“ณัฐวุฒิ” ตีปี๊บ นช.แม้ว เดินทางเข้าลาว-กัมพูชา ช่วงเทศกาลสงกรานต์จริง ปลุกกระแส ปชช.อีสาน-เหนือ กระดี๊กะด้าพร้อมเดินทางไปรดน้ำดำหัวถึงที่ หนุนหลัง “บิ๊กบัง” เดินเกมปรองดอง เชื่อ ประตูยังไม่ปิดตาย ตอก ปชป.เตะทิ้งกระบวนการ ทำ ปชช.ผิดหวัง วอนอย่าใช้คดี คตส.เป็นเงื่อนไข มิเช่นนั้นสันติภาพไม่เกิดแน่
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางไปพำนักยังประเทศลาวและกัมพูชาในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ว่า ส่วนตัวยังไม่แน่ใจว่าจะได้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงนั้นด้วยหรือไม่ เพราะต้องดูว่ามีภารกิจหรือไม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนก็ระลึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด และมีโอกาสก็โทรไปคารวะและขอคำปรึกษาเป็นระยะอยู่แล้ว
“ครั้งนี้ก็ทราบว่าจะมีประชาชนตื่นตัวที่จะไปพบท่านเยอะ โดยเฉพาะประชาชนที่แนวชายแดนไม่ว่าจะเป็นอีสานเหนือที่จะไปประเทศลาว หรืออีสานใต้ที่จะไปกัมพูชา ตลอดจนประชาชนในละแวกกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผมก็ได้ยินกระแสว่าจะไปเยี่ยมและเล่นน้ำสงกรานต์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ กันมากพอสมควร” นายณัฐวุฒิ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเยือนประเทศลาวและกัมพูชา จะส่งผลถึงกระบวนการปรองดองหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้หากเรามอง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นปุถุชนธรรมดาทั่วไป จะไม่มีประเด็นอะไรซับซ้อน หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พลัดที่นาคาที่อยู่มานาน จึงห่วงใยคิดถึงบ้าน อยากสัมผัสบรรยากาศที่ตัวเองคุ้นเคย และมีความสุขก็ถือโอกาสเข้ามาเยี่ยมเยียนกันใกล้ๆ ให้คนจากเมืองไทยที่รักและคิดถึงได้เข้าไปพบ
“ยังจำกันได้เมื่อในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นสงกรานต์กับครอบครัวอย่างเป็นกันเอง ร่วมกับพี่น้องชาวเชียงใหม่ ภาพและความรู้สึกเหล่านั้นในฐานะปุถุชน ผมว่าเราเข้าใจท่านนายกฯทักษิณได้ จะมีก็แต่ฝ่ายที่พยายามวาดภาพให้นายกฯทักษิณเป็นยักษ์เป็นมารไป ก็จะตีความว่าทุกย่างก้าวมีนัยยะทางการเมือง” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับแผนการปรองดองของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีท่าทีที่จะไม่ร่วมด้วย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าประตูปรองดองยังไม่ปิดสนิทเสียทีเดียวสำหรับประเทศไทย แต่วันนี้น่าเสียใจที่พรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจหันหลังให้กับการปรองดอง เรื่องนี้ตัดสินใจภายใต้ประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ต้องตัดสินใจโดยคำนึงประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง การลาออกของกรรมาธิการฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ หรือการแสดงท่าทีจากแกนนำของพรรคนี้ ทำให้ตนได้ข้อสรุปว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดแต่เรื่องและประโยชน์ของตัวเอง ดูว่าจะได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร แล้วก็ตัดสินใจยุติการมีส่วนร่วม ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ความขัดแย้งทางการเมือง 5-6 ปีที่ผ่านมา มีความละเอียดอ่อนซับซ้อนมาก แต่การสร้างความปรองดองเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกคน ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองเลยเถิดจนมีการยึดอำนาจ มีการต่อสู้ สังหารเข่นฆ่าทุกอย่างเราปล่อยให้เกิดขึ้นได้ แต่เวลาที่จะสร้างความปรองดองและสันติภาพ เรากลับละทิ้งความพยายาม และแสดงท่าทีปฏิเสธตลอดมา
“ผมว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เตะถ่วง แต่เป็นการเตะทิ้ง คือ จะไม่เอาด้วยเลย ไม่คุยด้วยเลย ผมไม่อยากให่ประชาธิปัตย์ทำลายความหวังคนไทยแบบที่เป็นอยู่นี้ ผมไม่อยากให้คุณอภิสิทธิ์ นึกถึงแต่ว่าเมื่อไรจะได้เป็นนายกฯ อยากให้ประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ยอมรับความจริง ว่า ท่ามกลางความขัดแย้งที่ผ่านมาประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ได้รับประโยชน์สูงสุด ถ้าไม่มีความขัดแย้งประชาธิปัตย์จะไม่ได้เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้เป็นนายกฯ เมื่อท่านได้มากพอแล้ว ทำไมวันนี้ถึงปิดประตูในการให้โอกาสประชาชน เป็นเพราะสันติภาพที่จะเกิดกับสังคมได้ทำลายโอกาสทางการเมืองของท่านใช่หรือไม่ ถ้า นายอภิสิทธิ์ หันหน้าให้ความร่วมมือกับการปรองดอง นายอภิสิทธิ์ จะเป็นที่จดจำว่าเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพให้ประเทศ ดีเสียกว่าจะเป็นที่ถูกจดจำว่าเป็นนายกฯที่ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่า ช่องทางของ กมธ.ปรองดอง ยังมีโอกาสหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนอยากให้กำลังใจประชาชน ไม่อยากให้คิดว่าช่องทางปรองดองสูญสิ้นแล้วซึ่งโอกาส เราเป็นคนไทยอยากเห็นสันติภาพของประเทศเราต้องอยู่ด้วยความหวัง ความพยายามและต้องมองเห็นภาพอนาคตด้วยกัน อย่าเพิ่งสิ้นหวัง แม้ประชาธิปัตย์จะทำลายความหวังไปแล้วบ้างก็ตาม เราต้องมีหวังและช่วยกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของ พล.อ.สนธิ หลังจากที่ประชาธิปัตย์ระบุว่าดูเหมือนกลับลำมาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็คิดอยู่แค่นี้ว่า ใครจะพลิกซ้ายพลิกขวายังไงก็ตาม เมื่อไปคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้ประโยชน์หรือไม่ ประชาธิปัตย์ก็ปิดประตูใส่ทันที เวลาใครมีท่าทีเปลี่ยนไป แต่ไม่เป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไมประชาธิปัตย์ถึงยอมรับ วันที่ นายเนวิน ชิดชอบ กับพวกออกจากพรรคพลังประชาชนไปกอดกับนายอภิสิทธิ์ตั้งรัฐบาล ทำไมวันนั้นได้รับการยกย่อง ทำไมประชาธิปัตย์ไม่บอกว่า นายเนวิน กับพวกเปลี่ยนไป แสดงว่า ไม่มีจุดยืนทางการเมือง แต่พอเป็น พล.อ.สนธิ กับตั้งข้อสังเกตตั้งข้อรังเกียจ เป็นเพราะประชาธิปัตย์คิดแต่ว่าทำอย่างไรไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีโอกาสกลับประเทศ และเหตุผลที่ไม่ให้กลับมา เพราะคิดว่าตัวเองจะเสียโอกาสทางการเมืองคิดเท่านั้นจริงๆ
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีโอกาสจะกลับประเทศไทยในปีนี้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ปีไหนเมื่อไรยังไม่ทราบ แต่ตนก็เชื่อว่า วันหนึ่งจะได้กลับมา หวังในใจว่า สิ่งที่น่าจะกลับมาก่อนคือ สันติภาพ ความปรองดองการยอมรับในความแตกต่าง และอยู่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย ในประเทศคิดต่างกันได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องปรองดองอยากให้คิดตรงกัน เพราะว่าไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะปล่อยให้ประเทศอยู่ในสภาพเช่นนี้ สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือความขัดแย้งแตกแยกและอาจเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น
ต่อข้อถามที่ว่า มีวิธีการอื่นนากจากการนิรโทษกรรมและล้มคดี คตส.หรือไม่ถึงจะปรองดองได้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าเราตั้งใจจะปรองดอง ต้องไม่สร้างเงื่อนไขตั้งแต่ต้นทาง หากจะปรองดองและพูดเงื่อนไชอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่สามารถปรองดองได้ แต่ถ้าหลายฝ่ายร่วมมือหาข้อสรุปตกลงกันได้ก็เดินไปแบบนั้น น่าจะเป็นช่องทางที่เดินไปได้มากกว่า เพราะปัญหานั้นละเอียดอ่อนหากตั้งเงื่อนไขไว้ก่อนจะไม่มีช่องทางให้เดินไปข้างหน้าได้เลย ตนไม่อยากให้ฝ่ายไหนลืมอดีต เพราะการลืมอดีตจะขาดพื้นฐานในการก้าวไปข่างหน้า อยากให้ทุกฝ่ายจำอดีตให้แม่นยำ และเรียนรู้เพื่อไม่ให้ผิดพลาดเหมือนที่แล้วมา เราลืมไม่ได้ว่าความขัดแย้งสร้างความเสียหายไว้กับสังคมไทยอย่างไร