ช่วงเวลาบรรยากาศในบ้านเมืองขณะนี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินสายพบปะผู้คนและรับฟังความคิดเห็นอันเป็นเสียงสะท้อนจากเจ้าของประเทศหลากหลายสาขาอาชีพ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากมาย ทั้งที่มีความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองไปในแนวทางเดียวกัน แตกต่างกัน หรืออยู่ตรงข้ามคนละขั้วความคิดกัน รับเชิญไปอภิปรายร่วมรายการกับผู้คนจากหลากสี และฟังเสียงบ่นรวมถึงคำถามใหม่ๆ หรือเดิมๆ จากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมากมาย ทำให้ต้องมานั่งครุ่นคิดกับตนเอง ทบทวนถึงเหตุการณ์ทั้งหลายที่ผ่านมาตลอดช่วงชีวิตของการดิ้นรนต่อสู้เพื่อแสวงหาอนาคตและสิ่งใหม่ที่ดีกว่าของสังคมไทยเพื่อก้าวให้หลุดพ้นจากสภาพวิกฤตที่ฉุดประเทศให้ติดหล่ม แบบอยู่กับที่ก็มีแต่เสื่อมถอย เดินหน้าก็ก้าวไม่ออก
วันนี้เดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนถามว่าจะเอาอย่างไรกับประเทศชาติบ้านเมืองของเรา จะปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกเหรอ แน่นอนที่สุดเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่ค่อนประเทศที่ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยและไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่ได้รับรางวัล No Brain Prize มาปกครองบ้านเมืองอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ก็คงจะตกอยู่ในอาการเช่นเดียวกันกับผู้เขียน ทุกคนล้วนแต่ถามว่าจะหาทางออกให้กับบ้านเมืองอย่างไรดี เพื่อจะหาคำตอบให้กับตนเองและกับพี่น้องที่เคารพนับถือ จึงจำเป็นต้องค้นหาและทำความเข้าใจกับเหตุปัจจัยทั้งหลายที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอยให้พบและตรงกันเสียก่อน หากท่านทั้งหลายเห็นพ้องด้วย ก็จะได้มุ่งไปสู่การต่อสู้และแก้ไขร่วมกัน
เหตุปัจจัยทั้งหลายที่นำพาให้ชาติบ้านเมืองของเราตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้ พอจะจำแนกได้เป็นประเด็นๆ ตามความเข้าใจของผู้เขียนได้ดังนี้
1. ประเทศตกอยู่ภายใต้โครงสร้างและระบบการเมืองที่เป็นเผด็จการโดยพรรคการเมืองของนายทุนผูกขาด ระบบและโครงสร้างนี้ครอบงำสังคมไทยมายาวนานไม่น้อยกว่า 20 ปี (2535-ปัจจุบัน) ยุคทักษิณครองเมืองมาจนถึงขณะนี้เป็นตัวอย่างของการเมืองสามานย์ที่เป็นเผด็จการโดยนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองอย่างเด่นชัดที่สุด การเมืองระบบนี้เป็นระบบรวบอำนาจกอบโกยผลประโยชน์เพื่อตนเอง กลืนกินและทำลายผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่อาจพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศก้าวหน้า ประชาชนเข้มแข็งมั่งคั่ง และมีความมั่นคงในชีวิตขึ้นมาได้
2. พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือตัวแทนของระบบการเมืองโดยพรรคการเมืองของนายทุนผูกขาด บริหารบ้านเมืองและทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของทุน เจ้าของพรรค เดินหน้าล้างความผิด ฟอกคดีให้กับทักษิณ กลุ่มนักโทษการเมืองและสมุนบริวารคนเสื้อแดงที่เป็นฐานและเครื่องมือทางการเมืองของตน คุ้มครองและปกป้องข้าราชการชั่ว ปูนบำเหน็จคนเลวให้ได้ดี
3. รัฐบาลและนักการเมืองทุกพรรคขอเน้นย้ำว่าทุกพรรค ทุกฝ่ายที่ได้มีโอกาสบริหารบ้านเมือง ล้วนแต่โกง ทุจริต แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเอง เพื่อพรรคของตนเป็นสำคัญ แข่งกันใช้นโยบายประชานิยม มอมเมาประชาชน ผลาญเงินภาษีและสร้างภาระหนี้แก่ประเทศชาติทิ้งเป็นมรดกบาปให้ประชาชนแบกรับชั่วลูกหลาน
4. สื่อมวลชนและนักวิชาการที่ควรจะเสนอความจริงให้ปัญญากับประชาชน ส่วนใหญ่ไม่ยึดมั่นในวิชาชีพของตนเอง ไร้จริยธรรม คุณธรรม ขายตัว ยอมรับใช้และเป็นเครื่องมือให้กับการเมืองแบบเผด็จการทุนผูกขาด เพียงเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่เขาหยิบยื่นให้
5. ข้าราชการของรัฐขาดจริยธรรม และคุณธรรมของความเป็นข้าราชการที่ดี ผู้ที่ได้รับตำแหน่งและความรับผิดชอบของส่วนราชการที่สำคัญๆ ส่วนมากได้มาเพราะการวิ่งเต้น ติดสินบน หรือทำตัวเป็นทาสรับใช้อำนาจฝ่ายการเมือง โดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกผิด ชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมายก็หาได้คำนึงไม่ ยอมตนรับใช้และเป็นทาสของการเมืองมากกว่าจะยึดประโยชน์ของชาติและประชาชน
6. สถาบันกองทัพอันเป็นเสาหลักและรั้วปกป้องประเทศชาติ ถูกทำให้แตกแยก และอ่อนแอลง โดยการแทรกแซง แทรกซื้อ โดยเผด็จการทุนผูกขาดทางการเมือง ฝ่ายความมั่นคงก็อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพไม่อาจรับมือกับสถานการณ์ปัญหาที่คุกคามต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ทั้งจากภายในและภายนอกราชอาณาจักร กองทัพไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฯ
7. ศาลและกระบวนการยุติธรรม, อัยการและตำรวจรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนดำเนินคดี ถูกครอบงำ แทรกแซง ทำให้อ่อนแอและเป็นที่เสื่อมศรัทธาอย่างเป็นขบวนการจากนักโทษหนีคดีการเมือง กรณีการพิพากษาลงโทษคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล 85 ปี, การสั่งไม่ฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข, การสั่งให้ยุติคดีหลายคดีโดย DSI, การพูดของทักษิณกับผู้พิพากษาขอให้ช่วยคนเสื้อแดง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นการสั่นคลอนและทำลายกระบวนการยุติธรรมของชาติ
8. องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ไม่มีความเป็นอิสระที่แท้จริง ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ไม่เข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา จึงไม่เป็นที่ยำเกรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งหลาย
9. วงการศาสนาของประเทศก็อยู่ในอาการเสื่อมถอย ตกต่ำ ลัทธิความเชื่อและการตีความตามคำสอนทางพระพุทธศาสนาแบบผิดๆ และกำลังสร้างพิธีกรรมที่เป็นการทำลายพุทธศาสทุกวัน ขยายตัวและเหิมเกริมอย่างยิ่ง สำนักธรรมกายได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างน่าวิตกยิ่ง
10. ประชาชนพลเมืองของประเทศถูกทำให้แตกแยกและอ่อนแอลง ประกอบกับความคิดที่ผิดและล้าหลัง อันเกิดจากฝ่ายชนชั้นปกครองสร้างขึ้นและมอมเมาประชาชนพลเมืองให้เห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา โจมตีใส่ร้ายคนทำความดี ส่งเสริมพฤติกรรมรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ชนะไหนเฮนั่นขาดวินัยและความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ
ทั้งหมดเหล่านี้ คือเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอย ล้าหลังและมิได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง หากเราไม่ทลายกำแพงแห่งปัญหาและเหตุปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้อย่างเอาจริงเอาจังและถึงรากถึงโคน ขจัดมันให้ถึงที่สุดแล้วก็มืดมนและยากที่ประเทศไทยจะก้าวให้พ้นวิกฤต แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีหละ ขอความกรุณาอย่าได้ถามผู้เขียนเลย จงถามเจ้าของประเทศว่าจะทำอย่างไร?
วันนี้เดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนถามว่าจะเอาอย่างไรกับประเทศชาติบ้านเมืองของเรา จะปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกเหรอ แน่นอนที่สุดเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่ค่อนประเทศที่ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยและไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่ได้รับรางวัล No Brain Prize มาปกครองบ้านเมืองอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ก็คงจะตกอยู่ในอาการเช่นเดียวกันกับผู้เขียน ทุกคนล้วนแต่ถามว่าจะหาทางออกให้กับบ้านเมืองอย่างไรดี เพื่อจะหาคำตอบให้กับตนเองและกับพี่น้องที่เคารพนับถือ จึงจำเป็นต้องค้นหาและทำความเข้าใจกับเหตุปัจจัยทั้งหลายที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอยให้พบและตรงกันเสียก่อน หากท่านทั้งหลายเห็นพ้องด้วย ก็จะได้มุ่งไปสู่การต่อสู้และแก้ไขร่วมกัน
เหตุปัจจัยทั้งหลายที่นำพาให้ชาติบ้านเมืองของเราตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้ พอจะจำแนกได้เป็นประเด็นๆ ตามความเข้าใจของผู้เขียนได้ดังนี้
1. ประเทศตกอยู่ภายใต้โครงสร้างและระบบการเมืองที่เป็นเผด็จการโดยพรรคการเมืองของนายทุนผูกขาด ระบบและโครงสร้างนี้ครอบงำสังคมไทยมายาวนานไม่น้อยกว่า 20 ปี (2535-ปัจจุบัน) ยุคทักษิณครองเมืองมาจนถึงขณะนี้เป็นตัวอย่างของการเมืองสามานย์ที่เป็นเผด็จการโดยนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองอย่างเด่นชัดที่สุด การเมืองระบบนี้เป็นระบบรวบอำนาจกอบโกยผลประโยชน์เพื่อตนเอง กลืนกินและทำลายผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่อาจพัฒนาและส่งเสริมให้ประเทศก้าวหน้า ประชาชนเข้มแข็งมั่งคั่ง และมีความมั่นคงในชีวิตขึ้นมาได้
2. พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือตัวแทนของระบบการเมืองโดยพรรคการเมืองของนายทุนผูกขาด บริหารบ้านเมืองและทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของทุน เจ้าของพรรค เดินหน้าล้างความผิด ฟอกคดีให้กับทักษิณ กลุ่มนักโทษการเมืองและสมุนบริวารคนเสื้อแดงที่เป็นฐานและเครื่องมือทางการเมืองของตน คุ้มครองและปกป้องข้าราชการชั่ว ปูนบำเหน็จคนเลวให้ได้ดี
3. รัฐบาลและนักการเมืองทุกพรรคขอเน้นย้ำว่าทุกพรรค ทุกฝ่ายที่ได้มีโอกาสบริหารบ้านเมือง ล้วนแต่โกง ทุจริต แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเอง เพื่อพรรคของตนเป็นสำคัญ แข่งกันใช้นโยบายประชานิยม มอมเมาประชาชน ผลาญเงินภาษีและสร้างภาระหนี้แก่ประเทศชาติทิ้งเป็นมรดกบาปให้ประชาชนแบกรับชั่วลูกหลาน
4. สื่อมวลชนและนักวิชาการที่ควรจะเสนอความจริงให้ปัญญากับประชาชน ส่วนใหญ่ไม่ยึดมั่นในวิชาชีพของตนเอง ไร้จริยธรรม คุณธรรม ขายตัว ยอมรับใช้และเป็นเครื่องมือให้กับการเมืองแบบเผด็จการทุนผูกขาด เพียงเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่เขาหยิบยื่นให้
5. ข้าราชการของรัฐขาดจริยธรรม และคุณธรรมของความเป็นข้าราชการที่ดี ผู้ที่ได้รับตำแหน่งและความรับผิดชอบของส่วนราชการที่สำคัญๆ ส่วนมากได้มาเพราะการวิ่งเต้น ติดสินบน หรือทำตัวเป็นทาสรับใช้อำนาจฝ่ายการเมือง โดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกผิด ชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมายก็หาได้คำนึงไม่ ยอมตนรับใช้และเป็นทาสของการเมืองมากกว่าจะยึดประโยชน์ของชาติและประชาชน
6. สถาบันกองทัพอันเป็นเสาหลักและรั้วปกป้องประเทศชาติ ถูกทำให้แตกแยก และอ่อนแอลง โดยการแทรกแซง แทรกซื้อ โดยเผด็จการทุนผูกขาดทางการเมือง ฝ่ายความมั่นคงก็อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพไม่อาจรับมือกับสถานการณ์ปัญหาที่คุกคามต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ทั้งจากภายในและภายนอกราชอาณาจักร กองทัพไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฯ
7. ศาลและกระบวนการยุติธรรม, อัยการและตำรวจรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนดำเนินคดี ถูกครอบงำ แทรกแซง ทำให้อ่อนแอและเป็นที่เสื่อมศรัทธาอย่างเป็นขบวนการจากนักโทษหนีคดีการเมือง กรณีการพิพากษาลงโทษคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล 85 ปี, การสั่งไม่ฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข, การสั่งให้ยุติคดีหลายคดีโดย DSI, การพูดของทักษิณกับผู้พิพากษาขอให้ช่วยคนเสื้อแดง ฯลฯ ล้วนแต่เป็นการสั่นคลอนและทำลายกระบวนการยุติธรรมของชาติ
8. องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ไม่มีความเป็นอิสระที่แท้จริง ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ไม่เข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา จึงไม่เป็นที่ยำเกรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งหลาย
9. วงการศาสนาของประเทศก็อยู่ในอาการเสื่อมถอย ตกต่ำ ลัทธิความเชื่อและการตีความตามคำสอนทางพระพุทธศาสนาแบบผิดๆ และกำลังสร้างพิธีกรรมที่เป็นการทำลายพุทธศาสทุกวัน ขยายตัวและเหิมเกริมอย่างยิ่ง สำนักธรรมกายได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างน่าวิตกยิ่ง
10. ประชาชนพลเมืองของประเทศถูกทำให้แตกแยกและอ่อนแอลง ประกอบกับความคิดที่ผิดและล้าหลัง อันเกิดจากฝ่ายชนชั้นปกครองสร้างขึ้นและมอมเมาประชาชนพลเมืองให้เห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา โจมตีใส่ร้ายคนทำความดี ส่งเสริมพฤติกรรมรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ชนะไหนเฮนั่นขาดวินัยและความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ
ทั้งหมดเหล่านี้ คือเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอย ล้าหลังและมิได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง หากเราไม่ทลายกำแพงแห่งปัญหาและเหตุปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้อย่างเอาจริงเอาจังและถึงรากถึงโคน ขจัดมันให้ถึงที่สุดแล้วก็มืดมนและยากที่ประเทศไทยจะก้าวให้พ้นวิกฤต แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีหละ ขอความกรุณาอย่าได้ถามผู้เขียนเลย จงถามเจ้าของประเทศว่าจะทำอย่างไร?