“อภิสิทธิ์” แนะ “ยิ่งลักษณ์” ถ้าจริงใจปรองดอง ต้องเริ่มต้นที่ กมธ.ปรองดอง อย่าให้รวบรัด และบิดเบือนข้อเสนอแนะของคณะวิจัย สถาบันพระปกเกล้า เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ขณะเดียวกันเห็นว่ารัฐบาลกำลังทำสถานการณ์พลังงานของประเทศเลวร้าย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการสร้างความปรองดองว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลอย่าบิดเบือนกระบวนการนี้ เพราะสถาบันพระปกเกล้าแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า หากรัฐบาล สภา และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ใช้เสียงข้างมากหยิบยกข้อเสนอเพียงส่วนหนึ่ง หรือนำบางประเด็นของผลการวิจัยแนวทางปรองดองของสถาบันพระปกเกล้าไปใช้ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่ปรองดองก็จะถอนผลวิจัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีน่าจะดูประเด็นตรงนี้ว่า สิ่งที่คณะกรรมาธิการฯ และสภาจะต้องดำเนินการต่อ จะสอดคล้องกับที่คณะผู้วิจัย ที่ยืนยันเมื่อวันพุธที่ 21 มี.ค.ที่สถาบันพระปกเกล้าแถลงหรือไม่
“ผมเป็นห่วง เพราะกรรมธิการฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางเข้าพบกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการปรองดองฯ ได้บอกว่า ตัวรายงานซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งสภา โดยไม่มีการประชุมอีก ทั้งๆ ที่จริงแล้วกรรมาธิการฯหลายท่านยังไม่มีใครเห็นเลย แล้วตัวร่างข้อสรุปของคณะกรรมาธิการฯ ก่อนหน้านี้มันสวนทางกับทางสถาบันพระปกเกล้าอย่างชัดเจน เพราะมีการไปหยิบยกนำเรื่องนิรโทษกรรมขึ้นมา แล้วมาอ้างว่ามีกรรมาธิการสนับสนุนจำนวนเท่านั้นเท่านี้คน ซึ่งตรงกันข้ามกับสถาบันพระปกเกล้าและคณะผู้วิจัย เพราะฉะนั้น ถ้านายกฯ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายปรองดองก็ต้องเริ่มที่กรรมาธิการฯ ว่าอย่ามาบิดเบือน และใช้วิธีที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งใหม่”
นายอภิสิทธิ์ยังวิจารณ์นโยบายพลังงานของรัฐบาลว่า การแก้ไขปัญหากองทุนน้ำมันของรัฐบาลชุดนี้รัฐบาลไม่มีหลักการบริหารพลังงานที่ชัดเจน ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ เพราะว่ามีแต่การเก็งว่าราคาน้ำมันจะต้องพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และสถานะของกองทุนน้ำมันเอง จากการที่บริหารมาโดยไม่มีหลักทำให้มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น วันนี้ตนคิดว่าแทนที่จะมาคอยลุ้นกัน ทุก 2 อาทิตย์ ว่าน้ำมันจะขยับขึ้นหรือไม่ รัฐบาลควรมีความชัดเจนไปเลยว่า มีเป้าหมายที่จะบริหาร นำเงินมาช่วย พี่น้องประชาชนในเรื่องใดบ้าง ซึ่งรัฐบาลที่แล้วชัดเจนมากว่าเราตั้งเป้าน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ก๊าซแอลพีจีไม่ขึ้นราคา แล้วก็ปรับ การเก็บเงินเข้ากองทุน ปรับในเรื่องของระบบภาษีให้มันรองรับได้ ในราคาน้ำมันดิบโลกที่เท่าไร ปัญหาทุกอย่างโปร่งใส โดยไม่มีการปกปิดข้อมูลต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมัน รวมทั้งต้องจัดระดับความสำคัญว่า จะดูในเรื่องก๊าชหุงต้ม หรือดูแลน้ำมันดีเซลก่อน ซึ่งรัฐบาลต้องประเมินราคาตลาดโลกด้วย ในการบริหารจัดการราคา ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหากับภาคขนส่ง และด้านอาหาร ดีดราคาสูงขึ้นตามมา
“ความเดือดร้อนในตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องการให้รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ในส่วนของงานอื่นๆที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง เรายืนยันว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ให้พักไว้ก่อน มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แนวทางนี้จะต้องมีการทำงานกันต่อไป แต่อะไรที่จะมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูง”