xs
xsm
sm
md
lg

ปชป. อัด“ปู” แย่กว่าแม้ว เพื่อไทย แขวะอย่าคิดออกแบบปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(1 เม.ย.55) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังจัดรายการวิทยุ"หอกระจายข่าว" ทุกวันอาทิตย์ เวลา 9.00 -10.00 น. ซึ่งเริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันนี้ ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ 15 ยุทธศาสตร์ ตั้งธงเป็นรัฐบาลว่า ดีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามมียุทธศาสตร์ เพราะหลังแพ้เลือกตั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่สนับสนุน ก็เป็นฝ่ายค้านที่ตีรวนรัฐบาลมาตลอด ขัดขวางทุกเรื่อง ค้านทุกเรื่อง แม้แต่พลเอกเปรมจะมาร่วมงานฟังดนตรีที่ทำเนียบก็ค้าน หนึ่งใน 15 ยุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์ คือต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ แสดงให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่า การจะเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องล้มรัฐบาลปัจจุบันให้ได้ ซึ่งเราจะเห็นจากการป่วนสภา วอล์คเอาท์ ล้อมกรอบประธานกรรมาธิการปรองดอง และด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ซึ่งทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของสภา และ ประชาธิปัตย์ เป็นพรรคแรก ที่ทำแบบนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ขอเสนอยุทธศาสตร์ที่ 16 ให้ พรรคประชาธิปัตย์ คือ ขอให้สำรวจตนเองอย่างจริงจังว่าที่ประชาชนเขาเมินพรรคคุณเพราะอะไร สำรวจตั้งแต่ตัวหัวหน้า บอกว่าตนเองเป็นนักประชาธิปไตย แต่เป็นผู้นำบอยคอตการเลือกตั้งในปี 2548 นายอภิสิทธิ์ มีส่วนอย่างมากในการก่อให้เกิดวิกฤตการเมืองในปีนั้น ประชาธิปัตย์ปกป้องรัฐธรรมนูญปี 50 ที่มาจากการรัฐประหารอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะตัวเองได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์นำพรรคสู่การเลือกตั้ง แต่แพ้เลือกตั้ง แล้วก็ลาออกตบตาประชาชน และรับเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคต่อ ถ้าในต่างประเทศเขาไม่รับตำแหน่งอีกแล้ว ต้องให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ถามว่าสปิริตทางการเมืองมีบ้างไหม
กรณีพรรคประชาธิปัตย์จัดงานออกแบบประเทศไทย ฟังแล้วก็สะท้อนใจว่า เวลาท่านเป็นรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว สินค้าแพง คนตบตีกันเข้าคิวแย่งซื้อน้ำมันปาล์ม ขายไข่ชั่งกิโล ยาบ้าเต็มเมือง ทุจริตฟูเฟื่อง ชาติเสียหายปีละร่วมสองแสนล้านจากตัวเลขของสภาหอการค้า ด้านต่างประเทศก็ทะเลาะกับชาวบ้านเขาไปทั่ว เป็นรัฐบาลก็ล้มเหลวจน ประชาชนเขาไม่เลือก เป็นฝ่ายค้านก็ตีรวนทุกรูปแบบ อย่างนี้ท่านยังจะมาออกแบบประเทศไทยอีกหรือ อุปมาอุปมัยเหมือนสถาปนิกที่ตึกที่ตนออกแบบอยู่เองยังทรุดมีคนตาย คงไม่มีคนจ้างมาออกแบบตึกให้อย่างแน่นอน นายอนุสรณ์กล่าว
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรค แถลงว่าในวันที่ 1เม.ย. ตามธรรมเนียมของฝรั่งถือว่า เป็นวันเอพิล ฟูลเดย์ ที่จะโกหกกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่านักการเมืองของไทยจะรับอิทธิพลนี้มาด้วย และไม่น่าเชื่อว่าระดับผู้นำฝ่ายค้ายอย่างนายอภิสิทธิ์ จะเข้าร่วมสนุกกับเทศกาลนี้ด้วย เห็นได้ชัดในการการแถลงของนายอภิสิทธิ์ ที่เมืองทองธานี เพราะหลายเรื่องที่พูดเป็นการพูดตรงข้ามกับความเป็นจริง ทั้งการพูดว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านการรัฐประหารมาโดยตลอด ทั้งที่ความจริงเป็นอย่างไรประชาชนก็รู้กันอยู่ ทั้งการได้ประโยชน์จากรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 การตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร หรือการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ผลพ่วงจากรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงเป็นการพูดตรงข้ามกับความเป็นจริง แต่หากจะบอกว่าเป็นการพูดเพื่อให้เข้ากับเทศกาลเอพิล ฟูลเดย์ยังน่าเชื่อถือกว่า
" ส่วนกรณีที่นายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ทนายความของนปช.ออกมาให้ข้อมูลว่าที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เคยใช้สิทธิเลือกตั้งในอังกฤษถึง 3 ครั้ง และที่ตลกกว่านั้นคือเมื่อผู้สื่อข่าวไปถามกลับตอบว่าไม่ทราบเหมือนกัน และจำไม่ได้ ทำให้คนไทยสงสัย ว่า นายอภิสิทธิ์พูดล้อเล่นในวันโกหกโลกหรือไม่ เพราะคนสติดีจะไม่ตอบในลักษณะดังกล่าว แต่การโกหกก็ถือเป็นเรื่องปกติของพรรคประชาธิปัตย์ที่สร้างคำโกหกคำโตทุกวันอยู่แล้ว " รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายใต้การบริหารงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ได้นำประเทศก้าวเข้าสู่จุดเสี่ยงต่อเสถียรภาพของบ้านเมือง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองจากการบริหารประเทศที่ลุแก่อำนาจ ขาดความเข้าใจต่อระบอบประชาธิปไตย อ้างเสียงข้างมากมาสนับสนุนการกระทำที่ไม่ถูกต้องของตัวเอง จนทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ สะสมแรงกดดันที่อาจจะปะทุกลายเป็นแรงต่อต้านรัฐบาล ไม่แตกต่างจากในช่วงปลายปี 2548 ซึ่งระบบตรวจสอบทำงานไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลไร้ซึ่งคุณธรรม และจริยธรรม
ทั้งนี้ ในยุคของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะสร้างภาพให้ดูประนีประนอมไม่ขัดแย้งกับใคร แต่ความจริงต้องถือว่าเลือดเย็นกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย เนื่องจากในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่สังคมเห็นชัดว่าใครต้องรับผิดชอบ แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากลอยตัวอยู่เหนือปัญหาแล้วยังโยนให้คนอื่นรับผิดชอบตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ความพายามที่จะนิรโทษกรรมเพื่อล้างผิดให้กับพี่ชาย ก็ไม่แตกต่างอะไรจากคนที่มีอำนาจมองดูคนชั่วข่มขืนประเทศ โดยไม่ใช้อำนาจยับยั้ง จึงไม่ต่างอะไรกับโจร ที่ร่วมกระทำชำเราบ้านเมือง
“จะเห็นว่าเพียงแค่สองวัน รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำในสิ่งที่ถูกสังคมตั้งคำถามอย่างรุนแรงถึงการใช้อำนาจรัฐถึง 6 เรื่อง คือ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.กรมสรรพากร มีคำสั่งไม่เก็บภาษีคนตระกูลชินวัตร 1.2 หมื่นล้านบาท โดย ดีเอสไอ มีคำสั่งยุติคดี นายกรัฐมนตรีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท และ อัยการมีคำวินิจฉัยสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.เพชรบุรี จากกรณีส่งอีเมล์ข่มขู่นักข่าวช่อง 7
วันรุ่งขึ้น 30 มี.ค. ก็เลวร้ายไม่ต่างกันเพราะ ดีเอสไอ มีคำสั่งยุติคดีผังล้มเจ้า อ้างว่าไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ปีที่แล้ว นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ยืนยันผ่านสื่อมวลชนชัดเจนว่า ขบวนการล้มเจ้า มีอยู่จริง และเชื่อมโยงกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช.
ในวันเดียวกัน อัยการยังมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายจักรภพ เพ็ญแข ในการกระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112
นอกจากนี้ สำนักโฆษกฯ ยังมีหนังสือแทรกแซงสถานีโทรทัศน์สี กองทัพบกช่อง 7 ยกเลิกไม่ให้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปทำข่าวภารกิจนายกรัฐมนตรี ในการประชุมอาเซียน ที่กัมพูชาด้วย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 46
" ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่ลุแก่อำนาจ ทำไม่ได้ครับ 2 วันพวกท่านท้าทายความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น ทำให้ทั้งตำรวจ อัยการ และ ดีเอสไอ อยู่ในสภาพที่สังคมมิอาจตั้งหวัง และยังเป็นรัฐบาลที่ปากบอกรักประชาธิปไตย แต่ใจคอคับแคบยิ่งกว่าเผด็จการ ใช้อำนาจทางการเมืองกดดันสื่อมวลชน ที่แทรกแซงไม่ได้" นายชวนนท์ กล่าว
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่คณะผู้วิจัยสถาบันพระปกเกล้าควรจะได้นำไปพิจารณา ว่า ทางเลือกที่เสนอผ่านงานวิจัยเกี่ยวกับการล้มคดี คตส.แล้วให้กลับสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ ภายใต้โครงสร้างอำนาจที่ฝ่ายบริหารกำหนด ดังเช่นเวลานี้จะสามารถนำคนผิดที่ทุจริตปล้นชาติผลาญแผ่นดินมาลงโทษได้หรือไม่ และเป็นคำตอบสำหรับผู้วิจัยว่า เหตุใดจึงต้องมี คตส. หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.49 ก็เพราะว่าระบบตรวจสอบในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจนั้น ทำงานไม่ได้เลย และตอนนี้รัฐบาลน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กำลังทำให้ประเทศไทยมีสภาพไม่แตกต่างไปจากปี 2548 คือ ผู้มีอำนาจไม่เคยผิด และไม่มีทางผิดเพราะเป็นความบกพร่องโดยสุจริต และไม่ให้ความสำคัญต่อจริยธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น