้นสอบคดีแกนนำเสื้อแดงใหม่


วันนี้ (5 เม.ย.) ที่รัฐสภา ในการประชุมอภิปรายรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ วันที่สองเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.15 น. โดยเริ่มจากสมาชิกจากฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยต่างอภิปรายสนับสนุนแนวทางการสร้างความปรองดองของ กมธ.ปรองดอง แต่ก็จำเป็นต้องคืนความเป็นธรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะถูกยึดทรัพย์ตามกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม

นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำถึงที่มาอันไม่ชอบธรรมของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่า ในข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า ตามรายงานการวิจัยระบุชัดเจนว่าต้องเพิกถอนผลทางกฎหมายในคดีที่ทำโดย คตส. เนื่องจากที่มาไม่ชอบธรรม อีกทั้งการแต่งตั้งบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ตรงกันข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตกรรมการ คตส.กำลังถูกกรรมตามทัน เช่น นักกฎหมายที่ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง อีกคนเป็นชายชื่อขึ้นต้นว่า กล้า และอีกคนที่เป็นผู้หญิง นามสกุล เมณฑกา

“กลุ่มคน คตส.ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลประชาธิปไตย ถือเป็นบุคคลที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และผลการตรวจสอบของคดีนั้นยังขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 3 มาตรา 5 และมาตรา 30 วรรคสาม ที่สรุปได้ว่าบุคคลใดต้องได้รับความคุ้มครองอย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ และการปฏิบัติหน้าที่ของศาล รัฐสภา ครม. ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม”

ด้านสมาชิกฝ่ายค้าน เช่น นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ฐานะที่ตนเคยเป็น กมธ.ปรองดอง พบว่าข้อสรุปของแนวทางปรองดองยังไม่จบเพราะยังมีการถกเถียงในข้อเสนอต่อแนวทางสร้างความปรองดองในประเด็นนิรโทษกรรมที่เกิดขึ้นในเมืองไทยที่ผ่านมามีถึง 24 ครั้ง แบ่งได้เป็น 5 รูปแบบ โดยสรุปคือ เป็นการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ทำความผิดในความขัดแย้งหรือทางการเมือง แต่ไม่ใช่นิรโทษกรรมให้ผู้ที่มีความผิดทางอาญา นอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของคู่ขัดแย้งตนมองว่าตอนนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างขบวนการทักษิณ กับประเทศไทย ไม่ใช่ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มทางการเมืองต่างๆ หรือระหว่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าแม้เปลี่ยนรัฐบาลเป็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ความขัดแย้งในสังคมไทยก็ยังคงมีอยู่

“วันนี้คุณทักษิณมีคดีติดตัว ดังนั้นสิ่งที่คุณทักษิณต้องการคือ การนิรโทษกรรม และจากกรณีที่ถูกยึดทรัพย์ก็ต้องการเอาทรัพย์คืน และเมื่อถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็ต้องการได้รับสิทธิทางการเมืองคืน นี่เป็นโจทย์ที่ กมธ.ปรองดองไม่สามารถหาคำตอบได้ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างการปกครองและการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อผลการศึกษาเป็นเช่นนี้ ถามว่าจะแก้ไขกฎหมายอะไรก็ตอบไม่ได้ กมธ.ปรองดองไม่กล้าพูด” นายชำนิกล่าว

นายชำนิกล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องเข้าไปจัดการปัญหา แต่จะก้าวล้ำการนิรโทษกรรมที่เป็นเงื่อนไขในอดีตไม่ได้ ปัญหาวันนี้คือ เมื่อสภาฯ ตอบรับรายงานของ กมธ.ปรองดอง และส่งเรื่องให้รัฐบาล จะทำตามที่ กมธ.ปรองดองเสนอหรือไม่ก็ได้ เพราะรัฐบาลนั้นได้มีโจทย์อยู่แล้ว คือ การออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม คืนทรัยพ์สินให้อดีตนายกฯ ถึงมีความพยายามให้ยุบ คตส.

“ทั้ง 3 เรื่องนี้รัฐบาลต้องการทำ แต่ขาดความชอบธรรม จึงให้ กมธ.ปรองดองเป็นผู้ประทับตราความชอบธรรมให้ นอกจากนั้นแล้ว ความพยายามขยายเวลาปิดสมัยประชุมเพื่อต้องการทำเรื่องรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ เห็นชัดเจนว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้าและขัดแย้งรอบใหม่”

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางรายงานของ กมธ.ปรองดอง รวมทั้งข้อเสนอของสภาสถาบันพระปกเกล้าให้เลื่อนการพิจารณาไปก่อน และให้ กมธ.ปรองดองไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยระดมทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องไปลงพื้นที่ ขณะที่พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ไปจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจของประชาชนและกำหนดแนวทางความปรองดองให้ชัดเจน โดยห้ามให้รัฐบาลมีการจัดตั้งมวลชนขึ้นมารับฟัง จากนั้นเมื่อประชาชนทั่วประเทศเกิดความเข้าใจก็ให้มีการทำประชามติตัดสิน โดยอาจจะมีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแทรกเข้าไปด้วยก็ได้ เชื่อหากทำตามที่ตัวเองเสนอจะเกิดความสงบในบ้านเมืองแน่นอน แต่หากไม่ทำตามเกิดสงครามการเมืองแน่นอน และมีคนต้องตามเจ้านายไปอยู่ต่างประเทศหากเป็นฝ่ายแพ้ หรือพวกตนแพ้ก็อาจถูกจับตัวเข้าไปอบรม

นายสุเทพกล่าวว่า การทำความเข้าใจประชาชนจะต้องทราบข้อเท็จจริง เพราะหากจะบรรลุสู่การปรองดองทุกฝ่ายจะต้องเสียสละ และพวกเขาจะต้องรู้ว่าตัวเขาจะเสียสละอะไร ประเทศขาดทุนอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะจะต้องรู้ว่าใครเป็นคู่กรณี ซึ่งไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.สนธิ เพราะวันนี้ พล.อ.สนธิไปนั่งอยู่ในใจ พ.ต.ท.ทักษิณ และเขาเจรจาได้ไม่ต้องไปไกลถึงประเทศจีนและดูไบ แต่เดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านช่วงสงกรานต์ดื่มไวน์ก็จบ

“คู่กรณีไม่ได้มีแค่ 2 ท่านแต่มีมากไปทั้งประเทศ และคนที่มองข้ามไม่ได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง วุ่นวาย ซึ่งเป็นไปตามงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าที่เขียนเอาไว้ เพราะหากวันนี้อยู่ต่างประเทศและไม่กลับไทยก็จบ ไม่ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ติดที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับมาอย่างเท่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องบอกประชาชนให้รับทราบว่าเขาควรจะต้องเสียสละอะไรหรือไม่” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพย้ำว่า เราต้องพูดความจริง หากไม่พูดก็ไม่สามารถเกิดความปรองดองได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณมีบริวาร เครือญาติ พรรคการเมือง คนเสื้อแดง กลุ่มกองกำลังติดอาวุธหรือที่เขาเรียกว่าแก้ว 3 ประการ และทำให้ฝ่ายอื่นได้รับบาดเจ็บ ล้มตาย และสร้างความไม่พอใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสุเทพได้อภิปรายมาถึงแนวทางการเมืองของระบอบทักษิณที่มีความคิดให้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการปกครองของประเทศนี้เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่ และเลยเถิดไปในระบอบประธานาธิบดีให้พรรคเสื้อแดงครองประเทศ และประชาชนรับไม่ได้ ทำให้ ส.ส.เพื่อไทยที่เป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้แสดงความไม่พอใจ อาทิ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงขอให้นายสุเทพพูดให้ตรงประเด็น โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่าอย่าตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ เด็ดเมียเพื่อน ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ประท้วงกันวุ่นวาย จากนั้นทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างประท้วงกันไปมาร่วมครึ่งชั่วโมง แต่สุดท้ายนายเจริญได้ตัดบทเพื่อให้นายสุเทพได้อภิปรายต่อ

นายสุเทพอภิปรายต่อว่า ตนสนับสนุนการปรองดองที่เหมือนกับคนไทยทั้งประเทศที่อยากเห็นความปรองดอง ตนสู้กับเสื้อแดง เสื้อดำมาพอแล้ว อยากให้สงบเสียที แต่การปรองดองต้องพูดความจริงกันว่าตนจะเสียสละอะไร ฝ่ายพวกเขาจะเสียสละอะไร และคนไทยต้องเสียสละอะไร

“จู่ๆ พล.อ.สนธิมาบอกให้ทุกคนปรองดองกัน ที่นี่ไม่ใช่ คมช.ให้ท่านกลับไปสวมเครื่องแบบแล้วกลับมายึดอำนาจใหม่ ถ้าหากจะมาบังคับกันอย่างนี้ เราต้องพูดความจริงให้ชัดเจน เพราะจะไม่มีวันปรองดองได้หากประชาชนเขายังติดใจอยู่ ผมเคยถูกไล่ล่าจนถึงในสภามาแล้ว แต่มีความเป็นจริงที่เราต้องพูดกันคือ อุดมการณ์ของฝ่ายท่านในทางการเมืองไม่สอดคล้องกับแนวความคิดของประชาชนอีกส่วนหนึ่งแน่นอน นั่นคืออุดมการณ์ที่ท่านจะเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองแล้วสถาปนารัฐไทยใหม่ สถาปนาระบอบประธานาธิบดีให้พรรคเดียวปกครองประเทศคือ พรรคเสื้อแดง และนี่คือสิ่งที่ประชาชนเขารับไม่ได้”

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอภิปราย นายสุเทพได้นำภาพประกอบขึ้นมาโชว์ พร้อมกับกล่าวว่า ในที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้มีการติดป้ายระบุว่า “รัฐไทยใหม่ ทักษิณจงเจริญ” “ชัยชนะแดงทั้งแผ่นดิน 3 ปีต้านอำมาตยา สถาปนารัฐไทยใหม่” “ประธานาธิบดีทักษิณ ชินวัตร ผู้นำรัฐไทยใหม่” เพื่อตอกย้ำว่าฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีพรรคการเมือง มีเสื้อแดง มีกองกำลังติดอาวุธ และมีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ตนไม่ได้พูดขึ้นเอง เพราะเคยเป็นอดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ได้ทำงานการข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในสภาเริ่มวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้ปิดไมค์ และเตือนไม่ให้พาดพิงถึงบุคคลภายนอก พร้อมกับสั่งห้ามโชว์ภาพดังกล่าวอีก ขณะที่นายก่อแก้วได้ชี้แจงยอมรับว่ามีการพูดถึงรัฐไทยใหม่จริง แต่หมายถึงระบอบประชาธิปไตยที่มีอำนาจของปวงชนชาวไทยทุกคน ไม่ใช่ระบอบอำมาตยา หรือ 2 มาตรฐาน

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอหารือว่า อยากให้ฝ่ายรัฐบาลหยุดประท้วง และนายสุเทพอยากพูดอะไรให้พูดเลย และถ้าเวลาที่ตนพูดขอให้ท่านสั่งลูกพรรคอย่าประท้วง ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ คิดอะไรพูดให้หมด อย่าขัดขวางกันเป็นนักเลง จากนั้นนายเจริญได้สั่งพักการประชุมเพื่อขอให้วิปทั้งสองฝ่ายได้ไปพูดคุยกันถึงข้อเสนอดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมีการประชุมอีกครั้ง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้หารือว่าควรมีการพูดรื้อฟื้นความหลัง ตามกฏข้อบังคับเรื่องการพูดย้อนอดีตและข้อเท็จจริงยังไม่มีข้อสรุปแล้วไปสรุปเองทำให้เสียหาย จะทำให้การประชุมวุ่นวาย แต่ตนจะอนุโลมให้นายสุเทพอภิปรายเต็มที่ และเห็นด้วยกับหลักการของนายจตุพรที่จะไม่ประท้วงกันและกัน อย่างสัญญาสุภาพบุรุษ มิเช่นนั้นการประชุมเดินต่อไปไม่ได้ ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรให้ประชาชนตัดสินใจเอาเอง

นายสุเทพกล่าวว่า ตนเคารพกฎเกณฑ์กติกา ทำตามระเบียบการประชุม ไม่พูดจาใส่ร้ายโกหก หยาบคายไม่ทำ ไม่ใช่เรื่องที่จะฟื้นความหลัง เพียงแต่พูดภาพรวมๆ อะไรคือสาเหตุ โปรดอย่ามองว่าตนเอาความหลังมาพูด และเลือกใช้เฉพาะที่จำเป็น เหมือนกับที่เขาจะสถาปนาเป็นรัฐไทยใหม่ แต่ถ้าฟังตรงนี้ก็จะเข้าใจ สาเหตุความขัดแย้งเป็นเรื่องอุดมการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ต้องเปิดเวทีให้กว้างขวาง

ทำให้นายจตุพรได้ลุกขึ้นท้าขอให้นายสุเทพอภิปรายได้อย่างเต็มที่ พวกตนฝ่ายรัฐบาลจะไม่มีใครยกมือประท้วง หลังตนอภิปรายก็ห้ามมิให้ใครยกมือประท้วงตน ขอให้ปฏิบัติตาม ไม่พูดอะไรที่เป็นการกล่าวหาลอยๆ แต่เพื่อให้บรรยากาศสภาเดินไปได้ในช่วงนายสุเทพอภิปรายจะไม่มีฝากรัฐบาลประท้วง ในช่วงตนก็จะต้องไม่มีใครลุกประท้วง จึงขอท้าทายนายสุเทพ จะรับคำท้าหรือไม่ ตนมีของครบอยู่บนโต๊ะ พร้อมต่อสู้ เพื่อให้ประชาชนที่ดูได้อรรถรส ขอให้กล้า ใจให้ใหญ่หน่อย ต้องการให้สภาแห่งนี้เดินได้ อยากฟังนายสุเทพอย่างนิ่งสงบ แล้วให้นายสุเทพฟังตนอย่างนิ่งสงบ

นายสุเทพลุกขึ้นตอบโต้ทันทีว่า การทำหน้าที่ของเราไม่ต้องบอกว่าเป็นนักเลง เราเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯ ใครทำผิดก็ต้องลุกขึ้นประท้วง เราไม่มีสิทธิ์ไม่ชอบ ตนจริงใจที่จะปรองดอง แต่ต้องการให้คนทั้งประเทศเห็นด้วย จะให้ตนไปปรองดองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายจตุพร ตนไม่ปรองดองด้วยแน่ ที่นี่ไม่ใช่ข้างถนน หรือราชดำเนิน ตรงนี้รัฐสภา

หลังจากถกเถียงมาร่วมชั่วโมงการประชุมเดินหน้าต่อ โดยนายสุเทพอภิปรายต่อว่า ตนมีจิตใจอยากปรองดอง เห็นด้วยกับแนวทาง กมธ.ที่อยากให้ปรองดอง 30 กว่าปีที่เป็นนักการเมืองมีความตั้งใจจริง ถ้าปรองดองได้อยากให้ความร่วมมือ สถาบันพระปกเกล้าได้ทำแถลงการณ์เสนอ กมธ.ชุดนี้เสนอสภา ขอเพียงให้รับทราบ และขยายเวลาอนุ กมธ.ออกไปเพื่อนำรายงานไปพูดคุยหาทางออกร่วมกับพรรคการเมืองประชาชนทั่วประเทศ เห็นด้วยกับสถาบันพระปกเกล้า เพราะต้องการให้ความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศ 1. ต้องชัดเจนว่าปรองดองระหว่างใครกับใคร คู่กรณีต้องให้ชัด 2. ต้องให้ชัดเจนคู่กรณีเขาโกรธกันเรื่องอะไร 3. บอกให้ประชาชนเข้าใจ ทุกฝ่ายต้องเสียสละ บอกให้ชัดใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ ให้ประชาชนได้รู้ละเอียด แล้วทำประชามติ ทำแล้วไม่เกิดข้อขัดแย้งอีกในประเทศ ซึ่งคู่กรณีปรากฏในรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดแก้ว 3 ประการ พรรคการเมือง มวลชน กองกำลัง

นายสุเทพกล่าวว่า สาเหตุความขัดแย้งที่ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1. อุดมการณ์ความคิดทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน 2. พฤติกรรมของคนที่ทำผิดกฏหมายที่เป็นเหตุให้คนอื่นๆ โกรธเคือง พยายามเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นรัฐไทยใหม่ มีประธานาธิบดีปกครองประเทศ มีหมู่บ้านเสื้อแดง ซึ่งไหนๆ จะปรองดองต้องเปิดใจพูดกัน ซึ่งสาเหตุ พ.ต.ท.ทักษิณ โดนคำพิพากษา 2ปี ไม่ปรารถนาจะติดคุกหนีไปต่างประเทศ อยู่ในสถานะผู้หนีคดี พร้อมสมุนบริวารโกรธศาล กล่าวหาตัดสินไม่เป็นธรรม 2 มาตรฐาน แต่ฝ่ายประชาชนคนอื่นบอกว่ามีเหตุผล จึงเป็นสาเหตุของความขัดแย้งที่จะต้องคลี่คลาย

“ถ้าปรองดองกันเราต้องปรับเรื่องนี้กันก่อน ที่บอก พล.อ.สนธิพยายามจะบอกตัวเองได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่รู้ว่าผมเป็นผู้ใหญ่หรือเปล่า แต่เคยพูดคุยกับ พล.อ.สนธิ รับประกันได้เลยว่าสิ่งที่ได้พูดกันไม่ได้มีพิษมีภัยกับใคร สิ่งที่อยากเห็นคือความปรองดอง อยากมาให้สัตยาบันกัน จะเล่นการเมืองแบบใสสะอาด สู้กันแบบพรรคการเมืองต่อพรรคการเมือง พวกผมแพ้ไม่เคยเดินขบวน ล้อมทำเนียบฯ ยินดีมาก เพราะนี่คือการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยที่ขาวสะอาด ถ้าเอามวลชนมาไล่ทุบกันก็ไม่ต้องมาปรองดอง พรรคการเมืองต้องมาคุยกัน แต่นายจตุพรยังไม่ต้องมาคุยกันเพราะยังไม่ได้รางวัล อยากให้ พล.อ.สนธิได้ให้โอกาสประเทศไทย คนไทย ลุกขึ้นเสนอให้มีการขยายระยะเวลาการทำงานของคณะ กมธ.ว่าจะปรองดองกันอย่างไร ถ้าสังคมเข้าใจกันและมีความไม่ปรองดองกัน มีกฏหมาย บอกให้สถาบันพระปกเกล้าที่เสนอกลับไปทำรายงาน ประชามติ ตนจะยกมือให้ท่าน แต่ถ้าไม่ทำตนสู้แน่นอนและจะเดินสายให้ประชาชนลุกขึ้นมาสู้ กมธ.โปรดรับฟังความคิดเห็นไปตัดสินใจร่วมกัน

“หากบอกประชาชนว่าให้ทำใจเพื่อมาปรองดอง แต่ถ้าทำใจแล้วยังมีความคิดแบ่งแยกชนชั้น ต้องการล้มล้างอำมาตย์อยู่ คิดว่าไม่มีทางปรองดองได้ แต่ถ้ายืนยันว่าไม่เอาแล้วต่อไปนี้เดินทางปกติ มันน่าชื่นใจ สิ่งเหล่านี้ต้องเอาไปพูดกับประชาชนว่ารูปที่ติดฝาบ้านปลดลงแล้ว พล.อ.สนธิมาเป็นประธานก็เสียรังวัดไปเยอะแล้ว ถ้าท่านดึงดันต่อไปก็ขาดทุนลูกเดียวไม่มีกำไร แต่ถ้าทำตามที่สถาบันพระปกเกล้าร้องขอ วันหนึ่งท่านจะชื่นใจว่าสิ่งที่ทำนั้นสำเร็จ”

ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นรายต่อไปว่า ตนไม่พร้อมจะปรองดองกับฆาตกรเหมือนกัน เหตุผลเรื่องความแตกแยกกินเวลามากว่า 6 ปีแล้วก็ยังอยู่ แม้ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในประเทศไทยก็ยังแตกแยกอยู่ดี เรื่องการตั้ง คตส.เพื่อสอบสวน พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ความยุติธรรม ดังนั้น ถ้าจะตั้ง คตส.ก็ให้ตั้งกับทุกนายกฯ อีกหลายๆ ชุด ใครเป็นปฏิปักษ์กับนายอภิสิทธิ์ก็ตั้งกรรมการ คตส.มาตรวจสอบเลย รวมทั้งตั้งกับนายกฯ ที่ผ่านมาทุกคนด้วย ถึงจะเรียกว่าความยุติธรรม แต่นายกฯ 28 คนแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนแค่นายกฯ เพียงคนเดียว นี่คือความไม่ยุติธรรม ตนเป็น 1 ใน 47 ของผู้ทรงคุณวุฒิที่สถาบันพระปกเกล้ามาทำวิจัย เขาพยายามสร้างกระแสกดดันจนสถาบันพระปกเกล้าเข้าใจว่าหากนำไปใช้แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ความจริงจะเอาสถาบันการศึกษาใดก็ตาม ไปตั้งคำถามก็จะได้คำตอบแบบเดียวกัน

“การปรองดองของคนในชาติไม่ได้อยู่ในรายงาน ถ้าคนคนนั้นไม่มีพื้นที่ที่ต้องการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ถ้าสถาบันจะถอนก็ถอนเลย เพราะการเดินหน้าต่อไป ผมก็ไม่เห็นว่าประเทศนี้จะเดินหน้าไปได้ มาบอกจะเกิดสงครามกลางเมือง ไปปลุกระดมว่านี่จะกลายเป็นปัญหา ทั้งที่ กมธ.ปรองดองและสถาบันพระปกเกล้าที่ได้นำมาปฏิบัติเป็นแนวทางของ คอป. ดังนั้น อย่าเข้าใจผิดว่ารายงานแค่ฉบับเดียวจะพลิกแผ่นดิน เพราะผมไม่เห็นว่ามันจะมีอำนาจอะไรที่จะทำได้ถึงขนาดนั้น” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า สิ่งที่นายสุเทพได้อธิบายว่าพวกตนต้องการเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประธานาธิบดี สถาปนารัฐไทยใหม่ เพราะเคยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งการกล่าวหาว่าเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประธานาธิบดี ก็เท่ากับกล่าวหาว่ามีการโค่นล้มสถาบัน สอดคล้องกับการที่ท่านไปขึ้นป้ายที่ภาคใต้ว่าต่อต้านการโค่นล้มสถาบัน

“ทั้งที่ประชาชนอีกกว่า 64 ล้านคนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การจะไปกล่าวหาใครว่าเปลี่ยนแปลงการปกครอง แสดงว่านายสุเทพต้องการทำลายพ.ต.ท.ทักษิณเพราะตัวเองอยากเป็นเอง การกล่าวหาจะพูดใส่ร้ายใครอย่างไรก็ได้ แต่เราต้องการยกสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่เหนือการเมือง แต่การเป็นนักการเมืองขี้แพ้ และมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นศัตรู เพราะคนพวกนี้ไม่สามารถสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณในสนามเลือกตั้งได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรอภิปรายต่อว่า นายสุเทพบอกจะปรองดองขอให้เลิกกองกำลังเสื้อแดง เลิกเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง ทั้งที่หมู่บ้านเสื้อแดงเป็นการต่อต้านยาเสพติด ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีใครจะไปฝึกกองกำลังในหมู่บ้าน บอกว่ามีการไปปลดพระบรมฉายาลักษณ์ การพูดเช่นนี้ถือเป็นการปลุกระดมที่ไม่มีข้อเท็จจริง ขณะนี้ประชาชนเขามาไกลรู้เท่าทัน เพราะพวกตนเลือกตั้งทุกครั้งก็ชนะทุกครั้ง แต่ก็ถูกปล้นไป

“ยืนยันว่าผมก็ไม่พร้อมที่จะนิรโทษกรรมเหมือนนายสุเทพ แต่ขอให้มาเริ่มตั้งต้นทุกคดีใหม่ ให้สตาร์ทพร้อมกัน คือในชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล เหตุการณ์เดียวกันแต่ปรากฏว่าคดีซีกของฝ่ายผมคืบหน้าไปเร็วมาก แต่กับกรณีคดีสั่งฆ่าประชาชนแทบจะไม่คืบหน้าเลย นี่คือ 2 มาตรฐาน ผมพร้อมทุกกรณีไม่ต้องนิรโทษกรรมก็ได้ เว้นผมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แต่ขอให้ตั้งต้นกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่ากัน ซึ่งการเสนอนิรโทษกรรม เพราะกระบวนการตั้งต้นของกระบวนการยุติธรรมมันไม่เท่ากัน” นายจตุพรกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น