โฆษกประชาธิปัตย์ซัดรัฐปูแดงลุแก่อำนาจ พาชาติสู่จุดเสี่ยง อ้างเสียงข้างมากทำชาวบ้านอึดอัด ย้อนรอย 2548 ชี้ “ปู” เลือดเย็นลอยตัวเหนือปัญหา ฉะนิรโทษกรรมล้างผิด “นช.แม้ว” เหมือนคนมีอำนาจมองดูคนชั่วข่มขืนชาติ ชี้สังคมตั้งคำถามสรรพากรเมินเก็บภาษีชินฯ-ดีเอสไอไม่สอบล้มเจ้า-นายกฯ ปกปิดหุ้นเอสซี อัยการไม่ฟ้อง “แดงขู่นักข่าว-เจ๊เพ็ญ” แถมห้าม “สมจิตต์” ทำข่าวที่เขมร สับใจคับแคบ แนะ ส.พระปกเกล้าทบทวน เชื่อมีใบสั่งช่อง 9 แบนเทป ปชป. ลั่นเดินหน้าแฉแน่
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองภายใต้การบริหารงานกว่า 8 เดือนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นำประเทศก้าวเข้าสู่จุดเสี่ยงต่อเสถียรภาพของบ้านเมือง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมือง จากการบริหารประเทศที่ลุแก่อำนาจ ขาดความเข้าใจต่อระบอบประชาธิปไตย อ้างเสียงข้างมากมาสนับสนุนการกระทำที่ไม่ถูกต้องของตัวเอง จนทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ สะสมแรงกดดันที่อาจจะปะทุกลายเป็นแรงต่อต้านรัฐบาลไม่แตกต่างจากในช่วงปลายปี 2548 ซึ่งระบบตรวจสอบทำงานไม่ได้ รัฐบาลไร้ซึ่งคุณธรรม และจริยธรรม
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะสร้างภาพให้ดูประนีประนอมไม่ขัดแย้งกับใครนั้น ความจริงต้องถือว่าเลือดเย็นกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย เนื่องจากในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นสิ่งที่สังคมเห็นชัดว่าใครต้องรับผิดชอบ แต่การลอยตัวอยู่เหนือปัญหาแล้วโยนให้คนอื่นรับผิดชอบตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ความพยายามที่จะนิรโทษกรรมเพื่อล้างผิดให้แก่พี่ชายนั้น ก็ไม่แตกต่างอะไรจากคนที่มีอำนาจมองดูคนชั่วข่มขืนประเทศโดยไม่ใช้อำนาจยับยั้ง ก็ไม่ต่างอะไรจากโจรที่ร่วมกระทำชำเราบ้านเมือง จะเห็นว่าเพียงแค่สองวันรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำในสิ่งที่ถูกสังคมตั้งคำถามอย่างรุนแรงถึงการใช้อำนาจรัฐถึง 6 เรื่อง คือ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม กรมสรรพากรมีคำสั่งไม่เก็บภาษีคนตระกูลชินวัตร 1.2 หมื่นล้านบาท ดีเอสไอมีคำสั่งยุติคดีนายกรัฐมนตรีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีแอสเสท และอัยการมีคำวินิจฉัยสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.เพชรบุรี จากกรณีส่งอีเมลข่มขู่นักข่าวช่อง 7 วันรุ่งขึ้น 30 มีนาคมก็เลวร้ายไม่ต่างกัน เพราะดีเอสไอมีคำสั่งยุติคดีผังล้มเจ้า อ้างว่าไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน
“ทั้งๆ ที่ปีที่แล้ว นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ยืนยันผ่านสื่อมวลชนชัดเจนว่าขบวนการล้มเจ้ามีอยู่จริง และเชื่อมโยงกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในวันเดียวกัน อัยการยังมีคำสั่งไม่ฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข ในการกระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 นอกจากนี้ สำนักโฆษกยังมีหนังสือแทรกแซงสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ยกเลิกไม่ให้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปทำข่าวภารกิจนายกรัฐมนตรีในการประชุมอาเซียนที่กัมพูชาด้วย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 46 ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่ลุแก่อำนาจทำไม่ได้ครับ 2 วัน พวกท่านท้าทายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น ทำให้ทั้งตำรวจ อัยการ และดีเอสไอ อยู่ในสภาพที่สังคมมิอาจตั้งหวัง และยังเป็นรัฐบาลที่ปากบอกรักประชาธิปไตย แต่ใจคอคับแคบยิ่งกว่าเผด็จการ ใช้อำนาจทางการเมืองกดดันสื่อมวลชนที่แทรกแซงไม่ได้” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่คณะผู้วิจัยสถาบันพระปกเกล้าควรจะได้นำไปพิจารณาว่า ทางเลือกที่เสนอผ่านงานวิจัยเกี่ยวกับการล้มคดี คตส.แล้วให้กลับสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ ภายใต้โครงสร้างอำนาจที่ฝ่ายบริหารกำหนดดังเช่นเวลานี้จะสามารถนำคนผิดที่ทุจริตปล้นชาติผลาญแผ่นดินมาลงโทษได้หรือไม่ และเป็นคำตอบสำหรับผู้วิจัยว่าเหตุใดจึงต้องมี คตส.หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน ก็เพราะว่าระบบตรวจสอบในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจนั้นทำงานไม่ได้เลย และตอนนี้รัฐบาลน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กำลังทำให้ประเทศไทยมีสภาพไม่แตกต่างไปจากปี 2548 คือ ผู้มีอำนาจไม่เคยผิด และไม่มีทางผิดเพราะเป็นความบกพร่องโดยสุจริต และไม่ให้ความสำคัญต่อจริยธรรม
นอกจากนี้ ทางพรรคได้รับแจ้งจากทางช่อง 9 ยกเลิกการนำเทปบันทึกภาพงาน “จับมือรวมพลังออกแบบประเทศไทย” ซึ่งมีการติดต่อกับทางช่อง 9 ไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะออกอากาศในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 1 เมษายน แต่เพิ่งได้รับแจ้งก่อนถึงเวลาออกอากาศประมาณ 1ชั่วโมงเท่านั้น โดยอ้างเหตุผลว่าเนื้อหาไม่ผ่านเซ็นเซอร์ ทั้งๆ ที่เนื้อหาของงานนี้ไม่มีส่วนใดที่จะก่อให้เกิดปัญหาไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงการนำเสนอผลการประชุมใหญ่ของพรรคและคำกล่าวสุนทรพจน์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประาธิปัตย์ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนประเทศไทย และจุดยืนที่จะไม่ยอมให้นักเลือกตั้งใจเผด็จการที่ใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตยมาใช้อำนาจการเมืองเพื่อล้างความผิดให้คนทุจริต รวมทั้งการประกาศคืนการเมืองให้ประชาชน เพื่อร่วมกันก้าวข้ามการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองและพวกพ้องเท่านั้น ตนจึงเชื่อว่าการแบนเทป “จับมือรวมพลัง ออกแบบประเทศไทย” ของช่อง 9 น่าจะมีใบสั่งจากการเมือง ซึ่งนายจักรพันธุ์ ยมจินดา รักษาการ ผอ.อสมท ต้องตอบคำถามนี้
“รัฐบาลกลัวอะไร หวั่นไหวมากขนาดนี้เลยหรือ กลัวว่าหากประชาชนรู้ความจริงว่าพวกท่านกำลังอ้าง 15 ล้านเสียงของประชาชนมากระทำผิดคิดร้ายต่อบ้านเมือง แล้วจะสะเทือนถึงฐานทางการเมือง ไหนมั่นใจว่ามี 15 ล้านเสียงสนับสนุน แต่วันนี้ท่านกลับปิดกั้นการสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนตั้งแต่การกดดันที่ตัวนักข่าว มาจนถึงการแบนเทปออกอากาศงานของเรา รัฐบาลปิดหู ปิดตา ประชาชนไม่ได้ขณะที่รัฐบาลกำลังหลงระเริงใช้อำนาจเพื่อตัวเองทอดทิ้งชาวบ้าน พรรคจะเดินหน้าเปิดโปงพวกท่าน กระชากหนังราชสีห์ที่คลุมตัวสุนัขจิ้งจอกออกมาให้ประชาชนเห็นธาตุแท้ว่า พรรคการเมืองที่อ้างประชาชนนั้นแท้จริงแล้งไม่เคยทำเพื่อประชาชน มุ่งแต่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น” นายชวนนท์กล่าว