เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 หากจะว่าไปแล้วความพินาศฉิบหาย ความขัดแย้งในบ้านเมืองวันนี้ ส่วนที่ทำให้บานปลายวุ่นวายมาจนถึงทุกวันนี้ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจาก การรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.49 ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จากบทบาทคราวนั้นมาจนถึงคราวนี้ ที่กำลังสร้างความปรองดองตามแบบฉบับ“ลืมอดีต” ผิด-ถูก อย่าไปพูดถึง เจ๊าๆ กันไป เดินไปข้างหน้าด้วยกัน อ้างว่านี่คือการ “ปรองดองฉบับบัง” ที่กำลังบอกกับสังคมว่าเป็น“นวัตกรรม” เป็นความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์ เพื่อบ้านเมืองยุคใหม่ ที่มีทางเลือกแบบนี้เท่านั้นที่จะละลายความขัดแย้งลงไปได้
00 ยิ่งได้ผลวิจัย “หัวขวด” จากทีม“วิจัยโม่แป้ง” ที่เอาเสื้อของสถาบันพระปกเกล้ามาคลุมให้ดูน่าเชื่อถือ ก็บอกว่าต้องลืมให้หมด โละทิ้งให้เหี้ยน คดีที่เป็นชนักปักหลัง ทั้งประเภทที่ตัดสินว่าผิดไปแล้ว และยังค้างคาอยู่ในศาลก็ต้อง “เป่า” ออกไปให้หมด อ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง แต่ล่าสุด หลังจากถูก “รุมด่า” จากรอบทิศถึงความเลอะเทอะของงานวิจัย ดังกล่าวที่นำโดย วุฒิสาร ตันไชย ก็ได้ออกมากลับลำ ส่งจดหมายเปิดผนึกไปถึงกรรมาธิการของ พล.อ.สนธิ ว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้เสียงข้างมาก โดยนำผลการวิจัยดังกล่าวไปใช้อ้างอิงสำหรับการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
00 ทุกอย่างทำท่าเละเทะ เพราะมัน “ฝืนธรรมชาติ” เห็นแก่ได้ เอื้อประโยชน์ให้กับคนทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แทนที่จะใช้หลักการง่ายๆว่า ต้องค้นหาความจริงโดยผ่านกระบวนการยุติธรรม ให้รู้เสียก่อนว่า ใครถูกใครผิด จากนั้นค่อยมาว่ากันว่าจะ “ให้อภัย” กันอย่างไร เพราะเชื่อว่าถึงอย่างไรสังคมไทยมันไม่ใจจืดใจดำถึงขนาดไม่เผาผี กับคนที่เคยทำผิด อย่างไรก็ดี อาจมีข้อยกเว้นสำหรับบางคน เช่น “เหลี่ยมแม้ว” ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร บางครั้งอาจต้องเดินหน้าชนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะคนแบบนี้ไม่เคยสำนึกผิด ตราบใดที่ตัวเองยังหลอกมวลชน มีพลังอยู่ในมือ เพราะถ้าจะปรองดองกับคนแบบนี้ได้ ต้องทำให้อ่อนพลังลงไปก่อน แต่ในสภาพแบบนี้บอกได้คำเดียวว่า “ไม่มีทาง”
00 นาทีนี้คนที่น่าสมเพช เวทนาที่สุดไม่ใช่ใครไหนก็คือ พล.อ.สนธิ นั่นแหละ เพราะความที่ไม่รู้จักตัวเอง ประเภท“โง่แล้วอวดฉลาด” มันกำลังสร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองรอบใหม่ หลังจากตัวเองทำการปฏิวัติ “หน่อมแน้ม” ใช้ต้นทุนของบ้านเมืองราคาแพง มาบัดนี้ก็กำลังถูกใช้ให้เป็นเครื่องมือสร้างความฉิบหายอีกรอบ มองอีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่า “คนเฉี้ยอะไรวะ” เกิดมาชาติหนึ่ง สามารถสร้างความฉิบหายได้ตั้งสองสามรอบ เออ เอ็งเก่งจริงว่ะ.. ทุด !!
00 อีกไม่กี่วันคือ ตั้งแต่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป จะมีการขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท นำร่องเป็นหัวเชื้อก่อน 7 จังหวัด หากมองกันแบบรู้ทันก็ต้องบอกว่า รัฐบาล “ปูนิ่ม” รู้ทั้งรู้ว่าปัญหาจะตามมาเพียบ แต่เมื่อโม้ไว้แล้วไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะปัญหามันเยอะ ถึงได้นำร่องก่อนไงล่ะ แทนที่จะดีเดย์พร้อมกันทั่วประเทศ แต่แค่นี้ก็ทำให้บรรดาทุนน้อยใหญ่ไม่เว้นแม้แต่ทุนเพื่อไทยพวกเดียวกัน “เจ๊กอั๊ก” และที่ รองฯกิตติรัตน์ ณ ระนอง คุยฟุ้งว่าจะทำให้ จีดีพีขยายตัวพุ่งพรวดเป็น 7 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ว่ากัน แต่กลัวว่าจะเป็นเงินเฟ้อมากกว่านะซี เพราะตอนนี้หันไปทางไหนล้วนแล้วแต่ “แพงทั้งแผ่นดิน” จริงๆ !!