ผู้นำฝ่ายค้านส่งเสียงเชียร์ สถาบันพระปกเกล้า เตรียมถอนผลวิจัยไม่ให้กมธ.ปรองดองใช้อ้างอิง เชื่อผลเสียหายจะเกิดขึ้นกับสถาบัน หากมีการนำไปใช้ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ เหน็บ "สนธิ"ให้ลืมอดีตเพื่อเดินหน้าสู่ปรองดอง แต่คงหนีความจริงไม่พ้น เตือนจะตกเป็นจำเลย สร้างปมขัดแย้งรอบ 2
วันนี้ (23 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สถาบันพระปกเกล้าออกแถลงการณ์ จะถอนผลวิจัยและไม่ให้ใช้อ้างอิงในรายงานของคณะกรรมาธิการปรองดองว่า เป็นเรื่องดี และในฐานะกรรมการของสถาบันฯคนหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะโครงการวิจัยนี้สภาเป็นผู้อนุมัติ หากมีการนำไปใช้ไม่กับเจตนารมณ์ ก็จะกระทบกลับมาที่คณะผู้วิจัย และทางสถาบัน ซึ่งตนเห็นร่างรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ก็ค่อนข้างชัดว่า มีการหยิบเอาข้อเสนอบางส่วน และมีการระบุว่า มีคนเห็นด้วยกี่คน ไม่เห็นด้วยกี่คน แล้วสรุปว่าสิ่งที่คณะกรรมาธิการฯมีความเห็นให้ส่งรัฐบาลรับไปดำเนินการต่อโดยเร็ว หากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ตรงกับที่คณะผู้วิจัยได้ชี้แจงไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และจะส่งผลกระทบ เพราะเวลาไปทำ ตนเชื่อว่าจะต้องมีการอ้างว่าเป็นเพราะสถาบันพระปกเกล้าเสนอความเห็นมา ดังนั้น เป็นเรื่องถูกต้องที่ต้องทักท้วงไป และจากรายงานของคณะกรรมาธิการฯที่ตนเห็น คิดว่า ประธานคณะกรรมาธิการจำเป็นต้องทบทวน
สำหรับเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติคนที่ใช้เสียงข้างมากในการสร้างความปรองดองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจะเตือนสติได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็ไม่สามารถนำรายงานฉบับนี้เป็นข้ออ้างว่าที่ต้องทำ เพราะมีคนเสนอมาอย่างนี้
ส่วนที่ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการ ระบุจะปรองดองได้ต้องลืมอดีต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้พล.อ.สนธิไปอ่านรายงานของสถาบันพระปกเกล้า และรายงานของคณะกรรมาธิการฯเอง เพราะทุกฝ่ายเห็นว่าการจะปรองดองต้องเริ่มจากเรื่องของความจริง และคงไม่สอดคล้องกับคำพูดที่ว่าให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแต่การมองอดีตกับสภาพปัจจุบัน เราจะทำกันอย่างไรมากกว่าที่จะมาเป็นตัวชี้ว่าปรองดองหรือไม่ปรองดอง ส่วนที่ว่าลืมอดีตทั้งหมด ไม่ใช่สูตรที่จะทำให้เกิดความปรองดองได้
เมื่อถามว่า พล.อ.สนธิ ยืนยันที่จะไม่พูดถึงเงื่อนไขการทำรัฐประหารรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะทำให้แก้ปัญหาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.สนธิ มีจุดยืนว่า จะไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับอดีต ก็คงจะทำอะไรท่านไม่ได้ แต่ประเด็นก็คือ ความจริงเป็นส่วนสำคัญในการที่จะทำให้เกิดการยอมรับความปรองดอง เพราะทั้งสื่อสารมวลชน และกลุ่มมวลชนต่างๆ ที่เคลื่อนไหว ต่างต้องการความจริงเช่นกัน
ส่วนที่มีการขยายผลคำพูดไม่กี่คำของ พล.อ.สนธิ เกี่ยวกับเรื่องรัฐประหารแพร่กระจายไปทั่วในเว็บไซด์คนเสื้อแดงจะมีผลอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พล.อ.สนธิ ก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่ทำหรือไม่ทำ พูดหรือไม่พูด จะส่งผลต่อสังคม และหากไม่ทราบก็ควรให้ใครรายงานให้ทราบว่าการแสดงท่าทีของพล.อ.สนธิถูกเผยแพร่ไปในทางไหน จะเป็นปมเพื่อความขัดแย้ง ดังนั้นหากจะปรองดองก็ต้องแก้ไข
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.สนธิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯยังอยู่ในฐานะที่จะนำความปรองดองมาสู่ประเทศได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูท่าทีว่ามีความเข้าใจกับสิ่งที่มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันเมื่อวันที่ 21 มี.ค.กับที่สังคมได้มีการแสดงออกในช่วง 2-3 วันแค่ไหน หากมีท่าทีที่รับฟัง และนำมาปรับปรุง ก็จะเป็นบทบาทที่ดี แต่หากยังเดินหน้าต่อ และเสมือนกับว่าไม่มีการแสดงความคิดเห็น และเพิกเฉยกันไป ตนคิดว่า พล.อ.สนธิ กำลังจะกลายเป็นปมความขัดแย้งในอีกรอบหนึ่ง