xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณกุมทุกอย่างในมืออีกนิดเดียวก็ชนะ จะปรองดองให้โง่!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
บ้านพระอาทิตย์

อาจเป็นเพราะอ่านตำราดูสารคดีปรองดองจากต่างประเทศมากไปหรือเปล่า โดยไม่ได้ศึกษาความเป็นมาและลักษณะนิสัยของทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นแบบไหน เห็นแก่ตัวอย่างไร ลืมไปว่า ที่ผ่านมาเขาเติบโตมาจากการทำธุรกิจสัมปทานผูกขาด คิดแต่เรื่องกำไร วิ่งเข้าออกเสียแข้งเลียขาเผด็จการ ผู้มีอำนาจในทุกยุค ผสมปนเปกันไปทั้งใต้ดินบนดิน จนเติบใหญ่มาจนถึงวันนี้

จากเดิมเคยเสี่ยงเข้าสู่วงการการเมืองครั้งแรกเลยลงสมัคร เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เมื่อราวปี 2538-2539 ที่เชียงใหม่บ้านเกิด แต่ก็แพ้ให้กับ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ หลุดลุ่ย หลังจากนั้นก็สรุปบทเรียนเดินหน้ารุกสร้างภาพทาง “การตลาด” ตบตามาอย่างต่อเนื่อง อย่างในวันนี้ด้วยความไม่เอาไหนของ คณะรัฐประหาร “หน่อมแน้ม” ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่นำโดย “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ที่เคยคิดปรองดองกับโจรมาก่อน ทำให้ ทักษิณ และเครือข่าย เติบโต เข้มแข็ง จนในที่สุดสามารถใช้คราบของความเป็น “นักประชาธิปไตย” มาหลอกต้มชาวบ้านจนได้รับชัยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

ประเภทที่ว่า ทักษิณ ส่งใครก็ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ระดับสติปัญญาแค่ไหน ก็ไม่มีปัญหา ขอให้บอกว่า “ทักษิณ คิดเพื่อไทยทำ” แค่นี้ก็ผ่านฉลุย เพราะขนาด น้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง จะพูดจะจากับใครท่องจำได้ไม่เกิน 10 คำ แม้กระทั่งอ่านโพยยังอ่านผิดๆ ถูกๆ และผ่านมากว่า 8 เดือนกำลังจะครบปีแล้วไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้ชื่นใจ ข้าวของก็แพงเอาๆ แต่ชาวบ้านก็ยังไม่บ่น รัฐบาลบอกว่าของไม่แพงก็ไม่แพง เงียบเสียงกันสนิท

ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาทางกลไกลอำนาจรัฐ ลองไล่สำรวจไปให้ทั่วทุกหน่วยงานสำคัญก็อยู่ในมือของเครือญาติ เครือข่ายทักษิณ แทบทั้งสิ้น ก็ไม่เห็นมีเสียงบ่นว่า “เล่นพรรคเล่นพวก” ขนาดผลงานการบริหารงานก็งั้นๆ ไม่เห็นโดดเด่นอะไรมากมาย การปราบปรามยาเสพติด หากบอกว่าเป็นผลงานน่าติดตามก็อาจพูดแบบนั้นก็ได้ แต่งานแบบนี้มันหมูมากอยู่แล้วสำหรับตำรวจ และต้องทำเป็นเรื่องปกติ ไม่ทำสิแปลก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตีปี๊บ สร้างกระแสทางการตลาดเพื่อให้คนจดจำได้ต่างหาก เพราะหากเปรียบเทียบกันในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แบบเม็ดต่อเม็ดจำนวนยาบ้าที่จับได้ก็คงไม่ได้หนีกันมากนัก เพียงแต่ว่าฝ่ายแรกมันบื้อเองที่ไม่รู้จักฉกฉวย สู้รองนายกฯแอ็กอาร์ต อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ “พี่เมียแม้ว” ไม่ได้ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นรายวันแบบถี่ยิบ แบบ “ผลิตซ้ำ” ทำให้ชาวบ้านจดจำ ซึ่งก็ได้ผล เรื่องอื่นไม่รู้ แต่ชาวบ้านเขาจำได้เรื่องปราบยาบ้าเป็นผลงานไปแล้ว

หันมาเรื่องอำนาจบ้าง เมื่อมีทุกอย่างอยู่ในมือ ทั้งในและนอกสภาเวลานี้หากจะบอกว่าอยู่ในมือของ ทักษิณ ชินวัตรหมดแล้ว โดยผ่านทางรัฐบาลน้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในสภาก็มีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในวงการราชการก็ส่งเครือญาติ ลูกน้องเก่าเข้าไปคุมทุกหน่วยงาน ขณะที่ใครที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็ต้อง “เปลี่ยนสี” ไม่เว้นแม้แต่ในกองทัพ ที่เวลานี้จากสีเขียว ก็เริ่มจางออกไปทาง “เขียวปนแดง” มากขึ้นทุกที ขณะที่นอกสภามีมวลชนคนเสื้อแดงคอยหนุนยอมออกมาตายแทนทุกเมื่อ เพราะ “ซื้อใจ” จากการใช้เงินหลวงจ่ายให้กัน “ถึงขนาด” แล้วสภาพเท่าที่เห็นแบบนี้ไม่เห็นจะต้องไปแคร์ใคร

ในทางตรงกันข้ามมีแต่คนอื่น ฝ่ายตรงกันข้ามเท่านั้นที่จะต้องพินอบพิเทาเข้าไป “กุมไข่” เข้าไปประจบประแจง ขอปรองดองญาติดีกับเขา แม้กระทั่งพวก “อำมาตย์” ยังสยบยอม หรืออย่างที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้นำการรัฐประหารล้มรัฐบาลของเขาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2549 เคยตั้งข้อหาฉกรรจ์ ทั้งโกง แทรกแซงทำลายองค์กรอิสระ รวมทั้งหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่มาวันนี้กลับสนับสนุนให้ยกเลิกการดำเนินคดีต่อทักษิณในทุกกรณี โดยให้ลืมอดีตทั้งหมด แล้วให้ก้าวไปข้างหน้า อ้างว่านี่คือการให้อภัยปรองดอง

สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ มันก็เป็นไปได้ในโลกนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ที่คนเคยต่างกันสุดขั้ว ขับไล่อีกฝ่ายจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่กลายเป็นว่ากลับลืมๆ กันไป ข้อหาความผิดในอดีตที่ต้อง “กุดหัวเจ็ดชั่วโคตร” กลับบอกว่าไม่เป็นไร มันอะไรกันนี่ ทำเหมือนอย่างเด็กเล่นขายของไม่มีผิด แล้วบอกว่านี่คือการปรองดอง เป็นการจับมือก้าวเดินไปข้างหน้า

มองในทางกลับกัน หากพิจารณาในความเป็นจริงกลายเป็นว่า แทบทุกกลุ่มที่เคยอยู่ตรงข้ามกับทักษิณ กำลังหมอบคลานเข้ามาปรองดอง ขออภัยกับเขามากว่า ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนั้น เนื่องจากเวลานี้เขาได้กุมทุกอย่างเอาไว้ในมือหมดแล้ว กำลังจะได้รับชัยชนะ มีอำนาจบงการเหนือรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำไป ดังนั้นถ้ากล่าวกันแบบไม่เกรงใจก็ต้องบอกว่า มีแต่คนอื่นเท่านั้นที่มาขอปรองดองกับเขาต่างหาก เพราะสภาพอย่างที่เห็นล้วนเป็น “พิธีกรรม” ที่กำลังเสแสร้งตบตาสังคม แต่ทำเพื่อยกยอเอาใจเท่านั้น

สรุปก็คือ สำหรับ ทักษิณ แล้ว จะปรองดองให้โง่หรือ มีแต่คนอื่นที่ขอเข้าไปขออภัยมีทุกอย่างในมือ อีกนิดเดียวก็ชนะกุมเบ็ดเสร็จแล้ว หรือว่าไม่จริง!!
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
กำลังโหลดความคิดเห็น